ตอนที่122 ศาลาความลับแห่งสวรรค์เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
ยั่วยวนงั้นรึ!
หลินซินเยียนหงุดหงิดอยู่ภายในใจ นางไปยั่วยวนผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน?
น่าเวทนา ที่โม่จื่อเฟิงกลับไม่ให้โอกาสให้นางได้อธิบาย ก็ผละจากนางไป
ท้องฟ้ามืดลง ร้านรวงในเมืองล้วนเริ่มจุดตะเกียง หลินซินเยียนยืนงงอยู่ในมุมถนนอยู่นาน จนกระทั่งลมเย็นพัดผ่านมา นางจึงรู้สึกหนาวสั่นจนได้สติ
ในยามที่กลับมาถึงเรือน ท่านเยว่ได้จัดเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว เซียวฝานและอู๋อี้ที่อยุ่ในห้องทานอาหารกำลังถือตะเกียบเคาะโต๊ะให้ท่านเยว่เริ่มมื้ออาหาร
เห็นท่านเยว่ที่กำลังผูกผ้ากันเปื้อนยืนเท้าสะเอวตำหนีเซียวฝานและอู๋อี้อยู่ หลินซินเยียนที่อารมณ์เสียก็กลับมาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
เซียวฝานเป็นคนแรกที่เห็นหลินซินเยียนกลับมาตะโกนร้องเสียงดังขึ้นมา “ศิษย์น้องหญิง เจ้ากลับมาเสียที หากเจ้าไม่กลับมาอาจารย์ก็ไม่ให้ทานข้าวด้วย ข้ากับศิษย์น้องหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
"พูดจาเหลวไหลน่า! เด็กอ้วนอย่างเจ้า แม้ไม่ได้ทานข้าวก็ไม่หิวจนอดตายหรอก ความเร็วขนาดกินข้าวเป็นถังๆอย่างพวกเจ้าสองคน ถ้าไม่รอให้ศิษย์น้องพวกเจ้ากลับมายังจะมีข้าวเหลืออยู่อีกหรือ?" ท่านเยว่ผูกผ้ากันเปื้อน จัดจากที่จัดแจงชามข้าวและตะเกียบให้หลินซินเยียนจนเสร็จ ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่อิ่มเอิบไปด้วยรอยยิ้มในทันที "สาวน้อย รีบมานั่งทานข้าวสิ วันนี้ข้าต้มน้ำแกงไก่ให้กับเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ"
หลินซินเยียนส่งเสียงตอบรับ ภายในใจรู้สึกอบอุ่น เดินก้าวฉับๆเข้ามาอย่างรวดเร็ว
รอจนนางนั่งลง เซียวฝานและอู๋อี้ก็รีบคว้าตะเกียบพุ้ยกับข้าวอย่างเอาเป็นเอาตาย ความรวดเร็วในการทานนั้นกลับทำให้ผู้คนตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่บ้าง
หลินซินเยียนถือตะเกียบ ค้นหาชิ้นส่วนที่ค่อนข้างมีเนื้อในชามน้ำแกงและคีบใส่ในชามของอาจารย์และศิษย์พี่ บุรุษทั้งสามมองจ้องกันและกันอย่างงุนงง หลังจากนั้นพลันฉีกยิ้มกว้าง
นางรู้ ถึงแม้ปากของเซียวฝานและอู๋อี้จะเรียกได้ว่าร้ายกาจ ทว่าตะเกียบก็อยู่ในมือของพวกเขา หากจะทานข้าวก็ไม่ใช่เพราะเยว่เก๋อเหล่าห้ามเอาไว้ แต่เป็นเพราะพวกเขาเจตนารอ แม้กระทั่งจะแอบลักขโมยทานก็ไม่มี
มีช่วงเวลาดีๆเช่นนี้ ดวงตาของหลินซินเยียนแดงรื้นขึ้นมาชั่วครู่
ท่านเยว่ขยับถ้วยน้ำแกงไก่มาไว้เบื้องหน้า “สาวน้อย รีบดื่มนี่ซะ นี่อาจเป็นเพียงไก่แก่ เมื่อปีแล้วตั้งใจจะเชือดและยังไม่กล้าลงมือเสียที ครั้งนี้เพื่อให้เจ้าบำรุงร่างกาย จะว่าอย่างไรข้าก็ไม่ปล่อยมันไว้หรอก”
“ขอบคุณท่านอาจารย์” หลินซินเยียนยิ้มอย่างน่าเอ็นดู
อย่างไรก็ตามเซียวฝานผู้ได้ฟังอยู่ที่ด้านข้างเกือบจะพ่นข้าวออกมา "ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ว่าท่านไปแอบขโมยนกกระเรียนขาวตัวนั้นจากในเรือนของผู้อาวุโสที่สองมาหรือขอรับ .... ปีที่แล้วท่านก็บอกว่าได้ฆ่ามันไปแล้วนี่...."
นกกระเรียนขาว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...