ตอนที่ 123 ความกังวล
“ขุมกำลังอื่นหรือ?” ท่านเยว่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหนักอึ้งเดินมาข้างกายของอวิ๋นเทียนสี่ ค่อยๆถามเขาด้วยเสียงกระซิบอันเบาว่า “ท่านประมุข หรือท่านหมายถึงผู้ที่มาซื้ออาวุธหน้าไม้โจมตีต่อเนื่องครั้งก่อน?”
อวิ๋นเทียนสี่เงยหน้าเหลือบมองเขา สายตากวาดมองไปยังผู้คนที่อยู่รอบๆ ท่านเยว่เข้าใจความหมายของเขาในทันที สถานที่ที่มีคนมากมาย ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้
ถือโอกาสในช่วงที่ความสนใจของผู้คนในเรือนไม่ได้มุ่งมายังที่ตน หลินซินเยียนถึงหาข้ออ้างเติมชาไปอยู่ข้างกายของโม่จื่อเฟิง นางไม่ได้กล่าวอะไร เพียงมองเขาด้วยสายตาเชิงคำถาม
โม่จื่อเฟิงยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย พลันส่ายหน้ากับนาง
ไม่ใช่เขาที่เป็นคนกระทำหรือ?
หลินซินเยียนขมวดเรียวคิ้ว ภายในใจกลับยังไม่เชื่อถือ หากแม้ว่าโม่จื่อเฟิงจะเป็นผู้กระทำจริง เขาจะบอกกับนางหรือ? สายที่ที่เต็มไปดวงความสงสัยของนางซึ่งเดิมทีก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสนใจตอบกลับ แต่ตอนนี้เขากลับให้คำตอบกับนาง
ภายในใจยังคงสงสัย
หรือนางควรจะเชื่อเขาดีหรือไม่?
ผู้ที่เข้าไปตรวจค้นภายในห้องหับ ส่วนใหญ่ออกมากันอย่างรวดเร็ว แต่ละคนล้วนส่ายหน้ากับอวิ๋นเทียนสี่ บ่งบอกว่าไม่พบอะไรผิดปกติ อวิ๋นเทียนสี่พยักหน้ารับทราบ ราวกับว่าการคาดการณ์ไว้แล้ว เหลือเพียงห้องสุดท้ายที่คนนั้นยังค้นหาอยู่ คนผู้นั้นก็คือผู้เฒ่าครึ่งร้อย(ปั้นไป่) จนในที่สุดก็เดินออกมาจากห้อง เขาเองก็ส่ายศีรษะกับอวิ๋นเทียนสี่ แต่มือของเขาข้างที่คนอื่นๆไม่ได้สังเกตกลับส่งสัญญาณบางอย่างให้แก่อวิ๋นเทียนสี่
แววตาของอวิ๋นเทียนสี่เผยความประหลาดใจเพียงชั่วครู่ แต่ก็ปกปิดไว้ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาบอกลากับท่านเยว่ก็พากลุ่มคนจากไป
รอจนพวกเขาจากไปจนหมด ท่านเยว่ยังคงนั่งอยู่ในเรือนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง "ข้าเห็นว่าการค้นหาแบบนี้ต่อไปไม่ใช่วิธีที่ดี คนที่ขโมยไฉนเลยจะนำของที่ขโมยมาได้ไปไว้ในห้องตนเอง ไม่น่าโง่เขลาได้เพียงนั้น"
"ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีเบาะแสใดๆเลยแม้แต่นิด" เซียวฝานหยิบขนมชิ้นหนึ่งโยนส่งไปหาอู๋อี้ ไม่ทราบว่าอู๋อี้คิดเหตุอันใดอยู่ ชิ้นส่วนขนมที่ลอยมาจนถึงเขาแล้วแต่กลับลืมหลบ จึงโดนเข้าอย่างจัง "อู๋อี้ เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่ล่ะ? ตอนที่พวกเราคุยกันเจ้าใจลอยไปไหนรึ?"
อู๋อี้พลันได้สติกลับมา ก็ขมวดคิ้วแน่น “ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง”
“ตรงไหนที่ไม่ถูกต้องกันล่ะ?” เซียวฝานถาม
อู๋อี้ส่ายศีรษะ "ข้าเองก็บอกไม่ถูก ก็แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างมีลับลมคมในเยอะเกินไป ผู้อาวุโสที่สองก็ออกไปท่องโลก ภายนอกนานมากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราวแม้แต่น้อย โดยส่วนตัวข้าว่ามันก็แปลกประหลาดมากแล้วนะ ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ก็ปิดด่านฝึกตนนานหลายปี ยังไม่เปิดด่านออกมาเลยสักครั้ง ในอดีตผู้อาวุโสทั้งสี่ล้วนอยู่ในสำนัก แต่ปัจจุบันนี้กลับเหลือไม่ถึงครึ่ง มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆน่ะหรือ?"
เซียวฝานหยิบขนมงับเข้าใส่ในปาก "นี่ก็ไม่นับว่าเป็นอะไรหรอก ผู้อาวุโสที่สองออกท่องเดินทางทุกปี ผู้อาวุโสใหญ่เองก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ ทุกสามถึงห้าปีไม่ใช่ว่าเขาต้องปิดด่านฝึกตนอยู่แล้วหรอกหรือ?"
"แต่ว่า ระยะเวลาในครั้งนี้ยาวนานเกินไป" ภายในใจของอู๋อี้เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย แต่กลับไม่สามารถให้เหตุผลได้ว่าเป็นมาอย่างไร จึงได้แต่กำชับเตือน "สรุปแล้วพวกเราจำเป็นต้องระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นใจข้าคงไม่เกิดความกังวลอยู่เสมอ"
"เอาล่ะ เจ้าอย่าได้กังวลเกินกว่าเหตุเลย" เซียวฝานตบบ่าปลอบใจเขา เทชาร้อนๆใส่ถ้วยส่งถึงมือเขา "ดื่มชาให้อุ่นท้องจะได้ไม่ต้องคิดเยอะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...