ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 130

ตอนที่ 130 มาเพื่อเจ้า

ในยามค่ำคืน เทียนไขภายในห้องหลินซินเยียนนั้นมองลงไปนานแล้วแต่นางกลับยังไม่เข้านอน เพียงแค่เอนกายนอนบนเตียงอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นก็มองออกไปยังนอกหน้าต่าง นางไม่เคยคาดหวังการมาถึงของคนผู้นั้นมากถึงเพียงนี้

ทว่านางรอคอยอยู่นาน จนกระทั่งตาเริ่มบวมล้า เขาก็ยังคงไม่มา

ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าเขามักจะลอบเข้ามาในห้องของนางยามดึกดื่นมิใช่หรือ? แต่ตอนนี้ในยามที่นางกำลังต้องการให้เขามา ทำไมเขากลับไม่มากันเล่า?

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา น้ำตาไหลร่วงอยู่สักพัก นางจึงค่อยหยิบผ้าข้างเตียงขึ้นมาเช็ดน้ำหูน้ำตา

“รอเปิ่นหวางอยู่รึ?”

เสียงที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้หลินซินเยียนดีดตัวลุกขึ้นนั่ง กระทั่งไม่ใส่ใจที่จะหลบซ่อนความในใจของตนเองจนนางเผลอเอ่ยปากถาม “ทำไมท่านจึงเพิ่งมา?””

“ดูเหมือนจะรอเปิ่นหวางอยู่อย่างที่คาด” ทว่าขณะที่โม่จื่อเฟิงกล่าวอยู่นั้น สีหน้ากลับดูไม่ค่อยดี “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่คิดฟังคำแนะนำของเปิ่นหวางสินะ”

หลินซินเยียนเงยหน้าจ้องมองเขา หลังจากนั้นได้ยื่นมืออันบอบบางทั้งสองไปกุมมือหนาของเขาด้วยความอ่อนโยนแล้วจูงเขาลงมานั่งที่ข้างๆตน เธอแนบอิงศีรษะพลางกล่าวด้วยความเสียใจ “หม่อมฉันไม่สามารถเพิกเฉยได้เพคะ”

สำหรับการยอมรับโดยทันทีของนาง ทำให้โม่จื่อเฟิงทอดถอนหายใจยาว เขายื่นมือไปเชยคางของนาง “สตรีเอ๋ย เจ้าฉลาดกว่าที่ข้าคิดมากมายนัก ในยามนี้ยังรู้งานสวมบทบาทอ่อนแอต่อหน้าเปิ่นหวางเพื่อแลกกับความสงสารของเปิ่นหวางอีกด้วย”

หลินซินเยียนนำเรียวนิ้วมือของเขาสอดเข้าไปในปาก สอดรับเข้ารับออกอยู่สักครู่จึงค่อยคลายออกพลางกล่าวว่า “ท่านอ๋องเพคะ ท่านอาจารย์ผู้เฒ่านั้นดีกับข้าจริงๆ ถ้าหากหม่อมฉันมิสนใจ หม่อมฉันที่มีชีวิตอยู่จะต่างอะไรกับก้อนเนื้อเดินได้? หม่อมฉันทราบว่าเรื่องที่หม่อมฉันสามารถทำได้นั้นมีน้อยมาก และหม่อมฉันเองก็ทราบว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่ผู้ที่จะต่อกรด้วยได้ แต่..มิใช่ว่าหม่อมฉันยังมีท่านอ๋องอยู่หรือเพคะ?”

ความเงียบเข้าปกคลุมทันที และภายในความเงียบงันนั้นมีเพียงรอยยิ้มสัพยอกจากมุมปากของโม่จื่อเฟิงเท่านั้นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“หลินซินเยียน! เจ้าเป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียงของเปิ่นหวาง อีกทั้งเจ้ามิใช่หวางเฟยของเปิ่นหวาง ยอมล่วงเกินทั่วทั้งศาลาความลับแห่งสวรรค์เพื่อเจ้า นี่เจ้าคิดว่าข้อตกลงนี้มันคุ้มค่ามากนักหรือ?” โม่จื่อเฟิงยิ้มรับแต่กลับมิได้ปฏิเสธการหยอกล้อของนาง

มือของหลินซินเยียนวุ่นวายอยู่ตรงช่วงเอวของเขา ขณะที่พูดนั้นใบแก้มของนางก็แนบเข้ากับอกแกร่ง “หม่อมฉันรู้ว่าตัวหม่อมฉันนั้นต่ำต้อย แต่ท่านอ๋องก็ได้กล่าวไว้ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เรือนร่างของหม่อมฉันก็สามารถทำให้ท่านอ๋องพอพระทัย ถ้าหากว่าแค่เพื่อตัวหม่อมฉันแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าข้อตกลงนี้ย่อมไม่คุ้มค่า แต่ถ้าหากในแผนการของท่านอ๋องสามารถถือโอกาสช่วยเหลือท่านอาจารย์ได้ในระหว่างนั้น ควรไม่ใช่เรื่องยาก”

“แผนการของข้า?” นัยน์ตาโม่จื่อเฟิงหรี่วูบในทันที “ไหนว่ามาซิ”

หลินซินเยียนยิ้มกริ่ม และในขณะที่รอยยิ้มเบ่งบานนางก็กัดเข้าที่สาบเสื้อของเขา และใช้ฟันกระชากคอเสื้อของเขาที่กำลังขวางอยู่ ริมฝีปากแดงระเรื่อจุมพิตลงบนแผ่นอกของเขา นางกระซิบแผ่วเบาพร้อมกับลมหายใจชวนกระเส่า “หม่อมฉันมิอาจที่จะหยิ่งเผยอ ด้วยเข้าใจว่าเพียงเพื่อสาวใช้อุ่นเตียงอย่างข้าท่านอ๋องจึงได้ลงทุนลอบปะปนเข้ามาในศาลาความลับแห่งสวรรค์ ถึงแม้หม่อมฉันจะไม่ทราบเป้าหมายที่แท้จริงของท่านอ๋อง แต่หม่อมฉันคิดว่าในเมื่อสามารถทำให้ท่านอ๋องมาได้ด้วยตนเองย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย สิ่งที่สำคัญที่สุดในศาลาความลับแห่งสวรรค์จะเป็นอะไรได้นอกจากอาวุธ ยุทธภัณฑ์และแบบภาพร่าง และในศาลาความลับแห่งสวรรค์ก็มีช่างฝีมือสุดแกร่งถึงหลายคน ทั้งหมอเป็นคนของท่านเยว่ ถ้าหากท่านอ๋องสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หม่อมรับรองว่าหลังจากเสร็จเรื่องนี้พวกเขาจะมีประโยชน์กับท่านอ๋อง หากท่านอ๋องช่วยคนออกมา การแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือที่มีค่าเท่ากับความแข็งแกร่งครึ่งหนึ่งของศาลาความลับแห่งสวรรค์ ข้อตกลงนี้ เสียเปรียบหรือไม่เพคะ?”

ในอดีตท่านเยว่สร้างอาวุธมามากมายแค่ไหนคงไม่ต้องกล่าว ความสามารถของเขาจัดได้ว่า สิ่งที่เขาสามารถสร้างออกมาจึงจะเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการรอคอยมากที่สุด

หลินซินเยียนที่ได้ใคร่ครวญอยู่นาน จนในที่สุดก็นึกวิธีนี้ออก จวบจนยามนี้มีเพียงโม่จื่อเฟิงเท่านั้นที่กล้าจะต่อกรกับศาลาความลับแห่งสวรรค์

“ฮ่าๆ” เมื่อได้ยินคำเสนอของนาง โม่จื่อเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เปิ่นหวางยังดูแคลนเจ้าไปจริงๆ สามารถคิดข้อเดิมพันอันตรายระดับนี้ขึ้นมาได้ คงไม่ง่ายดายนัก น่าเสียดายที่เจ้าเป็นสตรี หากเป็นคำกล่าวของบุรุษแล้วไซร้ เปิ่นหวางจะยอมรับเจ้าในฐานะกุนซือ(ที่ปรึกษา)อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า…”

“แต่ว่าอะไรหรือเพคะ?” หลินซินเยียนเงยหน้าขึ้น ร่างของนางเอนอยู่บนกายของเขา

“แต่… ถ้าหากเปิ่นหวางจะบอกว่า เปิ่นหวางลอบปะปนเข้ามาในศาลาความลับแห่งสวรรค์เพื่อเจ้าล่ะ?” โม่จื่อเฟิงถามแกมหยอกล้อ

มุมปากหลินซินเยียนกระตุก นิ้วชี้ทาบลงบนริมฝีปากบางของเขา “ท่านอ๋อง ท่านช่างหลอกล่อให้คนมีความสุขเสียจริง”

เขา.. คนเช่นโม่จือเฟิงเนี่ยนะ ลอบปะปนเข้าศาลาความลับแห่งสวรรค์เพื่อสตรีนางหนึ่งงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ถ้าหากมิใช่ว่าเคยเห็นด้านอำมหิตเลือดเย็นของเขา หากเปลี่ยนเป็นสตรีเจ้าชู้ประตูดิน ไม่แน่ว่าอาจจะเชื่อคำพูดของเขาจริงๆก็ได้

“เปิ่นหวางพูดความจริงเจ้ากลับมิเชื่อ เปิ่นหวางปวดใจยิ่งนัก” โม่จื่อเฟิงกล่าวพลางเชยคางของนางขึ้น ริมฝีปากบางจุมพิตประทับลงไป “ช่วยกับไม่ช่วย เช่นนั้นเปิ่นหวางจะรอดูผลงานเจ้าคืนนี้….”

ค่ำคืนมิยาวนาน หากในยามที่ทั้งสองได้เสพสุขร่วมกัน

ยามเช้ามืด โม่จื่อเฟิงที่ปลดปล่อยจนหมดเรี่ยวหมดแรงนอนอ่อนล้าอยู่บนร่างของนางกลับมิได้รีบถอนกายออก ศีรษะของเขายังซุกอยู่ในซอกคอของนาง พลันกล่าวด้วยความเหนื่อยอ่อน “หลินซินเยียน บางครั้งเปิ่นหวางก็มีความรู้สึกว่า คงมีสักวันที่อาจจะตายลงบนเรือนร่างของเจ้า…”

“ฮ่ะๆ…” หลินซินเยียนไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆในความมืด คำหวานของบุรุษผู้หนึ่งที่กล่าวออกมาในขณะที่แก่นกายยังฝังอยู่ในร่างของสตรี หากนางหลงเชื่อคงมิใช่ว่าโง่มากเลยหรือนี่?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่กล่าวออกมา ยังเป็นโม่จื่อเฟิงผู้เชี่ยวชาญสมรภูมิรักมายาวนาน สตรีที่เคยหลับนอนในข่าวลือยังมากกว่าข้าวที่อู๋เซวียนอ๋องเคยทานเสียอีก!

วันถัดมาในช่วงเช้าตรู่ เมื่อฟ้าสว่างเซียวฝานและอู๋อี้ก็ได้มาเคาะประตูห้องของหลินซินเยียน

หลินซินเยียนลืมตาโพลง เหลือบมองไปยังที่นอนข้างๆตนโดยสัญชาตญาณ ค่อยยังชั่วที่โม่จื่อเฟิงจากไปก่อนแล้ว! นางลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าให้ดีจึงค่อยเดินออกมา พลันเห็นขอบรอบตาดำวงใหญ่บนใบหน้าของเซียวฝานและอู๋อี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน

“ศิษย์น้องหญิง ข้าและศิษย์พี่ได้สร้างของบางสิ่ง เจ้ามาดูสิ” อู๋อี้หัวเราะออกมาอย่างหาได้ยาก

หลินซินเยียนพยักหน้า รู้ว่าในยามนี้สิ่งที่พวกเขาสร้างย่อมต้องเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือท่านเยว่ ดังนั้นจึงรีบล้างหน้าล้างตาแล้วตามพวกเขาทั้งสองไปยังโรงทำงาน

เซียวฝานเดินนำหน้า อู๋อี้และหลินซินเยียนเดินตามด้านหลัง เมื่อเปิดเข้าไปในโรงทำงานก็จะเห็นชุดเกราะอันโดดเด่นสีดำสามชุดวางอยู่บนโต๊ะ

หลินซินเยียนเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาพลิกดู พลันตาโตด้วยความประหลาดใจ “นี่คือเกราะกันน้ำใช่หรือไม่?”

“สายตาศิษย์น้องหญิงมีแววอย่างที่คาด เพียงแค่ดูครู่เดียวก็มองออกแล้วว่าสิ่งนี้คืออะไร” อู๋อี้พยักหน้าถี่รัวพลางอธิบาย “เมื่อคืนข้าและศิษย์พี่ปรึกษากันอยู่นาน สรุปแล้วจะต้องรู้ให้ได้ว่าเป้าหมายของท่านประมุขคืออะไรกันแน่ ในเมื่อพวกเขาใช้กฎลงโทษกับตาแก่ นั่นย่อมหมายความว่าหางได้โผล่ออกมาแล้ว ถ้าหากพวกเราสามารถพบกับตาแก่ก็จะสามารถแก้ข้อสงสัยและหาวิธีกันต่อได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต