ตอนที่ 140 กลับสู่เมืองเฟิ่งชี
แสงเปลวไฟส่องท้องฟ้าให้สว่างไสว แสงไฟนั้นส่องมาจากกลุ่มคนที่วิ่งอลหม่าน มีเพียงคนของโม่จื่อเฟิงเท่านั้นที่ไม่ได้แตกตื่น พวกเขายังคงเดินเป็นขบวนอารักขาการจากไปของโม่จื่อเฟิง
อู๋อี้ดันให้หลินซินเยียนไปหลบอยู่หลังโม่จื่อเฟิง ขบวนคนฝ่าฟันนกับกับดักและระบบคุ้มกันบริเวณทางเข้า ในที่สุดก็ออกจากอณาเขตของศาลาความลับแห่งสวรรค์ได้ในยามรุ่งอรุณ
บริเวณปากทางเข้า มีกองทัพทหารเนืองแน่นรออยู่เป็นที่เรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าโม่จื่อเฟิงเตรียมพร้อมรับมือเป็นอย่างดี ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาในศาลาความลับแห่งสวรรค์ กองกำลังทหารเหล่านี้คงต้องกรูทัพตามเข้าไปสมทบเป็นแน่
ผู้ที่เป็นแม่ทัพก็คือจินมู่ มองเห็นโม่จื่อเฟิงจากที่ไกลพวกเขาก็รีบเข้าไปรับ “เจ้านาย ได้รับของสิ่งนั้นแล้วหรือไม่”
“อืม” โม่จื่อเฟิงเอ่ยรับ ก้าวเท้าขึ้นไปบนรถม้าคันโอ่อ่าวิลิศมาหลาประจำกาย
จินมู่เห็นหลินซินเยียนและอู๋อี้เดินเข้ามา นัยน์ตาเปลี่ยนไปชั่วครู่ ก่อนจะออกคำสั่งให้คนเตรียมรถม้าหนึ่งคันเข้ามาในทันใด
ทว่าคนที่สามารถขึ้นรถม้าได้มีเพียงแค่หลินซินเยียนคนเดียวเท่านั้น อู๋อี้ทำได้เพียงควบม้าตามขบวน ว่ากันตามจริง หลินซินเยียนเป็นผู้หญิงของโม่จื่อเฟิง บนเกล้าของนางได้ถูกตีตราไว้แล้ว ฉะนั้นจึงมิบังควรมีเรื่องลับลมคมในกับชายอื่นทั้งสิ้น
ถึงแม้ไม่สามารถนั่งรถม้า แต่ว่าอู๋อี้กลับควบม้าขนาบข้างรถม้าของหลินซินเยียนตลอด ลักษณะการป้องกันสิบเต็มสิบ
หลินซินเยียนยกม่านขึ้นมองแวบหนึ่ง อู๋อี้รู้สึกได้ถึงสายตาของนางจึงรีบหันหน้าไปส่งยิ้มให้นาง อารมณ์คุกรุ่นทุเลาลงด้วยรอยยิ้มของอู๋อี้
เวลาครึ่งปีที่นางมุมานะจากโม่จื่อเฟิงมานั้นไม่ง่ายดาย กลับเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงที่แสนปุบปับนี้สิ้นลง ทว่าตอนนี้ นางไม่ได้อนาถใจเพราะถูกริดรอนอิสรภาพ นางเพียงแค่รวดร้าว เนื่องจากการจากไปของท่านเยว่ หากเทียบกับการจากไปของท่านเยว่แล้ว เรื่องอื่นไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใดเลย
โชคดี โชคดี นางยังมีศิษย์พี่ทั้งสอง ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้ ก็นับว่านางไม่ได้เสียใจอะไรแล้ว
ระยาทางจากศาลาความลับแห่งสวรรค์และเมืองเฟิ่งชีไม่ใกล้ กองทัพทหารอารักขาโม่จื่อเฟิงได้สามวันก็ถอนทัพออกไป หลินซินเยียนคิดว่ากำลังทหารเหล่านั้นน่าจะมาจากเมืองใกล้เคียงนี้เอง ดังนั้นเมื่อภารกิจสำเร็จแล้วจึงถอยกำลังกลับไป
ทันทีที่กองกำลังทหารถอยออกไป ข้างกายของโม่จื่อเฟิงจึงเหลือเพียงองครักษ์ประจำวังไม่กี่สิบนาย ถึงแม้จำนวนคนไม่นับว่าน้อย แต่ว่าองครักษ์รักษาพระองค์ก็เย็นชาเสมือนเจ้านายของพวกเขา ดังนั้นทั้งขบวนล้วนเงียบสงัดอย่างชัดเจน
พวกเขาเร่งรีบทำเวลา ตลอดทางยกเว้นเปลี่ยนม้าและพักผ่อนยามจำเป็นแล้วล้วนไม่สิ้นเปลืองเวลา
การเดินทางเร่งรีบเช่นนี้ทำให้อู๋อี้ทำให้อู๋อี้แทบทนไม่ไหว เขาไม่มีกำลังภายใน การขี่ม้าเป็นเวลาหลายวันนั้นเป็นผลสีหน้าของเขาซีดเผือดขึ้น ทั้งหน้าล้วนมีแววอิดโรย ในวันนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถามหลินซินเยียน “เหตุใดเจ้านายจึงรีบร้อนเช่นนี้ ศาลาความลับแห่งสวรรค์ยามนี้อลหม่านวุ่นวาย ว่ากันตามเหตุผลแล้วกำลังทหารล้วนเป็นคนในวัง สามารถแก้ปัญหาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...