ตอนที่ 139 ม้วนภาพปริศนา
หน้าของโม่จื่อเฟิงไม่เปลี่ยนสี เพียงปรายตาสำรวจมองกลุ่มคนที่ยืนถือคันศรอยู่ข้างหลังอวิ๋นเทียนสี่ สายตาเยียบเย็นลุ่มลึก “ข้าเคยถามท่าน ท่านยังจำไน่ชิงเฉี่ยนได้หรือไม่ หากจำได้ล่ะก็ ท่านน่าจะรู้ว่าข้ามาทำอะไรที่นี่”
“เจ้า! เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับไน่ชิงเฉี่ยนกันแน่” อวิ๋นเทียนสี่ได้ยินเขาเอ่ยถึงไน่ชิงเฉี่ยนดวงตาพลันระริกไหวชั่วขณะ
โม่จื่อเฟิงส่ายศีรษะไปมา “นี่คงไม่ใช่เรื่องของท่าน แต่ข้าจำได้ว่าไน่เหอฮวนทำม้วนภาพตกอยู่ที่นี่ ม้วนภาพนี้ท่านซ่อนเอาไว้ที่ใดกันล่ะ ท่านต้องภาวนาไม่ให้ภาพม้วนนั้นถูกไฟคลอกยับเยิน ไม่เช่นนั้นหากท่านไม่สามารถนำภาพนั้นออกมาได้แล้วล่ะก็ ข้าก็คงทำได้เพียงสังหารหมู่ศาลาความลับแห่งสวรรค์”
เพื่อภาพวาดม้วนนั้น เขาทำเรื่องใหญ่โตอย่างการฆาตกรรมหมู่ศาลาความลับแห่งสวรรค์ได้โดยไม่ลังเล
ในที่สุดหลินซินเยียนก็ทราบจุดประสงค์ที่โม่จื่อเฟิงมาที่นี่ เขากบดานนานเพียงนี้ ปลอมตัวเข้ามาศาลาความลับแห่งสวรรค์ด้วยตนเองเพียงเพื่อภาพหนึ่งม้วนงั้นหรือ สรุปแล้วไน่ชิงเฉี่ยนเป็นคนอย่างไรกันแน่ ฟังแล้วดูเหมือนจะเป็นผู้หญิง นางและโม่จื่อเฟิงมีความสัมพันธ์เช่นไรกัน
ความสงสัยหนึ่งกระบุงกดทับอยู่ในขั้วหัวใจของหลินซินเยียน กลับไม่ได้รับคำแถลงไข สีหน้าของนางเริ่มซีดเผือดทีละน้อย อย่างน้อยก็สามารถฟันธงได้ว่า ไน่ชิงเฉี่ยนคนนั้นต้องเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อโม่จื่อเฟิงคนหนึ่ง
“เจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไน่ชิงเฉี่ยนเคยมาที่ศาลาความลับแห่งสวรรค์ของข้า” อวิ๋นเทียนสี่เบิกตากว้างมองโม่จื่อเฟิง แต่น่าเสียดายที่แววตาเช่นนี้ไม่สามารถข่มขู่โม่จื่อเฟิงได้ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว โม่จื่อเฟิงยิ่งไม่มีกะจิตกะใจตอบคำถามของเขา
“ไม่ต้องพูดพร่ำ รีบนำม้วนภาพออกมา” โม่จื่อเฟิงเกือบไม่มีความอดทนเหลืออยู่
อวิ๋นเทียนสี่เป็นถึงเจ้าศาลาความลับแห่งสวรรค์ จะถูกข่มขู่ได้อย่างดายเพียงนี้ได้เยี่ยงไร เขายกมือขึ้น อาวุธหน้าไม้กว่าร้อยนายที่อยู่ข้างหลังก็ง้างคันเกาทัณฑ์ขึ้นเตรียมยิง “เจ้าคิดว่าคนไม่กี่สิบของเจ้าจะสู้ข้าได้หรือ”
โม่จื่อเฟิงถอนหายใจหนึ่งเฮือก “ช่างไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียจริง”
เพิ่งสิ้นสุดเสียงของเขา ก็ปรากฏกลุ่มคนโผล่ขึ้นข้างหลังอาวุธหน้าไม้เหล่านั้น ยิ่งกว่านั้นในมือของคนกลุ่มนั้นยังถือธนูคู่ที่เหมือนกับอาวุธหน้าไม้พวกนั้นอีกด้วย
อวิ๋นเทียนสี่มองอาวุธหน้าไม้คู่เหล่านั้นสลับไปมา เอ่ยด้วยความตกใจ “เป็นไปไม่ได้ ธนูคู่นี้เป็นอาวุธที่ศาลาความลับแห่งสวรรค์ของพวกเราสร้างขึ้น จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ขายออกไปให้ใคร เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะมี!”
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!” โม่จื่อเฟิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ฉับพลัน ดึงตัวหลินซินเยียนสู่อ้อมกอดด้วยมือเดียว “นี่คงต้องขอบคุณศิษย์รักจากศาลาความลับแห่งสวรรค์ของท่าน”
หลินซินเยียนก็คิดไม่ถึง ธนูคู่นี้จะได้ใช้ในโอกาสเช่นนี้สักวันหนึ่ง ความจริงแล้ว แม้แต่นางยังตกใจ นางประดิษฐ์คันธนูคู่ให้โม่จื่อเฟิง ใช้เวลาไม่นานนัก ทว่าเขากลับเร่งให้คนผลิตออกมาได้เป็นพะเรอเกวียนขนาดนี้ ดูเหมือนว่าช่างไม้ใต้บัญชาของเขาก็มีฝีมือไม่ธรรมดา
“ตอนนี้ ท่านยังจะทิ้งชะตาชีวิตของคนในศาลาความลับแห่งสวรรค์ให้ดับสูญเพียงเพราะภาพม้วนนั้นไหม” โม่จื่อเฟิงเอ่ยปาก แววตาคมกริบประดุจดาบ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด พละกำลังในร่างของเขาเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว
อวิ๋นเทียนสี่สู้อุตสาหะขนาดนี้ จึงไม่ยอมแพ้ง่ายดายเพียงนั้นหรอก เขามองรอบบริเวณของตน แทบจะตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบทั้งสิ้น ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น สีหน้าของเขายังคงไม่มีแววยอมอ่อนข้อ
“ข้าหมดความอดทนแล้ว” โม่จื่อเฟิงเอ่ยประโยคนี้จบ ยกมือให้สัญญาณ จากนั้นคนข้างหลังของเขาก็ชูดาบถลาเข้าไป
อวิ๋นเทียนสี่ตอบโต้อย่างรวดเร็ว อาวุธหน้าไม้จู่โจมตามคำสั่งในฉับพลัน น่าเสียดายว่าข้างหลังอาวุธหน้าไม้พวกนั้นก็คือกลุ่มคนที่ถือธนูคู่รอโจมตีอยู่ ฉะนั้นเวลานี้สนามแห่งนี้จึงอลหม่าน คนของอวิ๋นเทียนสี่รอดครึ่งร่วงครึ่ง ความพ่ายแพ้ศึกครั้งนี้ของเขานั้นจึงแทบจะไม่มีข้อกังขาใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...