ตอนที่ 152 เตรียมหนี
คำพูดของหลินซีนเยียน อู๋อี้ย่อมเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ชีวิตคนเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง การเกิดมาเป็นคนนั้นก็เพื่อมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เราเป็นห่วง คนอยู่ข้างๆเรา ไม่ว่าอะไรก็มักจะเลือกทำในสิ่งที่ไม่สามารถเลือกได้
บางที นี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างคนกับสัตว์ เพราะคนรู้จักการเสียสละ รู้ที่จะเลือก
เรื่องที่เตรียมหนี มีเพียงหลินซีนเยียนกับอู๋อี้เท่านั้นที่รู้ เอ้อร์ยาไม่ได้รู้เห็นอะไรในเรื่องนี้ เพราะกว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น โชคดีที่หมอหลวงเฉินมีนิสัยตรงไปตรงมา เขาเพียงแค่สนใจเรื่องต้มยาเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นไม่ค่อยสนใจ ดังนั้นจึงไม่รู้ถึงความผิดปกติของอู๋อี้กับหลินซีนเยียน
2-3 วันนี้หลินซีนเยียนเอาแต่นอนอยู่บนเตียง และหมอหลวงเฉินก็ค่อยดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายฟื้นฟูขึ้นมาก แม้จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มาก แต่แค่ออกมาเดินเล่นก็คงไม่มีปัญหาใหญ่อะไรมาก
แสงแดดในยามบ่ายทำให้รู้สึกเกียจคร้าน เอ้อร์ยายกเก้าอี้ไปนั่งแทะเม็ดก๋วยจี๊แล้วอาบแดดกับหลินซีนเยียนอยู่ในลานบ้าน 2-3 วันนี้หมอหลวงเฉินอยู่ที่นี่ เริ่มรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว ยามเช้าได้บอกว่าจะเตรียมกลับวัง หลินซีนเยียนเพียงเอ่ยอย่างสุภาพกับเขา แต่ไม่ได้เอ่ยให้เขารั้งอยู่ต่อ
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังอาบแดดอยู่ หมอหลวงเฉินก็เก็บข้าวเก็บของใส่ถุงผ้าของตนเองเสร็จแล้ว ก่อนที่จะจากไปก็ได้เอ่ยกำชับก่อน แต่หลังที่จะไปนั้นก็ได้นั่งลงทานข้าวก่อน เพราะ 2-3 วันนี้ได้ถูกใจรสชาติฝีมือการทำอาหารของเอ้อร์ยาแล้ว
เอ้อร์ยายิ้มแล้วเอามือปิดปาก สำหรับหมอหลวงที่มีนิสัยเรียบง่ายและเป็นกันเอง ไม่มีใครที่จะไม่ชอบ
“ เอ้อร์ยา 2 วันนี้เจ้าต้องระมัดระวังให้มาก ไม่ว่าจะยามฟ้าสางหรือยามมืดค่ำ หากว่ามีคนแปลกหน้ามาเจ้าต้องคอยตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ” หลังจากที่หมอหลวงเฉินจะจากไป หลินซีนเยียนก็ได้เอ่ยกับเอ้อร์ยา
“ คุณหนู จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?” เอ้อร์ยาไม่เข้าใจ หยุดแทะเม็ดก๋วยจี๊ไปครู่หนึ่ง
หลินซีนเยียนพยักหน้า “ ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว คนของเซียวฉางเยว่ใกล้จะหาที่อยู่ของเราเจอแล้ว หากว่าถูกพวกนางหาเจอ เกรงว่าจะไม่เกิดเรื่องวุ่ยวายอะไร แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่างแรกเจ้าต้องรักษาชีวิตตนเองแล้ววิ่งเอาตัวรอดก็พอ ”
เมื่อฟังที่เธอพูด เอ้อร์ยาก็ไม่มีกะจิตกะใจแทะเม็ดก๋วยจี๊อีกแล้ว “คุณหนู ข้าคิดอยากจะรักษาชีวิตของตนเองที่ไหนกัน ต้องรักษาชีวิตท่านก่อนสิ ข้าเอ้อร์ยาแขนขาล้วนหยาบกระด้างหมดแล้ว แผลนิดหน่อยคงไม่เป็นไร....”
ตอนที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงของพ่อค้าขายขนมดังขึ้นจากด้านนอกลานบ้าน คล้ายกับขายน้ำตาลข้าวมอลต์อะไรสักอย่าง
เมื่อเอ้อร์ยาได้ยินเข้า ดวงตาก็สว่างขึ้น โดยปกติเอ้อร์ยาชอบกินของหวานอยู่แล้ว ไม่รอให้หลินซีนเยียนเอ่ยห้ามอะไร นางก็วิ่งออกไปที่หน้าประตูแล้ว
“พ่อค้า ขายน้ำตาลข้าวมอลต์อะไรหรือ ขอให้ข้าดูหน่อย” พอเอ้อร์ยาเดินออกไป พ่อค้าก็เลือกของในหาบให้
พ่อค้าคนนั้นอายุไม่มากเท่าไร ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาส่งสินค้าให้เอ้อร์ยาแล้วก็มองเข้าไปในลานบ้านแวบหนึ่ง ตอนที่เห็นหลินซีนเยียนเข้า ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
“เจ้ามองอะไรหรือ?” เอ้อร์ยามองตามสายตาของเขา สีหน้าก็เริ่มไม่สู้ดีนัก “เจ้าจ้องคุณหนูของข้าทำไมหรือ!”
“มะ ไม่ใช่ แค่รู้สึกว่างดงาม ข้าไม่เคยเห็นคนที่งดงามเช่นนี้มาก่อน”พ่อค้ารีบก้มหน้าทันที รับเงินจากเอ้อร์ยาก็เก็บของแล้วเดินจากไป
เอ้อร์ยาถือน้ำตาลข้าวมอลต์แล้วเดินกลับเข้าบ้าน หลังจากที่ปิดประตูแล้วก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของหลินซีนเยียน “คุณหนู เป็นอะไรหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...