ตอนที่ 151 รีบทำเวลา
เธอคิดว่า ความเงียบของเธอจะทำให้เขาโกรธเคือง แม้ภายในใจของเธอจะแหลกสลายราวกับเศษแก้วที่แตกละเอียดแล้ว แต่เธอก็บอกตนเองว่าไม่สนใจ
แต่ว่า โม่จื่อเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็กอดเธอแน่นกว่าเดิม “ เปิ่นหวางรู้ว่าเจ้าไม่เชื่อ! แม้แต่เปิ่นหวางเองก็ไม่คิดว่าวันนี้ สุราทุกแก้วที่ได้ดื่ม ในหัวของเปิ่นหวางได้ปรากฏภาพของเจ้าที่กำลังพร่ำบ่นเปิ่นหวางว่าไม่ได้มอบตำแหน่งให้เจ้า... ”
หลินซีนเยียนหันหน้ามาเขา ริมฝีปากของเขาอยู่เหนือหน้าผากของเธอ ลมหายใจที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสุรา เธอขมวดคิ้วแล้วอยากจะบอกเขาไปว่า สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่ตำแหน่ง แต่ว่า กลิ่นสุราของอบอวลอยู่นั้นทำให้เธอหายใจไม่ค่อยสะดวก คำพูดที่อยู่ในใจกลับไม่ได้พูดออกมา
เขาดื่มสุราไปเยอะขนาดนี้ ไม่ว่าเธอพูดอะไร เขาจะฟังเข้าใจเหรอ? เธอไม่อยากพูดกับคนเมาสักเท่าไร
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้เอ่ยอะไร โม่จื่อเฟิงก็ถอนหายใจยาว จากนั้นก็ประทับจุมพิตไปบนหน้าผากของเธอ “ ช่างเถิด! รอผ่านวันเหล่านี้ไปก่อน เปิ่นหวางก็จะรับเจ้ากลับจวน แม้จะไม่สามารถมอบตำแหน่งพระชายาได้ แต่เป็นพระสนมที่ถูกทำนองคลองธรรม คนผู้นั้นน่าจะปิดตาข้างเดียว ”
เสียงที่เขาพูดยิ่งเบาลงเรื่อยๆ ราวกับเบื่อหน่าย ผ่านไปสักพักเสียงนั้นก็หายไป
หลินซีนเยียนเบิกตาโพลง คำพูดที่น่าสะเทือนใจที่เขาเพิ่งจะพูดออกมาว่า เขาจะพาเธอกลับจวนอ๋อง แล้วให้เธอเป็นพระสนม?
พระสนม?
มุมปากของเธอแสยะยิ้มเย้ยหยัน ที่แท้เขาปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่เป็นเพียงแค่พระสนมคนหนึ่ง.....
เธอรู้สึกว่ามันตลก เลยหัวเราะออกมาจริงๆ เพียงแค่หัวเราะและก็หัวเราะ ในดวงตาก็มีน้ำตาไหลออกมา
“ หัวเราะอะไร ดีใจขนาดนั้นเลยหรือ? ” โม่จื่อเฟิงไม่ได้หลับตา เขายังคงประทับจุมพิตอยู่บนหน้าผากของเธออยู่ แล้วก็หัวเราะออกมา “ เจ้าควรจะดีใจ เพราะเจ้าได้มีตำแหน่งอยู่ในใจของเปิ่นหวางแล้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เจ้าต้องดีใจอยู่แล้ว จะมีสตรีคนไหนที่ได้ยินคำพูดนี้แล้วจะไม่ดีใจ? ”
เมื่อโม่จื่อเฟิงพูดไปพูดมาก็ผล็อยหลับไป
ลมหายใจที่สงบและมั่นคงของโม่จื่อเฟิงที่อยู่เหนือศีรษะ เสียงหัวเราะของหลินซีนเยียนยังไม่หยุด รวมถึงน้ำตาที่ยังคงไหลริน ผู้ชายคนนี้บอกว่าเธอมีตำแหน่งอยู่ในใจของเขา ยังมีเรื่องอะไรที่น่าขำอีกไหมเนี่ย?
ผู้ชายที่เป็นจอมเผด็จการต้องการครอบครองร่างกายทั้งหมดของเธอผู้นี้ กลับพูดว่าเขาแคร์เธอ? มีอะไรที่น่าขำกว่านี้ไหม!
ในค่ำคืนนี้ โม่จื่อเฟิงกับหลินซีนเยียนเพียงนอนอยู่บนเตียง แต่ในค่ำคืนนี้ระหว่างทั้งสองไม่ได้เกิดคลื่นลมมรสุมอะไร
แต่ไม่รู้ว่าทำไมหลินซีนเยียนกลับรู้สึกเหนื่อยกว่าเรื่องในค่ำคืนก่อนมาก
ยามที่ท้องฟ้าสว่าง เมื่อโม่จื่อเฟิงตื่นขึ้นแล้วเห็นหลินซีนเยียนที่กำลังนอนอยู่ สายตาของเขาดูสับสนไปสักพัก จากนั้นก็เอ่ยเสียงต่ำออกมาว่า “สมควรตาย!”
หลังจากที่สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกไปโดยที่ไม่เอ่ยอะไรอีกเลย
เมื่อเขาเพิ่งจะเดินออกจากประตูไป หลินซีนเยียนก็ลืมตาขึ้นมา ที่มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็นชาออกมา หลังจากที่เขาได้สติแล้วก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่มาที่นี่ในเมื่อคืนนี้สินะ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนที่เธอไม่ได้พูดอะไรออกไปก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว พูดกับคนเมาไปก็ไม่มีความหมายอะไร
“ว่าอย่างไรบ้าง? เมื่อไรพวกเราจะได้ไปหรือ?” หลินซีนเยียนทำเป็นร่าเริงขึ้น พยายามทำให้ตัวเองไม่ได้รู้สึกโศกเศร้า
อู๋อี้เอ่ยต่อ “ ที่แท้หัวหน้าองครักษ์อาณาจักรเป่ยหมิงไม่ได้มางานสมรสของอู่เซวียนอ๋องด้วยตนเอง ว่ากันว่าในขณะนี้สถานการณ์การเมืองภายในอาณาจักรเป่ยหมิงกำลังเปลี่ยนแปลง ดังนั้นหัวหน้าองครักษ์แคว้นผู้นั้นจำเป็นต้องอยู่ในแคว้น เดิมทีก็ไม่ได้มา และไม่รู้ว่าที่ปรึกษาผู้นั้นเกี่ยวข้องอะไรกับหัวหน้าองครักษ์แคว้นด้วย ในเมื่อตอบกลับมาเร็วขนาดนี้ หัวหน้าองครักษ์แคว้นผู้นั้นคงจะยอมรับเงื่อนไขของพวกเราแล้ว จะพาพวกเราไปอาณาจักรเป่ยหมิง จากนั้นก็สร้างอาวุธให้กับเขา เขาจะปกป้องพวกเราให้ปลอดภัย”
หลินซีนเยียนพยักหน้า เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านั้น ภายในใจก็มีความคิดอะไร แต่กลับไม่ได้เอ่ยออกไป เพียงแต่ถามอีกว่า “เช่นนั้นแล้วพวกเขาได้บอกหรือไม่ว่าจะพาพวกเราไปตอนไหน?”
“น่าจะภายใน 2-3 วันนี้ พอถึงเวลานั้นพวกเขาจะหาคนมาปลอมตัวเป็นพวกเราเพื่อตบตาคนของอู่เซวียนอ๋อง จากนั้นพวกเราก็ตามพวกเขาไป กลัวแค่ว่าโม่จื่อเฟิงจะมาที่นี่ทุกวัน เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงจะไม่สามารถถ่วงเวลาได้มากนัก และไม่รู้ว่าในเวลาสั้นๆนี้พวกเราจะหนีออกจากแคว้นหนานเยว่ได้หรือไม่ ?” อู๋อี้เอ่ยอย่างกังวล
อู๋อี้กังวลที่จะไม่สามารถแก้ปัญหาที่ยากได้
หลินซีนเยียนครุ่นคิด จากนั้นก็พูดกับอู๋อี้ว่า “ ศิษย์พี่ บางทีพวกเราไม่ต้องกังวลว่าใน 2-3 วันนี้โม่จื่อเฟิงจะมาที่นี่เลย”
“ทำไมหรือ?” อู๋อี้รู้สึกไม่เข้าใจ
หลินซีนเยียนแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “ เมื่อวานเป็นงานสมรสที่ยิ่งใหญ่ แต่โม่จื่อเฟิงกลับมาหาข้าที่นี่ เจ้าคิดว่าเซียวฉางเยว่จะอดทนได้จริงๆ ถึงนางจะอดทนได้ แต่มหาเสนาบดีเซียวเฉิงเหอที่อยู่เบื้องหลังของนางจะอดทนได้หรือ?”
ในขณะนั้นอู๋อี้ก็เข้าใจในทันที พยักหน้าไม่หยุด “ จริงด้วย! 2-3 วันนี้โม่จื่อเฟิงไม่มาที่นี่ได้ นับว่าเป็นสวรรค์ที่ช่วยพวกเรา! ”
“ หวังว่าจะมาได้ทันกาล ข้าเพียงกังวลว่าเมื่อคืนที่โม่จื่อเฟิงมาที่นี่ เซียวฉางเยว่ต้องสืบหาสตรีของเขาที่อยู่นอกบ้าน บางทีอาจจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถสืบหาที่นี่เจอ หากก่อนที่นางจะหาพวกเราเจอ พวกเราก็คงไม่สามารถหนีไปได้ล่ะก็ นางคงไม่ยอมหย่าแน่ โม่จื่อเฟิงอาจจะเก็บข้าไว้เพื่อทำให้เซียวฉางเยว่โกรธเคือง คนข้างกายข้าคงจะ.... ” หลินซีนเยียนถอดหายใจ แล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...