ตอนที่18ช่วยข้าเรื่องหนึ่ง
“บ่าวไม่ได้หนี บ่าวแค่คิดถึงท่านเลยออกมาตามหาท่าน”หลินซินเยียนรู้สึกเสียวสันหลังเริ่มมีเหงื่อออก ใบหน้าของนางยังคงยิ้มไม่หุบ แต่ในหัวกำลังคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้อย่างสุดชีวิต
“บ่าว...”โม่จื่อฟงยิ้มอย่างดีใจ“ที่แท้เจ้ายังรู้ว่าเป็นเพียงแค่บ่าวของข้า...”
หลินซินเยียนยิ้มเก้อรู้สึกว่ามือที่จับลำคอของตนเองเริ่มจะบีบแน่นขึ้น ตอนนี้แผ่นหลังได้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
อ๋องอู่เสวียนเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก สำหรับเขาแล้วชีวิตของนางเป็นเพียงใบหญ้าแค่ขยับนิ้วมือก็เด็ดออกมาอย่างง่ายดาย
ใช่แล้ว เมื่อก่อนตอนที่อยู่หอพัก อัญจารีนั่นเคยพูดกับนางว่า“ตอนที่ผู้ชายชวนทะเลาะวิธีที่ดีที่สุดคือใช้ปากประกบปากของเขา หลังจากนั้นก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว...”
เพียงแต่ใช้ปากประกบปากของโม่จื่อฟง?
หลินซินเยียนมองไปที่ปากของเขาอย่างไม่รู้ตัว ปากที่บางของเขาให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มคล้ายกับหยก นางกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัวหายใจลึกๆ ในที่สุดก็กัดฟันและยื่นหน้าไปประกบปากของเขา
สาม...สอง...หนึ่ง...
ริมฝีปากแดงที่ประกบกันเพียงชั่วครู่ ในที่สุดนางก็หยุด จะให้นางบังคับฝืนจูบผู้ชายคงเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
“เจ้าจะทำอะไรต้องทำให้ถึงที่สุด!”
น้ำเสียงของโม่จื่อฟงเต็มไปด้วยอารมณ์เสีย สักพักเขาก็กัดปากของนางการกระทำของเขาโหดเหี้ยมมาก พอปากประกบก็ทำให้ปากของนางเลือดออกซิบๆ เขากลับไม่สนใจความรู้สึกของนางเพียงบังคับสอดแทรกเข้าไปในปากของนาง
กลิ่นคาวเลือดในปากยิ่งนานกลิ่นยิ่งแรงขึ้น ในช่วงขณะนั้นในหัวของหลินซินเยียนว่างเปล่าตอนที่รอจังหวะตอบโต้กลับไป โม่จื่อฟงก็นอนทับร่างนางทันที
นอกรถม้า จินมู่ที่ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม หลังจากนั้นก็สั่งให้องครักษ์ทั้งหมดยืนห่างออกไปสิบจ้าง
ขบวนรถม้าสิบกว่าคันหยุดนิ่งอยู่กลางถนนอย่างแปลกประหลาด รถม้าคันหนึ่งที่อยู่แถวหน้าในระยะสิบจ้างไม่มีคนยืนแม้แต่คนเดียว ในระยะสิบจ้างออกไปกลับมีกลุ่มองครักษ์ยืนเรียงแถวติดกัน
ในรถม้าที่อยู่กลางขบวน เซียวฉางเยว่ที่สวมชุดผ้าลายปักสีแดงเปิดม่านออกมาดูเห็นขบวนรถม้าหยุดจึงสอบถามองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ“ข้างหน้าเกิดเรื่องอะไรรึ?เหตุใดถึงหยุดไม่เคลื่อนขบวน?”
องครักษ์คนนั้นส่ายหน้า ถึงแม้จะทราบก็ไม่มีคำตอบให้นาง
เซียวฉางเยว่สีหน้ายังคงปกติ เพียงหันไปหาเซียวอวิ๋นฉินที่อยู่ข้างๆ“อวิ๋นฉิน เจ้าลองไปดูสิว่าข้างหน้าเกิดเรื่องอะไร”
“ได้”เซียวอวิ๋นฉินตอบรับ สาวใช้ประคองนางลงจากรถม้าแล้วเดินไปข้างหน้าขบวน
ผ่านไปไม่นานเซียวอวิ๋นฉินก็กลับมา ตอนที่เดินกลับมาฝีเท้าเร่งรีบกว่าตอนไปพร้อมมีสีหน้าไม่ค่อยดี
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าถึงอารมณ์เสียอย่างนี้?”เซียวฉางเยว่ขมวดคิ้วในน้ำเสียงแสดงถึงความใจร้อนอยู่สองส่วน
เซียวอวิ๋นฉินขึ้นรถม้าและกระซิบที่ข้างหูของเซียวฉางเยว่ ใบหน้าของเซียวฉางเยว่เริ่มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าดุร้าย
อี้ก่วนคือเป็นที่พักม้าและสถานที่พักผ่อนของคนในราชสำนัก
“ท่านอ๋อง...”เสียงใสๆของหลินซินเยียนตอนที่พูดกลับรู้สึกว่าคอแห้งจนมีเสียงแหบ“ท่านช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”
“ช่วยรึ?”โม่จื่อฟงรู้สึกว่าน่าขัน“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองถึงมาขอให้ข้าช่วย?ฐานะของบ่าวคนหนึ่ง?ทำไมข้าต้องช่วยเจ้า?”
หลินซินเยียนรู้ว่าขอความช่วยเหลือจากโม่จื่อฟงราวกับไปขอหนังกับเสือ แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นจึงมาขอให้เขาช่วย“เพียงท่านอ๋องรับปากจะช่วยข้า ต่อไปข้าจะยอมเป็นคนของท่านอ๋อง จากนี้ไปจะซื่อสัตย์กับท่านเพียงผู้เดียวนอกจากท่านอ๋องจะเบื่อข้า มิเช่นนั้นข้าก็ไม่หนีไปจากท่าน!”
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดรึ?”โม่จื่อฟงพูดเสียงเย็นชา
หลินซินเยียนมีสีหน้าขาวซีดแต่ไม่มีอาการตื่นกลัว“หนีไม่รอดแต่ตายได้ หรือว่าข้าไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะตายรึ?หรือว่าท่านอ๋องอยากครอบครองร่างศพข้า?ท่านอ๋อง ข้าเพียงขอให้ท่านช่วยข้า ข้าขอให้ท่านช่วยจัดการเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปข้าจะยินยอมเป็นทาส!”
“ยินยอมเป็นทาส...”โม่จื่อฟงพูดพึมพำ ทันใดนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นถาม“ลองว่ามาเรื่องอะไร?”
หลินซินเยียนได้ยินที่เขาถามใบหน้าก็แสดงความดีอกดีใจ“สำหรับท่านอ๋องแล้วถือเป็นเรื่องเล็กมาก จวนที่อยู่ตรงทางโค้งข้างหน้า คหบดีหลิวได้ซื้อเด็กชายคนหนึ่งไป ข้าอยากให้ท่านอ๋องช่วยเด็กชายคนนั้น”
“เด็กชาย?”โม่จื่อฟงไม่ได้ปฏิเสธอะไรเพียงใช้นิ้วเคาะที่ไม้ลายฉลุบนหน้าต่างเบาๆ“เด็กชายคนนั้นเป็นอะไรกับเจ้า?คู่ควรกับที่เจ้ายอมสละตนเองไปช่วยหรือ?”
หลินซินเยียนอยากจะพูดว่าไม่เคยเจอหน้ามาก่อน แต่นางเปลี่ยนคำพูดใหม่“เป็นน้องชายที่พลัดพรากจากกันมาหลายปี น้องชายแท้ๆ!”
ตามสัญชาตญาณที่ขี้สงสัยของโม่จื่อฟง ไม่เชื่อนางจะยอมสละตนเองเพื่อช่วยเด็กแปลกหน้าคนหนึ่งแน่ๆ ก่อนจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด ไม่สู้ให้คำตอบที่เขาต้องการดีกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...