ตอนที่17ท่านอ๋องเย่อหยิ่ง
เมื่อชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้ายไม่เห็นมีใครเสนอราคาอีกจึงรีบตกลงขายให้กับชายแก่อย่างดีอกดีใจ ชายแก่ส่งสัญญาณให้คนติดตามส่งเงินให้กับชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้ายทันที
ชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้ายยิ้มจนตัวบิดไปบิดมา หลังจากรับเงินก็หยิบโซ่เหล็กที่อยู่ข้างๆและเปิดกรงออก เขาเดินเข้าไปล่ามโซ่เหล็กบนคอของเด็กชาย“นายท่าน ตอนนี้เด็กมารหัวขนนี่เป็นของท่านแล้ว ท่านจูงไปได้เลย”
ชีวิตของเด็กคนหนึ่งถูกเขาทำเป็นสัตว์ตัวหนึ่งที่นำมาขาย
ชายแก่พยักหน้าอย่างพึงพอใจให้คนติดตามไปจูงโซ่เหล็กมา การซื้อขายในครั้งนี้ถือว่าสิ้นสุดลง
เมื่อไม่มีเรื่องสนุกให้ดู ฝูงคนต่างก็ทยอยตัวกันออกไป มีเพียงหลินซินเยียนที่ยืนมองกรงเหล็กที่ว่างเปล่าอยู่นานนางคิดอยากจะช่วยเด็กที่น่าสงสารคนนั้นแต่ว่านางไม่ใช่คนเก่งกาจอะไร นางเป็นเพียงคนธรรมดาและยังอ่อนแอนางจึงเลือกที่จะอดกลั้น
คนติดตามประคองชายแก่ขึ้นรถม้า สองข้างของรถม้ามีคนติดตามของเขาเดินประกบอยู่ คนหนึ่งจับโซ่เหล็กลากเด็กชายให้เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซ
รู้ว่าตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ตอนที่รถม้าหายลับไปจากสายตา หลินซินเยียนทนไม่ไหวจึงรีบวิ่งตามไป
หลังจากที่นางอยู่หลังรถม้าห่างออกไปหลายจั้งก็มองเท้าเปลือยเปล่าของเด็กคนนั้นเดินไปอย่างยากลำบาก บาดแผลที่ถูกแส้ฟาดยังคงมีเลือดไหลอยู่ น้ำสีแดงสดที่ขัดหูขัดตาหยดลงพื้นทีละหยดทำให้ฝุ่นที่ลอยมาติดเปลี่ยนสีไป
หมู่บ้านไม่ค่อยใหญ่ เดินตามรถม้าไปสักพัก ในที่สุดรถม้าก็หยุดที่หน้าประตูจวน ชายแก่เดินลงจากรถม้ามองเด็กที่อยู่ข้างรถม้าแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจจึงกำชับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ“พาเข้าไปล้างตัวให้สะอาด ใช่แล้ว เอาของเล่นที่ข้าซื้อมาจากเมืองหลวงครั้งที่แล้วเข้ามาในห้องด้วย คืนนี้ข้าจะจัดการมันให้ดีๆ”
“เข้าใจแล้วนายท่าน ท่านวางใจเถิด รับรองว่าจะเตรียมการให้เรียบร้อยดีทุกอย่าง”คนติดตามตอบรับอย่างรู้ใจ ใบหน้าที่แสดงความต่ำช้าออกมาทำให้คนมองก็รู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร
หลินซินเยียนยืนอยู่ตรงมุมทางโค้งสายตามองไปที่คนติดตามสองคนที่พาเด็กชายเข้าไปในจวน
เมื่อประตูบานใหญ่ปิด ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง
เป็นเวลานานกว่าที่หลินซินเยียนจะเรียกสติคืนมาได้ สายลมกลางคืนพัดมา นางรู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้าจึงยกมือขึ้นมาจับ ที่แท้เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาตอนไหนก็ไม่รู้
นางได้เห็นความโหดร้ายของสังคมนี้อีกครั้ง การปกครองระบบศักดินาที่เข้มงวดทำให้คนที่ไร้อำนาจเหล่านั้นต้องมีสภาพความเป็นอยู่ที่น่าเวทนายิ่งนัก
นางถอนหายใจยาวทรุด นั่งลงพื้นอย่างรู้สึกหมดแรง แผ่นหลังพิงติดกำแพงสักพัก ในหัวก็นึกถึงภาพชายแก่นั่นกำลังทำลายศักดิ์ศรีของเด็กชาย...
ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบเท้าม้าดังขึ้นทำให้นางเรียกสติคืนมาและมองไปที่ขบวนรถม้าเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ หมู่บ้านเล็กนี้เป็นทางผ่านเขตแดนที่ติดต่อกันระหว่างสองแคว้น ขบวนพ่อค้าส่วนใหญ่ต้องเดินทางผ่านเส้นทางนี้ นี่คงจะเป็นขบวนพ่อค้าที่กำลังเดินทางอยู่แน่
เมื่อคิดเช่นนั้นหลินซินเยียนเตรียมจะหลีกทางให้ขบวนพ่อค้า แต่กลับเห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ห่างออกไป
“จินมู่?”นั่นเป็นองครักษ์ประจำตัวของโม่จื่อฟงไม่ใช่รึ?
นางหวาดผวาจึงหันหลังคิดจะวิ่งหนีไป แต่พอจะก้าวเท้าออกกลับชะงักหยุดลง นางกัดปาดและหันหน้าไปมองรถม้าที่จินมู่อยู่ข้างๆทันที นางมั่นใจว่าโม่จื่อฟงต้องอยู่ในรถม้าคันนั้นอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...