ตอนที่ 192 ข้าจะคลอดแล้ว
คิดไปคิดมาก็ตลกดี เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่ข้างกายเขา เขาบอกว่าฐานะของเธอไม่คู่ควรมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกับเขา พอตอนนี้เธอได้เปลี่ยนฐานะ แต่ยังคงเป็นชาวบ้านธรรมดาอยู่ เขากลับยอมให้เธอนั่งลงทานข้าวได้
เขาเปลี่ยนไปหรือว่าเธอยังเข้าใจเขาไม่พอ?
หลินซีนเยียนนั่งลงอย่างรู้สึกเก้อเขิน หลุบตาลงเหล่มองไปยังอวิ๋นเสียวอิงที่กำลังวางท่าอยู่ ถึงเป็นเป็นเทพธิดาน้อยที่ภายนอกดูซื่อใสบริสุทธิ์ราวกับดอกบัวขาว แต่ภายในใจไม่ว่าจะไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่แสดงออกมา ซ้ำยังคีบอาหารให้หลินซีนเยียนด้วยตนเอง
“พี่สะใภ้ เจ้าทานให้มากหน่อย มิเช่นนั้นอาจจะหิวก็ได้ พอกลับถึงบ้านแล้ว สามีเจ้าจะเป็นห่วงเอาได้ ” อวิ๋นเสียวอิงเจตนาเอ่ยถึงสามีของเธอ เพียงเพื่อตักเตือนโม่จื่อเฟิงเท่านั้น
หลินซีนเยียนพอเข้าใจ เพียงคิดว่าต้องระมัดระวังอวิ๋นเสียวอิงผู้นี้ให้มากขึ้น เมื่อก่อนเพราะว่าเธอโดนคนข้างกายของโม่จื่อเฟิงขายให้มือสังหาร ตอนนี้เธอมาปรากฏตัวต่อหน้าโม่จื่อเฟิงในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ เธอยังต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น นี่มันน่ารังเกียจ หรือว่าน่าสงสารกันแน่?
“สามี....” มือของโม่จื่อเฟิงที่ถือตะเกียบขึ้นมาพลันชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วหันหน้ามาเอ่ยถาม “ จริงด้วย เห็นฮูหยินมาหลายครั้งแล้วแต่กลับไม่เคยเห็นสามีของฮูหยิน ภรรยาออกนอกบ้านมาคนเดียวเช่นนี้เขากลับไม่เป็นห่วงเป็นใยเลยหรือ?”
“เอ่อ สามีของข้าไปทำการค้าทางทิศใต้ หนึ่งปีกว่าจะกลับมาที เมื่อก่อนข้าก็ตามเขาไปทุกที่ หากไม่ใช่เพราะว่าท้องใหญ่และก็เดินไม่ค่อยไหว ถึงได้กลับมาอยู่ที่เมืองเฟิ่งซี ” เธอเตรียมตอบคำถามโม่จื่อเฟิงเอาไว้นานแล้ว ดังนั้นในใจจึงได้คิดเหตุผลเอาไว้นานแล้ว
แต่ว่าเหตุผลนี้เมื่อได้พูดออกไปแล้วก็ไม่รู้โม่จื่อเฟิงจะเชื่อหรือไม่
“ อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ” โม่จื่อเฟิงคีบอาหารต่อ “ ในช่วงเวลาทานข้าวนี้ หากฮูหยินไม่ถือสาอะไรช่วยเล่าเกี่ยวกับบ้านเกิดของเจ้าให้ข้าฟังได้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของพวกเจ้าที่แตกต่างจากที่อื่น ”
“ได้เพคะ”หลินซีนเยียนพยักหน้าแล้วเริ่มเล่าอย่างช้าๆ “ เนื่องจากพวกเรานั้นอยู่ห่างออกจากโลกมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงมีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกับด้านนอก ไม่ปิดบังท่าน ตอนที่ข้ามาถึงก็ไม่คุ้นชินเช่นกัน พวกเราที่นั่นไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ให้ความสำคัญกับผู้คนอย่างเท่ามเทียมกัน ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงล้วนทำงานหาเงิน หากผู้หญิงทำได้ดีก็สามารถกลายเป็นผู้ดูแลได้เหมือนกัน แล้วก่อนผู้หญิงอย่างเราจะแต่งงานก็สามารถคบหาดูใจก่อนได้ หากเข้ากันได้ก็จะเอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน หากเข้ากันไม่ได้ก็จะแยกทางกันแล้วหาคนที่เหมาะสมกับตนเอง แล้วเรื่องการแต่งงานไม่ใช่คำพูดของแม่สื่อชักนำหรือพ่อแม่เป็นผู้จัดหามาให้ แต่จะมีอิสระในการเลือกคู่ครองด้วยตนเอง แค่เพียงทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องใจกันก็สามารถแต่งงานได้เลย โดยที่พ่อแม่ก็ไม่อาจมาก้าวก่ายได้ ”
“ ไม่จริง มันมีสถานที่แบบนี้ด้วยหรือ? เช่นนั้นไม่ถือว่าเป็นการเนรคุณหรอกหรือ? ” อวิ๋นเสียวอิงตะโกนร้องด้วยความตกใจอย่างมาก “ ที่แท้ก็เป็นสถานที่ยากจนทุรกันดาร แม้แต่คุณธรรมความถูกต้องและความละอายยังไม่มีเลยสักนิด ”
มุมปากของหลินซีนเยียนกระตุกขึ้น ในใจรู้สึกไม่สงบอยู่หน่อย ที่แท้การพูดคุยกับกบในกะลามันเหนื่อยมากจริงๆ ในความคิดของพวกนางเห็นว่าเธอเป็นตัวประหลาด เธออดไม่ได้ที่จะนับถือความผู้ริเริ่มการปฏิรูปยุคเก่าเหล่านั้นได้ การปฏิรูปประเทศหนึ่ง แม้แต่สภาพดั้งเดิมของสังคมก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก
มิน่าล่ะหลู่ซิ่นถึงตัดสินใจทิ้งวิชาการแพทย์แล่วหันมาจับปากกาแต่งเรื่อง เพราะความคิดที่ฝังรากลึกเหล่านั้นมันรักษายากยิ่งกว่าใช้วิชาการแพทย์มารักษาร่างกายซะอีก
ส่วนโม่จื่อเฟิง เมื่อได้ที่เธอพูดก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปไกล จนกระทั่งอวิ๋นเสียวอิงตะโกนร้องด้วยความตกใจ เขาถึงเรียกสติคืนมาได้ “ พวกเจ้านี่ช่างต่างแตกซะจริง ”
“ แน่นอนว่าต้องต่างแตก แต่ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งในภายภาคหน้าที่นี่ก็จะเปลี่ยนเป็นเช่นนั้น เพราะว่าเดิมทีผู้หญิงก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้ชาย ” ประโยคนี้ หลินซีนเยียนลังเลอยู่นานกว่าเอ่ยปากพูดออกไป เธอไม่คาดหวังให้พวกเขาเข้าใจความคิดของเธอ เพียงคิดว่าเมื่อพูดออกไปแล้ว บางทีในใจอาจจะรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...