ตอนที่ 201 ออกจากจวน
แววตาที่ชายคนนั้นแอบมองหลินซินเยียนนั้น หลินซินเยียนเห็นแล้ว แน่นอนนางรู้ว่าตามหลักการแล้วต้องออกไปก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดหาวิธีพาลูกออกไป แต่ว่า นางก็เป็นแม่คนหนึ่ง นางก็เป็นคนมีเลือดมีเนื้อ ดังนั้นการทำเช่นนั้นช่างยากเสียจริง
ดังนั้นนางจึงกัดริมฝีปากล่างแน่น ก้มหน้าลง ใช้ผมหน้าม้าปิดบังความโกรธแค้นในดวงตา
ประสิทธิภาพในการทำงานของจินมู่นั้นรวดเร็ว เพราะว่าเป็นช่วงเวลาหลังคลอดของนาง เพื่อที่จะกันลมให้นาง เขาหารถเกี้ยวที่นุ่มนวลมารับคนที่หน้าประตูอย่างเป็นพิเศษ หลินซินเยียนลงจากรถม้าภายใต้การประคองของแม่นม ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลย นางกลัวว่าจะแสดงความเกลียดแค้นและอารมณ์ที่ไม่คงที่ออกมา
ถึงประตูจวนอ๋องแล้ว หลินซินเยียนย้ายตัวลงจากเกี้ยว ชายแปลกหน้าคนนั้นก็ขึ้นรถม้าด้วย รถม้ากำลังจะออกตัว จินมู่กลับบอกใบ้ให้คนรถรอก่อน
เขาเปิดหน้าต่างรถ ทำความเคารพหลินซินเยียนอย่างนอบน้อมหนึ่งครั้ง พูดอย่างจริงใจว่า “แม่นาง......โปรดให้อภัยกับการกระทำของท่านอ๋องด้วย ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงจะคิดถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ดวงตาของท่านเหมือนกับคนคนนั้นมาก ดังนั้นท่านอ๋องจึงมีความเห็นอกเห็นใจชั่วขณะ ข้าคิดว่าไม่กี่วัน ไม่นานท่านอ๋องก็จะได้สติกลับมา ขอให้ท่านให้เวลาท่านอ๋องหน่อย”
จินมู่พูดเสร็จก็ปิดหน้าต่างรถ คนขับรถม้าได้รับคำสั่งแล้วก็ฟาดแส้ม้า แล้วรถม้าก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้า
ด้านในหน้าต่างรถม้านั้น เมื่อหลินซินเยียนได้ฟังสิ่งที่จินมู่พูดก็เงยหน้าขึ้นอย่างอดไม่ได้ สองตาของนางเต็มไปด้วยความตะลึง
เห็นอกเห็นใจหรือ
โม่จื่อเฟิงคิดถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา คิดถึง.......นางหรือ
มุมปากของหลินซินเยียนยกยิ้มขมฝาดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ก็เห็นอยู่ว่าเขาป่าเถื่อนกับนางเช่นนี้ ตอนนี้กลับมาบอกนางว่าเขาใส่ใจนางแค่ไหน ลืมนางไม่ลง กระทั่งนำเด็กแปลกหน้าคนหนึ่งมาเป็นลูกที่รักใครของนางกับเขานะหรือ เป็นไปได้หรือ
ไม่ได้ยินจากปากของโม่จื่อเฟิง นางจะเชื่อคำพูดที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ได้อย่างไร
รถม้าเดินทางผ่านถนนหลายสาย หลินซินเยียนกลับพัวพันอยู่กับคำถามนี้อยู่นานจนไม่ได้สติกลับมา จนกระทั่งรถม้าหยุดลง คนขับรถม้าถึงได้เรียกอย่างนบนอบว่า “ถึงแล้ว”
หลินซินเยียนถึงจะได้สติกลับมา นางเปิดหน้าต่างรถม้าจึงเห็นท่านโจว ยายหลิวและสรือโถวยืนรออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นนางปลอดภัยไร้กังวล ทุกคนจึงได้ปรากฏรอยยิ้มที่ชื่นใจออกมา
หลายคนช่วยกันถือข้าวของเข้าไปในห้องโถง คนขับรถม้าจากไป ทุกคนก็ปิดประตูบ้าน
ใต้ระเบียงทางเดิน อินฉีที่ม้วนแขนเสื้อคลุมสีดำเดินเข้ามาใกล้ๆ เห็นหลินซินเยียนเดินช้าๆ เขาก็ขมวดคิ้ว กำชับกับยายหลิวว่า “รีบประคองนางเข้ามาเร็ว นางอยู่ในช่วงเวลาหลังคลอด ไม่ควรตากลม ไม่อย่างนั้นจะมีโรคเรื้อรังได้”
อินฉีก็เป็นเช่นนี้แหละ น้ำเสียงที่อ่อนโยน แสดงถึงความห่วงใย ทำให้คนอื่นสนใจได้อย่างง่ายดาย พูดอย่างง่ายๆก็คือขนาดเขาไม่ได้ทำอะไรก็เหมือนราวกับว่านำมาซึ่งความอ่อนโยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ผู้ชายเช่นนี้ น่ากลัวว่าจะเป็นสามีในฝันของผู้หญิงที่อยู่ใต้ฟ้าทุกคน
อากาศค่อนข้างหนาว ยายหลิวตั้งใจนำเตาผิงมายัดใส่ไว้ในอ้อมอกของหลินซินเยียน ท่านโจวเข้ามานั่งจับชีพจรให้นางข้างเตียง สรือโถวก็นำน้ำร้อนมาให้นางแก้วหนึ่ง ทุกคนรู้กันดีอยู่ในใจ ไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรให้มากมาย
คืนวันที่สิบห้า ไม่มีเมฆดำ ดังนั้นดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้าจึงเห็นได้ชัดเจนมาก
หลินซินเยียนเปิดหน้าต่าง เห็นดวงจันทร์กลมๆดวงหนึ่ง กล่าวว่าเห็นสิ่งของคิดถึงคน มองเห็นพระจันทร์กลมๆ เบ้าตาของนางก็ชื้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่กี่วันมานี้ ทุกวันเวลากลางดึกคนเงียบ นางก็คิดถึงวี่เฉิง เด็กน่าสงสารที่เกิดมาก็ไม่มีแม่อยู่ข้างกาย
ถึงแม้ว่านางจะรู้ถึงท่าทางรักใครของโม่จื่อเฟิงนั้น ไม่ทำให้เขาน้อยใจได้อย่างแน่นอน แต่ว่า นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล เขานอนหลับสบายไหม เติบโตดีไหม ใครก็พูดว่าเด็กเกิดมาโตขึ้นทุกวัน แต่ว่านางก็เป็นแม่ กลับไม่มีโอกาสได้ดูการเติบโตของลูก
อินฉีเปิดประตู ก็เห็นหลินซินเยียนยืนอยู่ข้างเตียงมองท้องฟ้า แต่ว่าแก้มของนางเต็มไปด้วยน้ำตาพร่างพราว หน้าของเขาซีด เดินไปหยิบเสื้อคลุมกันลมมาคลุมบ่าให้ “กลางคืนลมแรง เหตุใดจึงยืนตากลมอยู่ตรงนี้”
ในน้ำเสียงของเขานั้น แฝงด้วยความตำหนิอย่างชัดเจน
หลินซินเยียนเงยหน้า น้ำตาบนหน้ายังไม่ทันแห้ง “พี่อิน ไม่มีวิธีพาวี่จิ่งออกจากจวนอ๋องจริงๆหรือ”
“มี” ลำคอของอินฉีเคลื่อนไหว พูดคำตอบอย่างไม่ลังเล “ข้ามาหาท่าน ก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละ”
หลินซินเยียนได้ยินเช่นนั้น ตาของนางก็เป็นประกาย จับแขนของเขาแน่น ลืมความแตกต่างระหว่างชายหญิงในระบบสังคมแบบศักดินาไปจนหมดสิ้น
นางไม่ได้สนใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอินฉีไม่สนใจ แต่ว่า เขาไม่เพียงไม่ขัดความ เขายังนำมือมากุมมือของนางด้วย “เมื่อผ่านอีกห้าวันจะเป็นงานฉลองที่วี่จิ่งครบหนึ่งเดือนเต็ม โม่จื่อเฟิงจะต้องเชิญคนร่ำรวยในเมืองมาร่วมฉลอง สำหรับพวกเราแล้ว ก็เป็นโอกาสหนึ่ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...