ตอนที่ 225 แรงทรหด
เขารู้แล้ว!
ชั่วพริบตานั้น รอยยิ้มของหลินซินเยียนแข็งทื่ออยู่บนใบหน้า นางเกือบจะไม่เอะใจอยู่แล้วว่าโม่จือเฟิงต้องตัวรู้ตนของนางแน่ๆ! ยามเมื่อหลินซินเอ๋อปรากฏตัว นางก็รู้แล้วว่าเรื่องคงปิดไว้ไม่มิด แต่ทว่านางก็ยังคงคาดไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวของโม่จื่อเฟิงจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ แค่ชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งวันเขาก็ตรวจสอบตัวตนนางจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว
“หืม?” ในรอยยิ้มของโม่จื่อเฟิงมีร่องรอยนัยยะบางอย่างที่ไม่ชัดเจน ทำให้หัวใจหลินซินเยียนชาสะท้าน
ในที่สุดนางก็ยอมแพ้ นางถอนหายใจพลางพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว หม่อมฉันมิได้มีชาติกำเนิดจากหอนางโลม หม่อมฉันคือหลินซินเยียนบุตรีลำดับที่สี่ของแม่ทัพรักษาเมืองอวิ๋น หลินเทียนเฉิง แม่ของหม่อมฉันเคยเป็นบ่าวรับใช้ของท่านแม่ทัพ ครึ่งหนึ่งพ่อข้าดื่มสุราจนเมามายจนได้กับแม่ของหม่อมฉัน หลังจากนั้นก็มีหม่อมฉันขึ้นมา แม่เลี้ยงได้ยกสถานะแม่หม่อมฉันขึ้นมาเป็นอนุภรรยา แต่ทว่าหญิงรับใช้คนหนึ่งที่ไม่มีภูมิหลังไร้หัวนอนปลายเท้า แม้ว่าได้ยกขึ้นมาเป็นอนุฯ ถ้าหากปราศจากความรักของบุรุษ ไม่ช้าก็เร็วคงจะถูกฆ่า ดังนั้นในช่วงที่หม่อมฉันยังเล็กมาก แม่ของหม่อมฉันก็ตายลง… หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันถึงวัยออกเรือน ท่านแม่ทัพฮูหยินก็นำหม่อมฉันหมั้นหมายกับตาแก่อายุครึ่งร้อย…”
เมื่อเล่าถึงตรงนี้ หลินซินเยียนก็หัวเราเยาะเย้ยตนเอง “ท่านอ๋อง ท่านว่าหม่อมฉันจะทำให้พวกนางสมปรารถนาได้ด้วยการถูกขายออกไปก็ยังได้ช่วยเหลือการเงินของพวกนางงั้นหรือ? ในตอนนั้น บังเอิญได้ยินว่าทานเดินทางผ่านมาที่เมืองอวิ๋น แล้วยังพักอยู่ในโรงเตี๊ยมที่หรูหราที่สุดของเมืองอวิ๋น ดังนั้นหม่อมฉันจึงคิดว่าโอกาสของหม่อมฉันมาถึงแล้ว”
“เจ้าใจกล้าบ้าบิ่นไม่น้อย นึกไม่ถึงว่าจะกล้าปีนขึ้นเตียงของข้า เรื่องละเมิดนอกกรอบเช่นนี้เจ้ากลับทำได้คล่องมือดั่งใจคิด” โม่จื่อเฟิงยิ้ม ทว่าในรอยยิ้มกลับมองไม่ออกถึงอารมณ์ของเขา
หลินซินเยียนวางแก้มในฝ่ามือของเขาส่งเสียงครวญครางเบาๆ ราวกับเป็นแมวเหมียวขี้อ้อน “สุนัขจนตรอกเท่านั้นที่สามารถจะกระโดดกำแพงได้ ในยามนั้นที่ร่ำลือกันไปทั่วภายนอกล้วนเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆของท่าน ลือท่านกันว่าตราบใดที่เป็นสตรีก็มิเคยปฏิเสธ อีกทั้งหลังจากเสร็จธุระแล้วก็ยังทำเป็นไม่รู้จัก ในยามนั้นหม่อมฉันไร้ทางเลือกดังนั้นจึงได้แต่เดิมพัน ทว่าโชคดีที่หม่อมฉันเดิมพันชนะ”
นางถอนหายใจยาว เวลาผ่านไปไม่กี่ปี เมื่อหวนกลับไปนึกถึงฉากนั้นอีกครั้ง ก็ทำให้ใจเต้นหน้าแดงอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของนางและเขาก็เชื่อมโยงไว้ด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์
มือของโม่จื่อเฟิงไล้ลงมาตามใบแก้มของนาง สัมผัสลูบไล้ต้นคอของนางด้วยการเคลื่อนไหมที่ไม่ค่อยจะอ่อนโยน พลันสอดปลายลิ้นชำแรกเข้าไป
ความรู้สึกอันร้อนรุ่มทำให้ใบหน้าหลินซินเยียนขวยเขินขึ้นมา นางนึกไม่ถึงว่าหลังจากที่นางเล่าเรื่องราวชีวิตของตนจบ โม่จื่อเฟิงจะตอบสนองเช่นนี้
ไม่ใช่ว่าในหัวสมองของบุรุษ บรรจุบางอย่างที่ยุ่งเหยิงเหมือนในหนังแอคชั่นของประเทศหมู่เกาะจริงหรือ?
“ข้าโชคดีจริงๆที่กข้าได้มาปรากฏกายในเมืองอวิ๋น ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่เพียงแค่สามารถจะทำให้เจ้าหลุดพ้นจากความลำบากนั้นได้ ไม่ใช่ว่าเจ้าคงไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะปีนขึ้นเตียงของเขาใช่หรือไม่?” น้ำเสียงของโม่จื่อเฟิงมีความเย็นชาอยู่บ้าง อุณหภูมิในมือร้อนจนทำให้คนตกใจได้
หลินซินเยียนนิ่งงัน นางคิดอยากเอาใจเขา จะพูดว่าหากเป็นผู้อื่นนางคงปฏิเสธไม่ปีนขึ้นเตียงเด็ดขาด แต่ทว่าท้ายที่สุดนางยังคงนิ่งอึ้ง วิธีการพูดเช่นนี้กระทั่งตัวนางเองก็ยังไม่เชื่อ ไฉนนางจึงเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกอย่างโม่จื่อเฟิงแล้วล่ะ?
แต่โชคยังดี ที่บางครั้งระหว่างชายและหญิงก็ไม่จำเป็นต้องพูดกันให้มากความ ไม่ต้องพูดแค่ต้องกระทำ
ไฟแห่่งความปรารถนาจุดประกายเรือนร่างของหลินซินเยียน เมื่อร่างกายนางตอบสนอง โม่จื่อเฟิงก็ขึ้นทาบไปบนเรือนร่างของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...