ตอนที่229 วงล้อแห่งโชคชะตาพลิกผัน
หลินซินเยียนนิ่งเงียบมาโดยตลอด นัยน์ตาทั้งคู่กำลังดูละครของแม่ทัพฮูหยิน
ยามที่ฮูหยินผู้นั้นถูกด่า ก็ได้จัดแจงผ้าสีสดใสเดินมายอบกายคารวะที่เบื้องหน้าของหลินซินเยียน “ไม่ทราบว่าเป็นชุดแต่งงานที่ชายารองแห่งอ๋องอู๋เซวียนต้องการ ถ้าหากทราบหม่อมฉันก็ก็คงไม่อาจที่จะแย่งชิงกับนาง สามีของข้าเองก็เป็นขุนนางชั้นกลาง ถึงแม้จะไม่โดดเด่นเท่าอ๋องอู่เซวียน และไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจใหญ่โต แต่สามีของหม่อมฉันมักจะกล่าวว่า มนุษย์มีชีวิตแค่ลมหายใจเท่านั้น หม่อมฉันเองก็มิใช่คนไร้เหตุผล เพียงแต่ฮูหยินท่านนั้นเอาใจแต่ไปบ้าง หากเรื่องนี้ได้ล่วงเกินท่าน ขอโปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”
เมื่อฮูหยินผู้นี้กล่าวจบ ชิงจู๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างหลินซินเยียนก็กระซิบให้คำแนะนำแก่หลินซินเยียน “นี่คือภรรยาของขุนนางที่ปรึกษา ขุนนางที่ปรึกษานั้นนับว่าเป็นตำแหน่งดูแลพฤติกรรมของเสนาบดีโดยเฉพาะ ทว่าตำแหน่งนี้มิอาจล่วงเกินได้โดยง่าย คนส่วนใหญ่นั้นอยากที่จะทำเช่นนั้น
หลินซินเยียนแปลกใจอยู่บ้างนึกไม่ถึงว่าจะรู้จักกับฮูหยินของขุนนางที่ปรึกษา “เจ้าเคยพบหรือ?”
ชิงจู๋ส่ายศีรษะพลางกล่าวกระซิบกับนาง “ท่านอ๋องมีองค์กรที่รับผิดชอบตรวจสอบข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะ ญาติทางสายเลือดที่มีความเกี่ยวข้องกับขุนนางทุกรายในเมืองเฟิ่งชีล้วนมีการตรวจสอบ อีกทั้งผู้ที่เป็นมือขวาติดตามข้างกายท่านอ๋องล้วนจดจำภาพวาดเหมือนของบุคคลเหล่านี้ได้เพคะ”
นี่กลับทำให้หลินซินเยียนตกใจมิใช่น้อย ยิ่งเกิดความสนใจในความแข็งแกร่งของโม่จื่อเฟิงมากยิ่งขึ้น ว่าคนๆหนึ่งจะวางแผนมาถึง ณ จุดนี้ได้ ทำให้ผู้คนคาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง เรื่องเล็ก-ใหญ่ในเมืองเฟิ่งชีนี้ล้วนไม่รอดสายตาของโม่จื่อเฟิง!
บุคคลเช่นนี้ ถ้าหากจงรักภักดีก็ดีไป แต่ถ้าหากขัดแย้ง ผลที่ตามมาคงเลวร้ายจนไม่กล้าที่จะนึก
“รู้ว่าสามีเจ้าเทียบอ๋องอู๋เซวียนไม่ได้ แล้วยังกล้ามาพูดพล่ามต่อหน้าลูกสาวข้าอีกหรือ? วันนี้หากเจ้าไม่คุกเข่ายอมรับความผิดให้ข้า ข้าจะให้บุตรเขยในอนาคตของข้าลงโทษเจ้า ลงโทษทั้งตระกูลพวกเจ้า! ตอนนี้ก็คุกเข่าให้ข้าซะสิ!” แม่ทัพฮูหยินแสร้งทำเป็นจิตใจดีมีเมตตาต่อหน้าหลินเทียนเฉิงเท่านั้น หากหลินเทียนเฉิงไม่อยู่ นางคงทนรอไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกข้างในของตนออกมา
ฮูหยินของขุนนางที่ปรึกษาได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าพลันเขียวคล้ำ ก่อนหน้านี้ที่แม่ทัพฮูหยินไร้มารยาท นางเพียงแค่ตอบโต้ตามปกติ กล่าวได้ว่าเมื่อนางอยู่ข้างนอกก็ถือว่าเป็นตัวแทนหน้าตาของสามีตน หากกลั่นแกล้งคนดีหวาดกลัวคนชั่ว ก็จะทำลายชื่อเสียงของขุนนางที่ปรึกษาผู้เป็นสามีของนาง
“ฮูหยิน! ท่านอย่าได้เกินไป!” ฮูหยินของขุนนางที่ปรึกษาเริ่มมีโทสะ หน้าอกกระเพื่อมด้วยความโกรธ
แม่ทัพฮูหยินก็หน้าอกกระเพื่อมด้วยความโกรธเช่นกัน “ข้าทำเกินไปแล้วอย่างไร? ไม่ต้องพูดถึงว่าบุตรเขยของข้าคืออ๋องอู่เซวียน แล้วยังสามีของข้าหลินเทียนเฉิง ในแง่ลำดับขั้นยังสูงกว่าสามีเจ้าหนึ่งระดับ ให้เจ้าคุกเข่าแล้วทำไมหรือ? ”
ฮูหยินของขุนนางที่ปรึกษาที่อยู่ภายใต้การประคองของหญิงรับใช้นั้นโกรธมากเกินกว่าจะกล่าวอะไรออกมา สถานการณ์มีความตึงเครียดอยู่พอสมควร
ขณะที่ทั้งสองคนโต้แย้งกันโดยไม่หยุดพัก ในที่สุดหลินซินเยียนก็เอ่ยปากออกมา เสียงของนางไม่ดังนัก แต่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ยังคงกังวานอย่างชัดเจน “คนที่กระทำผิด คุกเข่ายอมรับความผิดก็เป็นเรื่องที่สมควร”
“เจ้าได้ยินไหม ลูกสาวข้ากล่าวมาแล้ว เจ้ายังไม่….” แม่ทัพฮูหยินสองมือเท้าสะเอว ด้วยใบหน้าภูมิใจในชัยชนะ
อย่างไรก็ตาม ประโยคถัดมาของหลินซินเยียนกลับดูเหมือนเป็นการสาดน้ำเย็นๆรดใส่ศีรษะนาง “แม่ทัพฮูหยิน ข้าบอกว่าคนที่จะต้องคุกเข่าควรเป็นท่าน! นิสัยใจคอของท่านข้านั้นยังไม่รู้ชัดแจ้งงั้นหรือ? เรื่องแบบนี้ ข้าไม่ต้องถามก็ยังรู้ว่าเป็นท่านที่ผิด ฮูหยินของขุนนางที่ปรึกษาท่านนี้ สำหรับข้าแล้วดูเหมือนจะรู้จักเหตุรู้จักผลอยู่มาก ความผิดย่อมต้องอยู่ที่ท่านอย่างแน่นอน แม่ทัพฮูหยิน หากท่านคุกเข่ายอมรับผิดกับฮูหยินขุนนางที่ปรึกษา เรื่องนี้ก็นับว่าแล้วกันไป อย่างไรก็ตามข้ายังต้องเตรียมตัวเป็นรองพระชายาของอ๋องอู่เซวียน ถึงแม้ท่านจะเกี่ยวดองกับข้าแต่ข้าก็ไม่อาจที่จะลืมตาเห็นผิดเป็นถูกเช่นนี้ได้หรอกนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...