ตอนที่ 258 สารภาพรักครั้งแรก
“ ตู้ม! ”
ตอนที่หลินซีนเยียนพูดออกมา ดวงตาของโม่จื่อเฟิงพลันเปลี่ยนเป็นสีดำ ราวกับกลายร่างเป็นปีศาจตนหนึ่ง ยามที่เขารู้สึกทรมาน ดังนั้นจึงอยากจะใช้พลังของตนเองไปทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้
หมัดของเขาชกไปยังบนราวเหล็กที่อยู่ด้านหลังของหลินซีนเยียนอย่างรุนแรง เพียงหมัดเดียวก็ทำให้ราวเหล็กนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
หลินซีนเยียนมองเขาอย่างตกตะลึง ยามนี้เดิมลืมความหวาดกลัวไปแล้ว เธอเพียงรู้ว่าตอนที่เขามีสภาพราวปีศาจแบบนี้ กลับทำให้ใจของเธอเจ็บปวดอย่างมาก เจ็บจนเกือบลืมหายใจ
หมัดของเขาทำลายราวเหล็กแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เลือดสดได้หลั่งรินมาจากนิ้วมือของเขา ยามที่เขาขาดสติ ทันใดนั้นในดวงตาของเขา เหลือเพียงภาพมืดดำของอู๋จิ้น
“จื่อเฟิง....” หลินซีนเยียนรู้สึกแสบจมูกจนร้องไห้ออกมา จากนั้นก็ยื่นมือไปหยุดหมัดของเขา เลือดอุ่นๆหลั่งไหลออกมา โดนฝ่ามือของเธอ เมื่อสัมผัสนั้นชัดเจนเกินไป กลับทำให้เธอรู้สึกถึงความจริงในชั่วขณะนี้
เสียงสะอื้นของเธอได้ปลุกเขาขึ้น สติของเขาค่อยๆคืนกลับมา ดวงตาสีดำเริ่มมีแสงสว่างอีกครั้ง จนกระทั่งเขาเห็นความเป็นห่วงของเธอได้อย่างชัดเจน คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน ดึงมือของตนเองกลับมาอย่างแรง
“ จื่อเฟิง.... ” หลินซีนเยียนเรียกอีกครั้ง ทว่าโม่จื่อเฟิงกลับไม่เอ่ยขานตอบเธอ
สายตาของเขามองไปยังด้านหลังของหลินซีนเยียน ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลง ดึงหลินซีนเยียนเข้ามาในอ้อมอกอย่างรุนแรง
ผ่านไปเกือบสักพัก หลินซีนเยียนก็รู้สึกว่ามีตัวอะไรจู่โจมเข้ามาจากด้านหลัง พอเธอได้สติก็เห็นดวงตาห้อเลือดของอู๋จิ้นจ้องเธอเขม็ง เมื่อไร้กรงกักขังแล้ว ตอนที่อู๋จิ้นมองเธอราวกับหมาป่าหิวโหยจ้องมองเหยื่อของตนเอง
ตอนนี้ หลินซีนเยียนเห็นได้ชัดว่าท่อนล่างของอู๋จิ้นเนื่องจากได้รับการทุบตีอย่างแรงจึงมีแต่เลือด เดิมเขาถูกโม่จื่อเฟิงตัดตอนไปแล้ว ตอนนี้กลับปรารถนาให้ทั้งร่างที่เหลือโดนทำลายไปด้วย คนผู้นี้มองดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง
เธอเพียงมองแวบหนึ่งก็อ้วกออกมาอย่างทนไม่ไหว
“ โฮกกก! ” อู๋จิ้นร้องคำรามราวกับสัตว์ป่า พลันคิดจะพุ่งเข้ามาหาหลินซีนเยียน
หลินซีนเยียนไม่ทันได้กีดร้อง โม่จื่อเฟิงก็อุ้มเธอถอยออกไป หลังจากถอยห่างออกไป 3 จั้ง เขาก็ผลักทิ้งเธอไปหาหนีหว่าน หนีหว่านรับเธอได้ก็พาเธอออกไปด้านนอก
“ แล้วจื่อเฟิงจะทำอย่างไร?” หลินซีนเยียนรู้สึกลนลาน มองไปด้านหลังไม่หยุด แต่การเคลื่อนไหวของหนีหว่านรวดเร็วดมาก เธอทันเห็นเพียงเงาที่น่ากลัวแวบหนึ่ง
มือไม้ของหนีหว่านคล่องแคล่วมาก พาเธอออกมาจากห้องลับอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงปากประตูห้องลับ นางกำลังจะปิดประตูหิน แต่หลินซีนเยียนจับมือของนางเอาไว้ “ นายท่านของเจ้ายังไม่ออกมา เจ้าไม่กังวลงั้นหรือ?”
หนีหว่านมองหลินซีนเยียนที่เอ่ยคำพูดน่าขัน “ เจ้าล้อเล่นหรือไง? ไอ้ขยะนั่นสามารถทำร้ายนายท่านได้หรือ? ”
แม้จะพูดแบบนี้แต่หลินซีนเยียนมักจะคิดว่า หากอู๋จิ้นเป็นเงามืดในใจของโม่จื่อเฟิง เช่นนั้นอู๋จิ้นก็ไม่ใช่ขยะสำหรับโม่จื่อเฟิง แต่เป็นภูเขาสูงที่อยากจะข้ามไปลูกหนึ่ง
อู๋จิ้นบอกว่าไม่ได้เจอโม่จื่อเฟิงมานานหลายปี แต่โม่จื่อเฟิงอายุ 20 ปีกว่า แล้วพวกเขาเคยพบกันตอนอายุเท่าไรนะ?
7 ปี? 9 ปี? หรือว่า 12-13 ปี?
ไม่ว่าจะอายุเท่าไร หลินซีนเยียนก็ไม่กล้าคิดต่อ แผ่นหลังของเธอเย็นยะเยือก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเคยมีเรื่องโหดร้ายขนาดนั้นเกิดขึ้นกับเขามาก่อน
บางที โม่จื่อเฟิงอาจจะไม่ได้โทษเรื่องที่เธอไม่เอาชีวิตไปรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้โทษที่เธอเสียความบริสุทธิ์แล้วยังมีหน้ารอดชีวิตกลับมา บางทีเขาอาจจะเห็นเธอเป็นเหมือนตนเองในอดีตก็ได้
แต่ว่าจำประโยคที่ใครเคยพูดเอาไว้ได้ หลังจากกำจัดทุกอย่างทิ้งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลงเหลือ แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้แต่มันคือความจริง
น้ำตาท่วมทะลักออกมา หลินซีนเยียนจะเช็ดเท่าไรก็เช็ดไม่หมด
หนีหว่านมองเธออย่างแปลกใจ “ เจ้าร้องไห้ทำไมกัน?”
หลินซีนเยียนส่ายหน้า ขบฟันแน่นไม่กล่าวอะไร เพียงชะโงกหน้ามองไปยังประตูหินอย่างเป็นกังวล ราวกับอยากเห็นว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หนีหว่านกลอกตาบน ทอดถอนหายใจแล้วเอ่ย “ เจ้าวางใจเถิด หลายปีมานี้ ข้าไม่เคยเห็นนายท่านแพ้มาก่อน ” นางไม่เข้าใจจริงๆว่าสตรีคนนี้กังวลเรื่องอะไรกันแน่
คำปลอบใจของนาง หลินซีนเยียนไหนเลยจะไม่รู้ เพียงเฝ้ารอต่อไป จนกระทั่งผ่านไปสักพัก ร่างของโม่จื่อเฟิงที่เปื้อนไปด้วยเลือดก็เดินออกมา
เธอวิ่งไปหาอย่างทนรอไม่ไหว อ้อมกอดโม่จื่อเฟิง ร้องไห้แล้วเอ่ย “ โม่จื่อเฟิง! ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเขาไม่ได้แตะต้องข้าจริงๆ! บางทีสตรีอื่นเขาไม่อาจจะเคยปล่อย แต่ว่าข้าไม่เหมือนกัน! เพราะว่าข้าสำหรับเจ้าแล้วมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นเขาไม่ได้แตะต้องข้า! เขาบ้าคลั่งเช่นนี้เพียงแค่อิจฉาข้า จริงๆนะ เขาอิจฉาข้า ดังนั้นจึงไม่ได้แตะต้องข้า! โม่จื่อเฟิง ข้าขอร้องให้เจ้าเชื่อใจข้า แค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเอง ได้หรือไม่? ”
หลังจากได้พูดไปแล้ว เธอจะร้องไห้ไม่มีเสียง เธอไม่อยากให้เขาเสียใจเพราะเธอเช่นนี้ เธอไม่กลัวลำบาก แต่พอคิดว่าเขาเคยโดนอู๋จิ้นทำร้ายมาก่อน แต่ตอนนี้กลับทำให้ได้ทุ่มสุดตัว เธอก็คิดว่ามันเจ็บปวดใจเกินไป
ดังนั้น ครั้งนี้ เธอยอมละทิ้งทิฐิ ทิ้งสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรี แล้วใช้วิธีต่ำช้าไปขอร้องความเชื่อใจจากเขา
ดวงตาของโม่จื่อเฟิงดูสับสนมาก จ้องมองสตรีที่ร้องไห้ฟูมฟายแล้วกอดเขาอย่างนิ่งๆ ผ่านไปเนิ่นนาน เนิ่นนาน จนกระทั่งน้ำตาของนางได้เปียกชุ่มบนเสื้อผ้าของเขา จนซึมทะลุเข้าไปในผิวหนังหน้าอกของเขา
น้ำตาของเธอ ช่างอบอุ่นมาก
ทันใดนั้นเขาก็เอามือประคองใบหน้าของเธอให้เงยขึ้นมา บนมือของเขาเต็มไปด้วยเลือด รอยเลือดสดวาดลงบนใบหน้าของเธออย่างน่าขัน เขากลับจ้องมองตาไม่กระพริบ
“ โม่จื่อเฟิง....ข้าว่า ข้ารักเจ้าแล้ว ” แม้ว่าเขาจะเคยปฏิบัติกับเธอด้วยวิธีที่รุนแรงขนาดนั้น แต่เธอก็หลงรักเขาโดยที่ไม่รู้ตัว
คนที่ผ่านความยากลำบากมามากคนหนึ่ง ยังสามารถยืนหยัดที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อ ความทุกข์ทรมานที่เขาทนรับมาได้ คนทั่วไปไม่มีทางทนรับได้ ความโดดเดี่ยวที่ไม่สามารถจินตนาการได้ หรือว่า ยังต้องขอให้เขาเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป?
ดังนั้น ความโหดเหี้ยมและหยาบกร้านที่เขาปฏิบัติต่อเธอในตอนแรก เธอเลือกที่จะปล่อยมันไป เขาผ่านชีวิตมาไม่ง่าย หากยังไม่ระบายออกมา งั้นเขาก็เป็นบ้าไปแล้วมั่ง?
ก็แค่ตอนที่บ้าคลั่งทำเรื่องนั้นไปเองไม่ใช่ไง? เธอก็ชินแล้ว เธอทนได้! ทว่าเขาในตอนนี้ เริ่มอ่อนโยนกับเธอมากกว่าแต่ก่อนแล้ว บางที เขาอาจจะบังคับเปลี่ยนตัวเองอยู่?
เธอยอมให้โอกาสเขา!
“เจ้า...พูดอะไร? ” ดวงตาของโม่จื่อเฟิงพลันจมลึกจนมองไม่เห็น ทันใดนั้นก็เก็บมือที่ประคองใบหน้าของเธอ แล้วหยิกแก้มทั้งสองข้างของเธออย่างแรง เอ่ยเสียงทุ้มต้ำ “ สตรีสมควรตาย เจ้ากำลังพูดอะไร?”
เขาเป็นอู่เซวียนอ๋อง เขาไม่ยอมให้สตรีหน้าไหนมาหลอกเขาเด็ดขาด!
หลินซีนเยียนเบิกตาโพลง ไม่สนความเจ็บบนแก้ม ยังรั้นพูดแต่ละคำแต่ละประโยค “ ข้าบอกว่า ข้ารักเจ้า โม่จื่อเฟิง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต