ตอนที่ 275 ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้
น้ำตาของหลินซีนเยียนพลันท่วมทะลัก เธอสะอื้นแต่กลับไร้เสียง สายตาพร่ามัว เธอเห็นแขนน้อยๆที่กวัดแกว่งไปมาอย่างน่ารักของวี่จิ่ง
“วี่จิ่ง...” เธอกระซิบเสียงต่ำ กลับไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไร สุดท้ายทำได้ถอนหายใจยาวออกมา ประทับรอยจูบลงบนหน้าผากของวี่จิ่งีทีหนึ่ง
อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
หลังค่ำคืนฝนกระหน่ำผ่านไป เช้าวันรุ่งขึ้นมีหิมะขาวโปรยปราย หิมะตกไม่มาก หลังจากตกมาได้ครึ่งวันกลับทำให้โลกทั้งใบย้อมไปด้วยสีขาวตราตรึงใจ
จื่อซูเติมถ่านไฟอยู่ในห้อง เปิดหน้าต่างให้ลมพัดผ่านเข้ามา เมื่อลมพัดมา ไฟที่ลุกไหม้ในถ่านกลับดับๆติดๆ
“ฮูหยิน ปากประตูลมพัดเย็น เช่นนั้นแล้วท่านเข้ามานั่งในห้องเถิด ” จื่อซูยัดหม้ออุ่นมือเข้าไปในมือของหลินซีนเยียน อดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ ฮูหยินไม่ได้ออกจากห้องมาตลอด 3 วันแล้ว เพียงยืนอยู่หน้าประตูจ้องโลกด้านนอกเป็นเวลานานๆ
บางครั้ง เธอคล้ายกับมองไปยังยังเส้นขอบฟ้า บางครั้งคล้ายกับมองใบไหม้ร่วงในยามที่ต้นไม้ใหญ่แกว่งไปมาในลานบ้าน และเวลาส่วนใหญ่ ในสายตาของนางไม่ได้เพ่งเล็งอะไร ราวกับเป็นร่างที่ไร้วิญญาณก็ไม่ปาน
หลินซีนเยียนคล้ายกับไม่ได้ยินคำพูดของจื่อซูจึงไม่ได้ขยับเขยื้อน แม้แต่ดวงตาก็ไม่กระพริบ
จื่อซูส่ายหน้าอย่างจำใจ หยิบเสื้อคลุมมาคลุมให้นางอีก “ ฮูหยิน ท่านเสียใจอย่างไรต้องรักษาร่างกายของตนเองด้วยนะเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านไม่ได้อยู่คนเดียว ท่านต้องคิดถึงวี่จิ่ง..... ”
พอเอ่ยถึงวี่จิ่ง ในที่สุดหลินซีนเยียนก็ตาสว่าง ในปากค่อยๆพึมพําว่า “ วี่จิ่ง.... ” หากไม่ใช่เพราะวี่จิ่ง เธอคงคิดหนีไปจากที่นี่นานแล้ว
“ จริงด้วย นายน้อยน่าจะดื่มนมเสร็จแล้ว ข้าไปอุ้มเขามานะเจ้าค่ะ ” จื่อซูผลักประตูออก ก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอก
หลินซีนเยียนไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงยืนขึ้นอย่างเงียบๆ ราวกับไม่มีเรื่องอะไรข้องเกี่ยวกับเธอ ทั้งร่างเผยให้เห็นความคับแค้นใจต่อโลกีย์อย่างทะลุปรุโปร่ง
นอกเรือน โจวหลี่กับช่างตีเหล็กเฉินถือร่มคนละคันยืนคอยอย่างนอบน้อม ผ่านไปไม่นานจินมู่ถึงจะเดินนำทั้งสองเข้าไปในเรือน
พวกเขาเดินตรงไปยังห้องอักษรของโม่จื่อเฟิง หลังเห็นหนังสือฎีกา โม่จื่อเฟิงที่ร่างซูบผอมไร้วิญญาณกำลังวาดรูปอะไรอยู่ เมื่อทั้งสองเห็นก็ตกตะลึง ใครๆก็ไม่เคยเห็นโม่จื่อเฟิงหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้มาก่อน
ในใจของทั้งสองเต้นแรง หากเอ่ยเรื่องของตนเองไป เกรงว่าจะมีที่ไหนไม่ถูกแม้แต่น้อยกลับยิ่งยั่วโทสะนายท่านที่เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติอยู่เช่นนี้ได้
“ ท่านอ๋อง หลายวันนี้ท่านไม่ให้พวกเราไปรบกวนพระชายารอง ดังนั้นกระหม่อมกับช่างตีเหล็กเฉินจึงได้ลองทำแส้ยาวโลหะด้วยตนเอง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายารองออกแบบ ซ้ำแล้วในภาพวาดของพระชายารองมีอักษรบางตัวราวกับไม่ใช่อักษรของแผ่นดินใหญ่เรา กระหม่อมกับช่างตีเหล็กเฉินต่างศึกษากันเป็นเวลานานกลับไม่เข้าใจเลยพ่ะย่ะค่ะ ” โจวหลี่คุกเข่าลงพื้นอย่างนอบน้อม ตอนที่พูดในสายตาก็เกิดความสงสัย
“ ไมใช่อักษรของแผ่นดินใหญ่เรา? ” โม่จื่อเฟิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...