ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 279

สรุปบท ตอนที่ 279 พิลึกพิลั่น: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 279 พิลึกพิลั่น – ตอนที่ต้องอ่านของ ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนนี้ของ ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต โดย ใบไม้แดง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 279 พิลึกพิลั่น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 279 พิลึกพิลั่น

“ไม่รู้ตัวว่ารัก แต่ยิ่งรักยิ่งกลับถลำลึก”

ในห้องอักษรเหลือเพียงโม่จื่อเฟิงคนเดียว ในที่สุดเขาก็ยิ้มตรงมุมปากได้อย่างไม่เกรงใจ พึมพำประโยคนี้แผ่วเบา ปลายนิ้วลูบบนกระดาษแผ่นนั้นไม่หยุดหย่อน น่าเสียดาย บนกระดาษแผ่นนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเลือด ตัวอักษรเลือนราง สำหรับคนที่เขาแสวงหาความสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง ทว่าทั้งร่างกลับรู้สึกเสียใจขึ้นมา

นกพิราบขาวตัวหนึ่งกระพือปีกมาหยุดบนหน้าต่าง โม่จื่อเฟิงเดินไปจับนกพิราบขาว แล้วหยิบกระบอกจดหมายออกจากบนขาของนกพิราบขาว ในกระบอกจดหมายเป็นแผ่นหนังแกะที่ม้วนอยู่แผ่นหนึ่ง เขาคลี่จดหมายออก เพียงมองแวบหนึ่ง ก็ทนไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ”

เขาเงียบขรึมไปช่วงหนึ่ง เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “หนีหว่าน”

เสียงเขาเพิ่งส่งออกไป หนีหว่านที่สวมชุดดำทั้งตัวก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องแล้วตอนนี้ หลังจากเรื่องครั้งที่แล้ว ข้างกายของเขาไม่ได้มีเพียงองครักษ์เงา บางเวลาก็มีกองกำลังส่วนตัวที่ฝึกฝนมาเองอยู่ล้อมรอบ

“ นายท่าน ให้ไปตรวจสอบแม่นางหลินหรือ? ” หนีหว่านคุกเข่าข้างหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองจดหมายในมือของเขา

โม่จื่อเฟิงพยักหน้า “ ใช่ นางเคยพูดว่า ทักษะการทำอาวุธของนางได้ร่ำเรียนมาจากผู้สูงส่งลึกลับท่านหนึ่ง ทว่าตั้งแต่นางเกิดจนถึงตอนนี้ ทุกอย่างของนางข้าได้ตรวจสอบหมดแล้ว ข้างกายของนางไม่เคยปรากฏผู้สูงส่งที่ทำอาวุธได้เลยจนมาตอนนี้ มีเพียงศาลาความลับแห่งสวรรค์ที่เคยไปสัมผัส ทว่าก่อนเข้าศาลาความลับแห่งสวรรค์ นางก็ทำอาวุธเป็นอยู่แล้ว ”

“ หรือพวกเรายังตรวจสอบไม่ละเอียดพอ หรือมีบางอย่างที่พวกเราไม่ได้ตรวจสอบหรือ?” หนีหว่านก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย

โม่จื่อเฟิงกลับส่ายหน้า “ นี่เป็นการตรวจสอบครั้งที่ 3 แล้ว เจ้ารู้มี่อวี่เก๋อของข้าเป็นหน่วยสุดยอดที่สามารถรวบรวมข่าวกรองในผืนแผ่นดินใหญ่นี้ได้ หากอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว แม้แต่ในชีวิตนี้นางขับถ่ายไปมากน้อยแค่ไหนก็สามารถตรวจสอบได้ เจ้าว่า อาจตรวจสอบไม่ละเอียดพอหรือ? ”

“ความหมายของนายท่านคือ?” หนีหว่านยังคงไม่เข้าใจ

โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงทีหนึ่ง “ คนไม่อาจร่ำเรียนกับอากาศได้ ทว่าทักษะการทำอาวุธของนางเก่งกาจมากกว่าช่างเงินทั่วไป อีกทั้งระดับยังเหนือกว่าช่างทองด้วยซ้ำ เจ้าเชื่อเรื่องผีสางเทวดาหรือไม่? ”

“ผีสางเทวดา?” หนีหว่านเงียบขรึมลง ราวกับครุ่นคิดคำพูดของโม่จื่อเฟิง ทว่าเรื่องวิญญาญเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน สำหรับหนีหว่านแล้วเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย หากบนโลกใบนี้มีผีสางเทวดาจริง เหล่าผู้คนเพียงอยากกราบไหว้ขอพรทุกวันก็ได้แล้ว ทำไมต้องยอมลำบากตรากตรำด้วย?

ทว่า คนที่สมควรตายกลับมีชีวิตอยู่บนโลก หากมีผีสางเทวดาจริง โลกใบนี้จะมีสภาพเช่นไร?

สุดท้ายหนีหว่านจึงเลือกส่ายหน้า “ หนีหว่านไม่เชื่อผีสางเทวดา หากมีผีสางเทวดาอยู่ หมู่บ้านบ้านเกิดของหนีหว่านคงไม่โดนคนทำลายล้างภายในคืนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว บ้านเกิดของหนีหว่าย คนในหมู่บ้านล้วนเป็นคนซื่อตรงและจิตใจดี หากมีผีสางเทวดา ทำไมถึงให้พวกเขาตายน่าอนาถอย่างนั้น ”

สีหน้าของนางเศร้าหมองลง ผ่านไปไม่นานก็ชักกระบี่ขึ้นมา เปลี่ยนเป็นใบหน้าเยือกเย็นไร้ความรู้สึก

เงาของนางเพิ่งหายไปจากห้องอักษร ประตูห้องอักษรก็มีคนเคาะดังขึ้น

ผู้ที่มาคือจินมู่ ด้านหลังของเขายังมีบุรุษสวมเสื้อแพรสีดำคนหนึ่งตามมา รูปร่างของบุรุษคล้ายคลึงกับโม่จื่อเฟิง 3 ส่วน เมื่อโม่จื่อเฟิงเห็นเขา คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย แล้วนำภาพวาดที่อยู่บนโต๊ะพลิกคว่ำลงโดยไม่ทิ้งร่องรอย

“ เอ๋ะ เห็นเราแล้วเจ้าตอบสนองเยี่ยงนี้หรือ? รู้หรือไม่หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นตอบสนองเช่นนี้สมควรฆ่าล้างตระกูล? ” ผู้ที่มาเป็นโม่จื่อยี่ วันนี้เขาสวมเสื้อผ้าธรรมดา ด้านหลังไม่มีขันทีตามมา มีเพียงบุรุษท่าทางคล้ายองครักษ์ยืนหลังตรงอยู่คนหนึ่ง

“ฆ่าล้างตระกูล? ” โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้ว ช้อนตาขึ้นเอ่ย “ เช่นนั้นท่านก็ไม่ถือว่าเป็นตระกูลของข้าหรือ? ”

โม่จื่อยี่ยกนิ้วมือขึ้นชี้โม่จื่อเฟิง หัวเราะแล้วเอ่ย “ เจ้าอ่ะเจ้า ไม่ขัดเราสักคำ เจ้าจะทุรนทุรายหรืออย่างไร? พอแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมวันนี้ที่เรามาที่นี่ ไม่ปิดบังแล้ว ไม่ง่ายนักที่เราแต่งเป็นสามัญชนออกจากวังมาเที่ยวหนึ่ง สายลับมากมายต่างจับตามอง ก็อย่าเสียเวลาอีกเลย”

โม่จื่อเฟิงไม่รีบร้อนตอบกลับ ทว่ากลับส่งสายตาไปยังจินมู่ที่อยู่ด้านหลังเขา จินมู่รู้แจ้งรีบพาองครักษ์ข้างกายโม่จื่อยี่ออกไปจากห้องอักษร ซ้ำแล้วปิดประตูให้พวกเขาอย่างรอบคอบ

หลังจากรอพวกเขาจากไป โม่จื่อเฟิงถึงจะกล่าวขึ้น “ พอดีเลยข้าอยากจะไปหานาง ท่านมาได้ถูกจังหวะนัก”

คำพูดกล่าวไปเช่นนั้น ทว่าโม่จื่อยี่รู้สึกได้อย่างชันเจนว่าเดิมเขาไม่ดีใจ ไม่ยินดีต้อนรับเขาเท่าไร หรือว่าคิดจะไปหาหลินซีนเยียนเองเชียวหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต