ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 286

ตอนที่ 286 ช่างฝีมือเหล่าหลิว

ยามฟ้าสาง หลังจากหลินซีนเยียนบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงกับโม่จื่อเฟิงแล้วจึงค่อยเก็บสัมภาระแปลงโฉมเตรียมจะออกจากจวนไปยังทางโรงงานอาวุธ

โม่จื่อเฟิงยังมอบหน้ากากหนังมนุษย์ที่บางดุจปีกจักจั่นแก่นางหนึ่งอัน แต่ว่าสำหรับหน้ากากอันนี้ โม่จื่อเฟิงเคยกล่าวเอาไว้ วิธีการประดิษฐ์ประดอยขึ้นนางย่อมไม่อยากรับรู้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นนางเองก็ไม่ได้ซักถาม แต่ว่ายามที่นำเอาหน้ากากหนังมนุษย์แปะเข้ากับใบหน้า นางยังคงอดไม่ได้ที่จะผุดความรู้สึกสะอิดสะเอียนระลอกขึ้นมา

ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบการมาตัวรับหลินซีนเยียนรออยู่บริเวณด้านหลังประตูจวนอ๋องตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ขณะที่หลินซีนเยียนมาถึงหน้าประตู ก็มองเห็นผู้ชายอายุอานามประมาณสามสิบกว่านั่งอยู่บนเกวียนม้าบุโรทั่งคร่ำคร่าคันหนึ่ง ชายผู้นั้นใบหน้าโอบอ้อมอารี รูปร่างค่อนข้างท้วมสักหน่อย ผิวหนังดำทะมึน บริเวณฝ่ามือทั้งสองข้างเนื่องจากการปั้นกลึงเป็นเวลานานจึงแปรสภาพเป็นหยาบกร้านหนา

“ลมตรุษสิบลี้” หลินซีนเยียนเดินเข้าไปกล่าวประโยครหัสลับแก่ชายผู้นั้น

ผู้ชายคนนั้นได้ยิน พลันรีบกระโดดลงจากรถม้าเดินเข้ามาพลางหัวเราะร่า “เหมันต์เดือนสิบสอง”

“ข้าคือหลินฟง” หลินซีนเยียนประสานมือคารวะ ชายผู้นั้นรีบกุลีกุจอตอบการเคารพ

“รู้ รู้ เจ้านายล้วนบอกแล้ว ข้าชื่อหลิวเถี่ยเอ้อ ท่านเรียกข้าว่าเหล่าหลิวก็ได้แล้ว” เหล่าหลิวบุคลิกเข้ากับชื่อ ตัวบุคคลและนามขานล้วนอารีเช่นเดียวกัน เขานำทางหลินซีนเยียนมายังบนเกวียนม้า “คนที่นี่หูตาไวนัก อย่างไรพวกเราก็ออกจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน”

หลินซีนเยียนตอบรับ มือเท้าก็ใช้ปีนป่ายขึ้นข้างบน เพิ่งปีนมาบนรถม้าก็เห็นเหล่าหลิวนั่งจุ้มปุ๊กลงยังหัวเกวียนแล้ว การเคลื่อนไหวอิสระเนิบนาบ

“พี่น้องหลิน ท่านยืดอาชีพช่างฝีมือนานเท่าใดหนอ ได้ยินเจ้านายว่าท่านเป็นช่างฝีมือที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง ว่ากันตามจริง ด้วยรูปร่างของท่านล้วนดูไม่เหมือนจะยกตีค้อนเหล็กได้เลย แต่เจ้านายว่าท่านเป็นช่างฝีมือดี เช่นนั้นก็จะต้องเป็นช่างฝีมือดี” เหล่าหลิวตีบังเหียนเกวียนม้าพลางกล่าวไปพลาง หาหัวข้อสนทนามาพูดคุยกับหลินซีนเยียนตามใจชอบ

หลินซีนเยียนหัวเราะ ไม่ตอบกลับถามย้อนคืน “เจ้านายท่านเป็นผู้ใดกันหนอ”

“เจ้านายข้าหรือ...” เหล่าหลิวกำลังจะตอบคำถาม ก็ได้ยินเสียงระเบิดปะทัดแปะๆ เปาะๆ ดังลอยมาจากบริเวณประตูหลังจวนอ๋อง เขาหันหน้าไปมองอย่างทึนทื่อ ลืมเลือนคำที่จะเอื้อนเอ่ยแล้ว เผยความฉงนออกมา “โอย ในจวนอ๋องแห่งนี้มีคนตายแล้วกระมัง ยังจัดงานศพด้วย?”

หลินซีนเยียนเริกม่านรถม้าหันหน้าย้อนกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นผู้ดูแลเฒ่าคนหนึ่งในจวนอ๋องกับบุตรชายของเขาก้มหน้างุดรำพันตลอดทาง หัวคิ้วขมวดมุ่น ตอบเอ่ยออกปาก “อืม เป็นแม่นมอาวุโสคนหนึ่งตายแล้ว”

ผู้ดูแลเฒ่านั่นกับบุตรชายของเขา ก็คือสามีและลูกของแม่นมกุ้ย แม่นมกุ้ยสมควรตาย ทว่าพวกเขากลับสมควรสูญเสียสมาชิกคนสำคัญของครอบครัวหนึ่งคนไปด้วยหรือ เพียงแค่ วิถีชีวิต มักเป็นโศกนาฏกรรมเช่นนี้แหละ มักจะมีคนบางกลุ่มต้องชดใช้การกระทำทั้งหมดที่ตนก่ออย่างสาสม

นึกถึงแรกเริ่มแม่นมกุ้ยประทุษร้ายนางตั้งแต่ยังไม่ทันได้ให้กำเนิดบุตรคนแรกอย่างใจไม้ไส้ระกำ นางกลับรู้สึกว่า คนเช่นนั้น แม้นตาย ก็ควรชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว แม่นมกุ้ยน่าสงสาร เช่นนั้นบุตรของนางไม่น่าสงสารกระนั้นหรือ

เพียงแต่ แม่นมกุ้ยตายด้วยน้ำมือของโม่จื่อเฟิง ผู้ดูแลเฒ่าและลูกชายของเขาคนนั้นไม่รับรองว่ากลางอกจะไม่เคียดแค้นจำฝังใจ นางคิด รอกระทั่งยามที่นางกลับจวนอ๋องครั้งต่อไป ต้องย้ำเตือนโม่จื่อเฟิงเสียหน่อย ให้เขาหาโอกาสไสส่งทั้งเหง้าของผู้ดูแลอาวุโสนี้เสีย ไม่เช่นนั้นการหลงเหลือหน่ออ่อนปัญหาในจวนอ๋อง ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่วิธีที่ดี

“แม่นมอาวุโสตายแล้ว ยังสามารถจัดงานศพได้ ดูเหมือนว่าตอนมีชีวิตอยู่แม่นมผู้นี้จะต้องได้รับความโปรดปรานจากเจ้านายเป็นแน่” เหล่าหลิวอุทาน “แต่ว่ามนุษย์หนอ เป็นบ่าวไพร่ที่ดีแค่ไหน ก็ไม่สู้เป็นคนอิสระที่ตรากตรำคนหนึ่งหรอก พี่น้องหลิน ท่านว่าใช่หลักการข้อนี้หรือไม่”

ถูกเหล่าหลิวเรียกขึ้น หลินซีนเยียนจึงค่อยดึงสติกลับมาพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่ พี่ใหญ่หลิวพูดถูกต้อง ใช่แล้ว เมื่อครู่พูดถึงเจ้านายของพี่ใหญ่หลิว สรุปแล้วเจ้านายของท่านเป็นผู้ใดกันแน่”

เหล่าหลิวหัวเราะ เอ่ย “พี่น้องหลิน กำลังซักไซ้คำจากข้าเหล่าหลิว เจ้านายให้ข้ามารับตัวท่านไปโรงงานอาวุธ ท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าเจ้านายข้าเป็นใคร เจ้านายข้านั้น ก็คืออู๊โหวเย่นั่นอย่างไร”

“อู๊โหว?” บิดาของอู๊ฉือ หลินซีนเยียนแน่นิ่ง คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะให้อู๊โหวจัดคนมารับตัวนาง ดูเหมือนว่าอย่างนี้ อู๊โหวน่าจะเป็นคนในเครือข่ายของฮ่องเต้

ไม่แปลกใจถึงแม้อู๊ฉือมักจะคบค้ากับฮูเหยียนหลิวหยุนผู้ร่ำรวยเหล่านั้น ทว่ากลับให้ความรู้สึกแตกต่างกันออกไปแก่นาง ตอนนี้คาดคะเน เดาว่าด้านในนี้ล้วนมีคำแนะนำของอู๊โหวอยู่ในนั้น มองอย่างลึกซึ้งแล้ว อู๊ฉือไม่น่าจะวางสายตาที่ฟู่จื่อเหิงอยู่ข้างตำหนักอ๋องฮูเหยียนกระมัง

ความสัมพันธ์ในเมื่อเฟิ่งชีนี้ ช่างสลับซับซ้อนโดยแท้ ผู้คนในเมืองแห่งนี้ ปราศจากแม้สักคนที่ง่ายต่อการติดต่อทั้งสิ้น ทุกๆ คนล้วนมีเป้าหมายเป็นของตนเอง มีอำนาจแห่งตนเอง

เหล่าหลิวพยักหน้า “ใช่ ประเทศหนานเยว่นี้ไม่ใช่ว่ามีแค่อู๊โหวเดียวคนนั้นน่ะหรือ สมัยอู๊โหวยังหนุ่มก็เคยดำรงตำแหน่งแม่ทัพ และยังเคยเป็นแม่ทัพใหญ่ควบคุมด้านกองกำลังทหารอีกด้วย ดังนั้นในกระทรวงกลาโหมยังพอมีคนในเครือข่ายอยู่บ้าง ข้าก็คือช่างฝีมือที่อู๊โหววางตัวให้อยู่ในกระทรวงกลาโหมมาหลายปี ท่านดูสองมือข้านี้ ล้วนหยาบกร้านจากการตีเหล็กออกมาทั้งนั้น”

ยามที่เหล่าหลิวพูดนั้นก็นำเอาฝ่ามือทั้งสองข้างของตนยื่นออกมายังเบื้องหน้าของหลินซีนเยียนอย่างภูมิใจ “ช่างตีเหล็กนี้หนอ ก็ดูที่มือสองข้างนี้แล้ว ช่างฝีมือที่ผ่านประสบการณ์โชกโชน ความหยาบกระด้างบนมือทั้งสองนี้ยิ่งหนา ข้าเหล่าหลิวหนอ ก็ตรากตรำลำเค็ญกว่าจะมายืนยังตำแหน่งอันมั่นคงในโรงงานอาวุธของกระทรวงกลาโหมแห่งนี้”

“พี่ใหญ่หลิวช่างเก่งกาจเสียจริง ข้าน้อยขอคารวะ” หลินซีนเยียนนั้นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยตระหนี่ในเรื่องการชมเชยประชาชนคนใช้แรงงานเลยสักนิด

ราวกับเหล่าหลิวเองก็รอคำชมเชยประโยคนี้ของนาง ระเบิดเสียงหัวเราะร่าขึ้นมา “พี่น้องท่านนี้อารมณ์ไม่เลวเลยจริงๆ ข้าเหล่าหลิวโปรดปราน”

“ใช่แล้ว พี่ใหญ่หลิว ครั้งนี้พวกเราจะเข้าสู่โรงงานอาวุธอย่างไรกันเล่า” หลินซีนเยียนถาม

เหล่าหลิวเร่งรถ เกวียนม้าเคลื่อนไปข้างหน้าทุลักทุเล เขากล่าวคำไม่เร็วไม่ช้า “โรงงานอาวุธของกระทรวงกลาโหมคัดเลือกคนอย่างเคร่งครัดนัก จะต้องเป็นผู้ที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง เนื่องจากของที่ข้างในผลิตออกมานั้นล้วนเป็นความลับเฉพาะ เผื่อว่าไหลรั่วตามกระแสลมไป นั่นก็หมายความว่าได้นำภัยพิบัติมาสู่ทั้งประเทศ ดังนั้นการคัดสรรช่างฝีมือคนใหม่ทุกครั้ง ล้วนแต่ต้องมีช่างฝีมือเก่าแก่ที่มีคุณสมบัติในโรงงานทำเรื่องแนะนำค้ำประกันจึงได้”

“ดังนั้น ท่านคือช่างฝีมือที่แนะนำค้ำประกันของข้ารึ” เขาแค่กล่าว หลินซีนเยียนก็เข้าใจในขณะนั้น กล่าวก็คือ เริ่มจากการที่นางย่างกายเข้าสู่โรงงานอาวุธ ชีวิตของนางก็ต้องเชื่อมโยงกับเหล่าหลิวเข้าด้วยกัน หากแม้นนางทำเรื่องรั่วไหลใดๆ ก็ตาม เหล่าหลิวเองก็ยากจะปัดความรับผิดชอบ

เหล่าหลิวพยักหน้า “ใช่ ดังนั้นล่ะก็ ท่านเพียงแค่เข้าร่วมบททดสอบอย่างวางใจก็พอ เรื่องอื่นใดนั้น ก็ส่งมาให้ข้าเหล่าหลิวเถิด”

“เช่นนั้นก็ขอบคุณพี่ใหญ่หลิวแล้ว” หลินซีนเยียนคงยิ้มไว้ พูดคุยกับเหล่าหลิวมากมายตลอดทาง ก็อุปนิสัยนี้ มิแปลกใจที่สามารถดำรงตำแหน่งมั่นคงในโรงงานอาวุธได้ ตลอดทางเหล่าหลิวเป็นมิตรมาก ล้วนบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการแนะนำตนเอง ตั้งแต่เขามาจากหมู่บ้านเล็กอันไกลโพ้นแห่งหนึ่ง เรื่อยมาถึงเรื่องเล่าที่ก้าวเข้าสู่โรงงานอาวุธทีละขั้นทีละตอน เขาเล่าอย่างบันเทิงเริงใจ หนำซ้ำยังเกรงว่าจะภาคภูมิใจในตนเอง

หลินซีนเยียนชื่นชอบฟังเรื่องเล่า ดังนั้นจึงสดับฟังเขาเล่าอย่างสงบเสงี่ยมตลอดทาง รอกระทั่งเขาเล่าถึงงานวิวาห์กำเนิดบุตร เกวียนม้าก็ควบปุเลงๆ มายังเบื้องหน้าไพรสัณฑ์ในเขตใกล้เคียงแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต