ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 288

ตอนที่ 288 บังเอิญพบกลางพณา

เสียงโหยหวนนั่นดังมาจากช่างฝีมือแซ่จาง?

ในอกหลินซีนเยียนสะดุ้งกึก ยันกายลุกขึ้นคว้าอาภรณ์ยาวห่อตัวก่อนจะถลาออกไป เพิ่งเดินออกจากปากประตูก็มองเห็นเงาทะมึนหนึ่งพุ่งออกมาจากภายในห้องข้างๆ

“เจ้าเป็นใคร” หลินซีนเยียนเค้นลำคอตะโกนขึ้น ชายชุดดำคนนั้นพอได้ยินก็ก้าวขาวิ่งอุตลุดในฉับพลัน

กลิ่นคาวเลือดรุนแรงลอยคลุ้งจากภายในห้องข้างๆ หลินซีนเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายสุดก็ป่าวร้องว่า “ไฟไหม้” ไปพลาง ไล่ตามทิศทางของชายชุดดำคนนั้นไปพลาง

นางจำได้ในชาติที่แล้ว มีผู้เชี่ยวชาญเคยกล่าวในโทรทัศน์ ยามที่เผชิญหน้ากับภัยอันตราย โดยเฉพาะเรื่องจำพวกฆ่าคนแล้ว เพื่อดึงดูดการสังเกตของผู้คนเยอะๆ ทางที่ดีให้กู่ร้องว่า “ไฟไหม้” แต่ไม่ใช่ “ฆ่าคน” เนื่องจากคนปกติเมื่อได้ยินว่าฆ่าคนล้วนมีจิตผวา ยิ่งไม่อาจหยัดยืนด้วยความกล้าอย่างง่ายดาย ทว่าไฟไหม้ไม่เหมือนกัน หากว่าไฟไหม้แล้วล่ะก็อาจลุกลามไปสู่ทุกคนรอบข้าง เหตุนี้จึงสามารถดูดความสนใจของผู้คนได้มากกว่า

ดังนั้นนางกลับตะโกนว่า “ไฟไหม้” สุดชีวิต และนั่นเอง ผ่านไปไม่กี่เสี้ยวคนในห้องเหล่านั้นต่างก็ค่อยๆ จุดคบเพลิงขึ้น คนมากมายล้วนก้าวออกจากประตูห้องตรวจตราสถานการณ์

หลินซีนเยียนไม่ไปใส่ใจสถานการณ์ภายในสวน ทำเพียงวิ่งไล่ตามชายชุดดำออกไปข้างนอก นางไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่นี่ ทำเพียงวิ่งตามรอยเงาทะมึนนั่นไป ผ่านไปไม่นานก็ไม่รู้ว่ามาถึงสถานที่ใด ซ้ำชายชุดดำเจ้าเล่ห์นั่นก็สาบสูญโดยสิ้นเชิงเป็นที่เรียบร้อย

นางสบถต่ำอย่างหัวเสีย ในอกบึ้งตึงอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากว่านางเป็นวรยุทธ์สักเสี้ยวของโม่จื่อเฟิง คงไม่อาจให้คนผู้นั้นวิ่งหนีอย่างง่ายดายเพียงนี้

คราวนี้นางจึงเริ่มกวาดมองสิ่งแวดล้อมรอบๆ ด้าน เพียงแค่ไม่กี่เสี้ยวเท่านั้นเอง นางวิ่งออกจากสวนหลักของโรงงานอาวุธอย่างไม่ทันรู้ตัว ซ้ำยังมาถึงในป่ารกชัฏ ตอนที่ชายชุดดำหายตัวไป นางเพิ่งตระหนักถึงความมืดสนิทอย่างน่ากลัวและความเงียบงันจากรอบกาย

ในป่าทึบ ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจากความรู้สึกอันไม่แน่นอน ใครก็ไม่อาจล่วงรู้ในความมืดวินาทีถัดมาจะมีสิ่งใดพุ่งพรวดขึ้น

นางลอบกลืนน้ำลายทำเพียงใช้ความรู้สึกก่อนหน้าเป็นตัวนำแล้วเดินย้อนไปทางเดิม เพียงแต่ว่า ภายใต้สภาพแวดล้อมอันสงัดงัน เสียงเดียวที่ดังขึ้นก็คือเสียงย่างฝีเท้าของนาง นี่เป็นเรื่องแห่งบททดสอบความสามารถการอดทนของจิตใจไปในตัว

เดินมาระยะทางราวๆ สิบกว่าจ้าง ในที่สุดนางก็ได้ยินเสียงที่แตกต่างกันออกไป ราวกับเป็นเสียงซัดซ่าของน้ำดังลอยมาจากเบื้องหน้า นางลังเลอยู่ครู่ แต่ยังคงเดินเข้าไปยังทิศทางนั้น ซ้ำยิ่งเดินเข้าไปด้านหน้า ก็สามารถมองเห็นแสงรำไร นางใจชื้นขึ้น มีแสงก็กล่าวได้ว่าข้างหน้ามีคน

นางเร่งรีบเดินไปเบื้องหน้า เนื่องจากระยะทางใกล้มาก ดังนั้นเวลาไม่กี่นาทีนางก็มาถึงสถานที่อันเป็นแหล่งกำเนิดเสียงน้ำ ที่แท้ นี่ก็เป็นน้ำพุร้อนจากธรรมชาตินั่นเอง สองด้านของน้ำพุแขวนตะเกียงเชื้อเพลิงกระดาษน้ำมันเอาไว้ ในตะเกียงมีแสงสลัวส่องประกายอยู่บนผิวน้ำพุ ยิ่งย้ำให้ความรู้สึกจำพวกละอองหมอกอันเพริศแพร้วน่าหลงใหลเด่นหราออกมา

ฉากภาพสะคราญยิ่ง ทว่ายังเงียบสงบดังเดิม

หลินซีนเยียนยืนอยู่ข้างน้ำพุกวาดตามองสี่ด้าน กลับไร้ซึ่งร่องรอยของมนุษย์ ในอกกำลังผุดข้อฉงน ในสมองยิ่งนึกถึงฉากของเหล่าละครในโทรทัศน์ ยามนี้ เผลอๆ อาจจะมีชายรูปงามคนหนึ่งโผล่ออกมาจากผิวน้ำอย่างไม่ได้ตั้งใจ

แต่น่าเสียดาย นี่ไม่ใช่ละครปาหี่ ดังนั้นนางยืนอยู่พักใหญ่ก็ไร้ซึ่งคนโผล่ออกมาจากผิวน้ำ กลายเป็นว่าสภาพแวดล้อมที่ยิ่งเงียบสงบลงทุกทีทำให้นางกระสับกระส่าย

นางครุ่นคิด เดินมายังด้านข้างของน้ำพุ หยิบเอาตะเกียงไฟหนึ่งในนั้นขึ้น อาศัยแสงของตะเกียงเตรียมเดินกลับโรงงานอาวุธ เพียงนางเพิ่งหมุนกายก็มองเห็นคนผู้หนึ่งที่ผมเผ้ารุงรังปรากฏอยู่เบื้องหลังของตน

“อา!” โครงเรื่องที่ปรากฏแค่ในภาพยนตร์สยองขวัญจำพวกนี้ นางจะได้ประสบด้วยตนเองอย่างจริงๆ จังๆ สักครั้ง ตะเกียงในมือร่วงลงบนพื้น

แสงเทียนในตะเกียงจุดกระดาษน้ำมันให้ลุกโชนพรึ่บในฉับพลัน ผันผ่านไปเพียงเสี้ยวเดียวตะเกียงก็สลายเป็นเถ้าถ่าน

“สมควรตาย เจ้าทำลายตะเกียงข้าพังแล้วอันหนึ่ง”

คนผมเผ้ารุงรังที่ยืนอยู่เบื้องหน้าหลินซีนเยียนเอ่ยปาก ฟังเสียงแล้วเป็นน้ำเสียงผู้ชายที่ทุ้มต่ำคนหนึ่ง ฟังดูแล้วอายุไม่ถือว่าแก่

หลินซีนเยียนถูกพังสติสัมปชัญญะลงครึ่งหนึ่ง ไม่ง่ายนักกว่าจะดึงกลับคืนมา ได้ยินเสียงเขาซ้ำอีก ราวกับไม่เหมือนภูตผี คราวนี้ค่อยสงบใจลงบ้าง เอ่ยถามด้วยอาการระริกเล็กน้อย “ท่านเป็นใคร”

“ข้าเป็นใครต้องใช้ให้เจ้ายุ่งด้วยรึ ว่าแต่เจ้า ยืนอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้ว ทำไม แม่นางในโรงงานดูจนหน่ายแล้ว เลยมาแอบส่องผู้ชายแทน?” บุรุษแค่นเสียงเย็น แววเสียดสีถากถางแจ่มแจ้ง ยามที่เอ่ยวาจา เขายังจัดการกับอาภรณ์ของตน เขาสวมเพียงเสื้อชั้นใน ดังนั้นจึงหยิบเสื้อหนาบนพื้นขึ้นมาสวมต่อหน้าหลินซีนเยียน

หลินซีนเยียนฟังคำพูดของเขา ขณะต่อมาจึงตอบโต้กลับ “ท่านก็เป็นช่างฝีมือของโรงงานอาวุธ?” สามารถอ้างถึงโรงงานอาวุธ ดูท่าจะต้องเป็นคนในไม่ผิดแน่

ชายผู้นั้นไม่ไยดีนาง ทำเพียงสวมผ้าผ่อนเสร็จแล้วค่อยหวีเรือนผมยาวเหยียดของตนมาพักไว้หลังกาย คราวนี้จึงเผยโฉมหน้าของเขาให้เห็น

เค้าหน้าของบุรุษอายุอานามยี่สิบกว่า ปลดเปลื้องความห่ามสุก ยังแฝงกลิ่นอายของชายเต็มหนุ่มเจือจาง รูปลักษณ์ของเขาก็งดงามยิ่ง ราวกับรูปปั้นเครื่องลายครามที่สมบูรณ์แบบ เสมือนว่าทุกกระเบียดนิ้วล้วนมีเทพแห่งช่างฝีมือสลักอย่างระแวดระวัง รูปร่างของเขาไม่นับว่าบึกบึน และไม่ได้ให้ความรู้สึกหยาบกระด้างดังเช่นช่างฝีมือทั่วไป

บุรุษเช่นนี้ กลับคล้ายคลึงกับปัญญาชนคงแก่เรียนคนหนึ่ง ยากที่จะเชื่อมโยงเข้ากับช่างตีเหล็กเข้าด้วยกัน

หลินซีนเยียนอึ้งทึ่งอยู่ไม่น้อย จ้องหน้าของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้ผู้ชายคนนั้นไม่พึงพอใจขึ้นมาอีก “เจ้ายังจ้อง? ดูท่าในหอนางโลมต้องผลัดเปลี่ยนแม่นางเหล่านั้นหน่อยแล้ว ดูแล้วน่าจะเล่นจนเบื่อหน่ายแล้ว พวกเจ้าเหล่าช่างฝีมือล้วนใกล้จะกำไม่อยู่แล้ว”

เขาพูดประโยคนี้พึมพำกับตนเองแล้วจึงเดินมายังเบื้องหน้าของหลินซีนเยียน หลินซีนเยียนยังไม่ทันตอบสนอง ก็เห็นเขายกมือขึ้นแล้วเหวี่ยงไปข้างหน้า การกระทำนั้นเด็ดขาดและชัดเจน หนำซ้ำเจตนาก็ยังแจ่มแจ้ง ก็คือต้องการผลักให้หลินซีนเยียนร่วงสู่กลางน้ำพุนั่น

“กระทั่งข้ายังกล้าแอบมอง เจ้าตกลงไปตั้งสติดีๆ เสียเถิด...”

แต่น่าเสียดาย คำว่า “เถิด” ในปากของเขาคำนั้นเพิ่งสิ้นสุดลง ก็รู้สึกว่าหัวกางเกงชั้นในของตนหลวมๆ เขาก้มหน้าอย่างตกใจ ฉับพลันนั้นพบว่าตอนที่หลินซีนเยียนถลาล้มไปนั้นได้คว้ากางเกงชั้นในของเขาเอาไว้โดยสัญชาตญาณ

หลินซีนเยียนตกลงไปยังน้ำพุ กระทั่งกางเกงชั้นในที่กำในมือก็ลากเขาหล่นตุบลงน้ำด้วย

เสียง “ตู้มต้าม” ที่ดังติดต่อกันสองครั้งกลางป่าลึกอันเงียบสงบฟังดูแล้วปุบปับอย่างยิ่ง หนำซ้ำยามที่หลินซีนเยียนดิ้นรนตะเกียกตะกายโผล่พ้นจากผิวน้ำอย่างกะทันหัน เนื่องจากตอนที่โผล่พ้นน้ำนั้น ในมือยังคว้าเอากางเกงชั้นในของชายคนหนึ่งเอาไว้อย่างเลยเถิด

“เจ้า!” ชายผู้นั้นลอยพ้นผิวน้ำ ทั้งใบหน้ากลายเป็นสีซีดเผือด เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันชี้ไปที่หลินซีนเยียน ตะโกนเสียงต่ำ “คืนกางเกงให้ข้า!”

“คืนก็คืนปะไร ใครใช้ให้ท่านผอมกะหร่องจนกางเกงหลวมแบบนี้กัน” หลินซีนเยียนแสยะมุมปาก ขว้างกางเกงที่เปียกม่อลอกม่อแลกเข้าใส่หน้าเขาอย่างจัง

กางเกงชั้นในเลื่อนครูดบนหน้าของชายผู้นั้น ความรู้สึกคึกใจกำเนิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลระลอกหนึ่ง แต่ว่าบุรุษนั่นเห็นได้ชัดว่าหัวเราะไม่ออก เนื่องจากสีหน้าของเขาบัดนี้ได้กลายเป็นสีดำอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต