ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 289

ตอนที่ 289 ผู้ที่บงการชีวิต

น้ำพุอันนั้นเดิมทีมีความสูงแค่ครึ่งคน ดังนั้นเขาจึงโกรธจนหยุดกายลุกขึ้นยืนจากน้ำ สาวเท้าสวบๆ แล้วเดินไปยังทิศทางของหลินซีนเยียน “สมควรตาย! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”

หลินซีนเยียนจ้องชายคนนี้เปลือยบั้นท้ายลุกขึ้นมาจากน้ำตาปริบๆ โดยเฉพาะตอนที่บางส่วนในร่างกายเขาแสดงตัวต่อหน้านางนั้น นางก็หันหน้ากลับโดยสัญชาตญาณ

เวรกรรม!

ช่างเหยียบขี้หมาแล้วเสียจริง ได้มาเห็นความวิปลาสแห่งการชมชอบเดินโทงกับนกกระจอกแบบนี้! ในอกก็โกรธเสียจนเข็ดฟัน หลินซีนเยียนหมุนกายวิ่งไปทางฝั่งโดยไม่ต้องยั้งคิด

“คิดหนี?” ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงเย็น กึ่งวิ่งกึ่งเดินมายังด้านหลังของหลินซีนเยียนคว้ามือไปจับหัวไหล่ดึงให้นางกลับมา

“ท่านวีรบุรุษ ค่อยพูดค่อยจา ค่อยพูดค่อยจา!” กำลังของหลินซีนเยียนไม่สู้เขา ถูกเขาลากกลับลงน้ำอย่างทารุณ นางทั้งขัดขืน ทั้งตะโกนต่ำ “เข้าใจผิด ล้วนเข้าใจผิดแล้ว! เมื่อครู่ข้าไล่ตามมือสังหารฆ่าคนแล้วหลงเข้ามาที่นี่ ไม่ใช่ว่าตั้งใจมาแอบส่องท่านจริงๆ นะ!”

ในบ้านมีโม่จื่อเฟิงผู้ที่เลิศเลอกว่าทุกคนนั้นไม่ดู นางจะหนีออกมาแอบมองแตงเบี้ยวพุทราร้าวพวกนี้? ส่วนสมองของนางก็ไม่ได้มีปัญหา ถึงแม้ชายผู้นี้กับแตงเบี้ยวพทุราร้าวนั่นเทียบชั้นกันไม่ได้ เปรียบกับโม่จื่อเฟิงก็ยังด้อยมาตรฐานกว่าสักเล็กน้อย โดยเฉพาะบางแห่ง...

เอ้อ! หลินซีนเยียนตบกบาลดังป้าบ เวลาแบบนี้แล้ว นางยังมัวคิดเลอะเทอะอันใดอยู่ ช่างไม่ยุติธรรมต่อความคิดความอ่านของสาวเต็มรุ่นเอาจริงๆ! ตอนนี้สถานะเป็นสะใภ้คนอื่นแล้ว นางจึงค่อยเข้าใจตอนที่แรกเริ่มเหล่าสาวใหญ่ในห้องทำงานที่เคยออกเรือนแล้วพูดถึงผู้ชายนั้น แต่ละคนล้วนมีท่าทีคลุมเครือและแปลกประหลาด

ตอนนั้น นางยังรู้สึกว่าพวกพี่สาวเหล่านั้นช่างตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว ไร้ซึ่งอาการสงวนของหญิงสาวโดยสิ้นเชิง แต่ว่าตอนที่นางแต่งออกเรือนนั้น ก็รู้สึกว่าความต้องการทางสรีระไม่เพียงแต่บุรุษที่มี สตรีเองก็มี ดังนั้นเหล่าหญิงสาวชมหนังสั้นเล่าเกี่ยวกับมุกตลกลามกก็ไม่ได้ยากจะยอมรับขนาดนั้นอีกแล้ว

“ดูท่าเจ้ายังเป็นคนไหวพริบดีคนหนึ่ง คิดคำแก้ตัวเช่นนี้ออกมาได้รวดเร็วป่านนี้ แต่เจ้าคิดว่าข้าจะถูกหลอกง่ายๆ แบบนี้?” ชายผู้นั้นแค่นเสียงเย็น ยื่นมือไปกำอาภรณ์ของหลินซีนเยียน “กล้าแอบมองข้า ได้! วันนี้ข้าจะเปลื้องผ้าเจ้า อีกครู่จะให้เหล่าพี่น้องแห่มาดูสักหน่อย ให้เป็นตาเจ้าได้สัมผัสกับความรู้สึกขยะแขยงที่ถูกผู้ชายมอง!”

“อย่านะ ท่านวีรบุรุษ ข้าไม่ได้แอบมองท่านจริงๆ!” หลินซีนเยียนกำปกคอเสื้อของตนนึกคำอธิบาย แต่ว่าชายผู้นั้นไม่ให้โอกาสนางได้เอ่ยคำอีกแม้แต่น้อย ยื่นมือตรงมากระชากเสื้อผ้าของนางในพลัน

นางเร่งรีบออกมา ด้านในมีเพียงเสื้อชั้นในแสนบางแค่ชั้นเดียว ปัจจุบันแช่น้ำเช่นนี้ ยิ่งทำให้รูปร่างเบ่งบานของนางเปิดเผยออกมา นางแค่รู้สึกว่าหน้าอกเปลือย จากนั้นก็กรีดร้องพลางขบกัดบนข้อมือของชายผู้นั้น

ถึงแม้จะแค่แวบเดียว แต่ว่าที่สมควรมอง ที่ไม่สมควรมอง ชายผู้นั้นกลับเห็นทั้งหมดแล้วเป็นที่เรียบร้อย เขานิ่งทื่อจนลืมชักข้อมือที่ถูกกัดของตนเอง ยังคงจ้องหลินซีนเยียนอย่างทึนทื่อ

ครู่ต่อมา หลินซีนเยียนรู้สึกว่าในปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด แต่ชายผู้นั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองสักนิด คราวนี้นางจึงค่อยคลายปากออกแผ่วเบา เงยหน้าก็มองเห็นบนจมูกของชายผู้นั้นมีเลือดกำเดาสดๆ ไหลออกมาทั้งสองสาย

“เอ่อ...” หลินซีนเยียนยกมุมปาก สำหรับชายยุคก่อนการตอบสนองแบบหัวโบราณนี้ช่างน่าเย้ยหยันนัก เพียงแค่มองเห็นส่วนเว้าโค้งไม่ราบเรียบแวบๆ ก็เท่านั้น แต่ยังเลือดกำเดาไหล?

ชายผู้นั้นราวกับลืมเลือนไปว่าข้อมือของตนถูกกัดจนเลือดไหลซิบๆ ฉับพลันก็ทรุดกายลงอย่างตกใจ นำเอาส่วนล่างของตนหลบซ่อนอยู่ภายใต้น้ำพุร้อน ในที่สุดเขาซึ่งดึงสติกลับมาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองว่าเมื่อครู่ได้เดินโทงปล่อยนกกระจอกอย่างไร้เกาะกำบังต่อหน้าสตรีนางหนึ่ง

เรื่องนี้เดิมทีเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด หลินซีนเยียนกับคนผู้นี้ไม่มีแค้นหรืออยุติธรรมให้ต้องโทษจนกลายเป็นศัตรู ดังนั้นนางจึงทอดถอนใจหนึ่งเฮือก ยื่นมือไปลูบหัวไหล่ของชายคนนั้นพลางกล่าว “ท่านดูของข้าแล้ว ข้าก็ดูของท่านแล้ว พวกเราก็นับว่าเสมอกันกระมัง ไม่ใช่ว่ามองแค่แวบเดียวเท่านั้น ท่านทำใจให้สบาย ท่านไม่พูดข้าไม่พูด บุคคลที่สามไม่มีทางรับรู้ สรุปแล้วเผลอๆ ต่อไปพวกเราอาจมีโอกาสได้ร่วมงานกันในโรงงานอาวุธ ท่านไม่เปิดโปงข้า ข้าเองก็ไม่มีวันเอ่ยถึงเรื่องในวันนี้ เรื่องนี้...พวกเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ท่านว่าดีเท่าไร?”

นางไม่อยากให้เกิดเรื่องผิดพลาดตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ทันได้เข้าสู่โรงงานอาวุธ ไม่ใช่แค่ถูกมองเพียงแวบเดียวเท่านั้นหรือ นางเป็นหญิงสาววันรุ่ยตอนปลายยุคปัจจุบันที่ชิงชังงานแต่ง ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องให้ต้องวิตกกังวลใจ

ชายผู้นั้นไม่ได้หันหน้ามา นางมองไม่เห็นสีหน้าของเขา และก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร เขากลับยิ่งไม่พูดถึงหลักการทั่วไป ดังนั้นในขณะนั้นเองก็ทำให้บรรยากาศทั้งมวลล้วนแปรเป็นฉงนยิ่ง

เห็นว่าเขาร่ำรี้ร่ำไรไม่ได้ตอบคำถาม หลินซีนเยียนกำลังครุ่นคิดว่าการพูดกันดีๆ ไม่ได้ ต้องการให้ใช้กำลังบังคับหรือไม่ ใครจะรู้ว่าชายผู้นั้นกลับกระแอมไอเอ่ยปากในทันที

“อันนั้น เห็นเรือนร่างของแม่นางแล้ว ข้าเต็มใจแต่งท่าน แม่นางโปรดวางใจ พื้นเพข้าบริสุทธิ์ ยังไม่ได้สมรส บิดามารดายังชีพอยู่ ในครอบครัวไม่มีพี่น้องคนอื่นๆ และไม่อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามีได้แน่” ชายผู้นั้นหันหลังกล่าวกับหลินซีนเยียนอย่างเนิบนาบ

หลินซีนเยียนนิ่งทึ่ง หลังจากที่มีปฏิกิริยาตอบสนองแล้วพลันหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เอาเถิด ช่างไร้วิจารณญาณเสียจริง ไม่ใช่ว่าแค่มองหญิงนางหนึ่งเท่านั้นหรือ ผู้หญิงในหอนางโลมท่านเคยเห็นกระมัง มองแล้วต้องสู่ขอ? อย่างนี้แล้วกัน หากว่าท่านค้างคาในใจจริงๆ แล้วล่ะก็ ให้เงินข้าสักหนึ่งตำลึงก็พอแล้ว ทำเหมือนว่าข้าเป็นแม่นางในหอโคมเขียวเถิด”

นางส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขากล้าสู่ขอ ทว่านางกล้าแต่งด้วยหรือ? นางกล้ารับรอง หากแม้นนางกล้าคิดแม้แต่จะเอื้อมมือออกไปแตะงานวิวาห์นอกกำแพงนั่น โม่จื่อเฟิงผู้หยิ่งผยองต้องสับนางแหลกกลายเป็นสิบล้านแปดพันชิ้นแน่

“ผู้หญิงเช่นเจ้านี้ เหตุใดจึงลดลงลงมาเกลือกกลั้วเช่นนี้!” ชายผู้นั้นหดหู่ น้ำเสียงพลันยะเยือกเย็นขึ้นมา หันหน้าไปคว้าแขนของนางอย่างเดือดดาลพลางกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าจะเต็มใจสู่ขอหญิงที่ไร้ความรู้สึกนางหนึ่ง? แต่ว่าเพราะเจ้าคือผู้หญิงคนแรกที่เห็นเรือนร่างข้าก็เท่านั้น!”

“ข้าไม่ได้ฟังผิดกระมัง ท่านผู้ชายคนหนึ่ง มองแวบเดียวก็ต้องให้ข้ารับผิดชอบ?” หลินซีนเยียนรู้สึกว่าน่าหัวร่อ เพียงแต่กลับหัวเราะไม่ออก เพียงรู้สึกว่ากระบวนการคิดของคนโบราณนั้นช่างพิลึกกึกกืออยากต่อการเข้าใจจริงๆ

“ไม่ใช่ว่าข้าต้องการให้เจ้ารับผิดชอบ แต่ว่าต้นตระกูลของข้าต้องการให้เจ้ารับผิดชอบ!” คำที่ชายผู้นั้นพูด กลับยิ่งทำให้หลินซีนเยียนรู้สึกฉงนใจนัก นางจ้องหน้าเขานิ่งทื่อ จากสีหน้าของเขามองออกถึงความขัดแย้งและสับสน นางพลันระลึกได้ เสมือนกับเรื่องราวบานปลายกันใหญ่ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาที่มองแวบเดียวเท่านั้น เรื่องนี้กับต้นตระกูลของเขาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไรกัน

หลินซีนเยียนรู้สึกว่าเรื่องราวค่อนข้างจะควบคุมไม่ได้ ดังนั้นจึงสะบัดมือของเขาออกไปด้านนอก ในปากเอื้อนประโยคหนึ่ง “วิปริต!”

“หยุดนะ!” ชายผู้นั้นกุลีกุจอออกจากน้ำพุร้อนไล่ตามขึ้นมา ครั้งนี้กลับไร้ซึ่งวี่แววของความกระดากอายก่อนหน้า

หลินซีนเยียนมองปราดหนึ่งอย่างเร่งรีบ เพิ่มแรงวิ่งของฝีเท้าขึ้น

ชายผู้นั้นไล่ตามมาเบื้องหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งใด ได้ยินเสียงคนร้องแว่วดังลอยมาจากที่ไกลๆ คราวนี้เขาจึงค่อยสบถต่ำและเดินวกกลับมายังกลางน้ำพุร้อนอีกครั้ง เพียงแต่ เขาจ้องเงาด้านหลังของหลินซีนเยียนที่วิ่งอุตลุดไป ในดวงตาทั้งสองข้างสามารถปะทุไฟออกมาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต