ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 298

ตอนที่ 298 ใครชนะใครแพ้

“พวกเขา?” หลี่เยว่มองไปตามทิศทางที่หลี่อวิ๋นซ่านชี้อย่างพิศวงงงงวย ราวกับเพิ่งจะสังเกตเห็นการมีตัวตนของเหล่าหลิวและหลินซีนเยียน เขานิ่งทื่อ ก่อนกล่าว “พวกเขาก็ทำดาบหิรัญรึ”

หลี่อวิ๋นซ่านพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมเอ่ยถามหัวหน้าโรงผลิตอีกครั้ง “ทำไม ดาบหิรัญที่พวกเขาทำยังไม่เสร็จดีรึ”

หัวหน้าโรงผลิตลังเลเล็กน้อย พร้อมกัดฟันเอ่ย “ทำก็ทำเสร็จแล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ ทุกคนอย่าเร่งรีบ ข้าได้ให้ผู้ดูแลไปนำเอาดาบเพลงดีในโรงผลิตมาทั้งหมดแล้ว โอ้ พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา...”

ยามที่เอ่ยพูดนั้น ผู้ดูแลที่เพิ่งหอบเอาดาบเหล็กกว่าสิบเล่มก็เดินกุลีกุจอเข้ามาในสวน หัวหน้าโรงผลิตรีบรุดไปรับเอาดาบหิรัญเหล่านั้นเข้ามา “พวกท่านดู ดาบหิรัญมาแล้ว พวกนี้ล้วนเป็นดาบหิรัญที่โรงผลิตศาสตราวุธของพวกเราตีหลอมออกมาทั้งสิ้น” เขายังคงไม่เชื่อ ในจำนวนดาบมากมายขนาดนี้ยังไม่อาจเอาชนะดาบหิรัญในมือของหลี่เยว่ได้สักเล่ม

หลี่เยว่ยังคงสีหน้าดูแคลนเต็มประดา ลุกขึ้นยืนพร้อมถือดาบหิรัญขึ้นมา “ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองเวลาอีก” เขาหมุนกายไปกล่าวหับขุนพลหลี่ “ท่านพ่อ หากว่าที่นี่ไม่มีดาบหิรัญที่สามารถเอาชนะดาบของข้าได้ ถึงคราวเรื่องที่ท่านรับคำข้าก็มิอาจคืนคำได้แล้ว พอดีมีท่านพี่อยู่ที่นี่ช่วยเป็นพยานให้พวกเราด้วย”

ขุนพลหลี่รับคำเสียงเย็น ลูบไล้เครางามก่อนเอ่ย “เจ้าเอาชนะดาบทั้งหมดของที่นี่ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!”

ถูกเกทับเช่นนี้ เสมือนหลี่เยว่กลับยิ่งมีความสนอกสนใจขึ้น เขาเลือกหนึ่งในองครักษ์ของโรงผลิตศาสตราวุธให้หยิบดาบมา ทั้งสองเดินตัดสนามไปยังลานว่างก่อนจะเริ่มปะทะกัน

เพียงแต่ ทุกครั้งที่หลี่เยว่ตัดดาบลง ก็มักเป็นเพียงเสียงตัดดาบเหล็กขาดในฉับเดียว เสียงชัดเจนกังวานเสียงแล้วเสียงเล่าต่อเนื่องกัน ราวกับสายฟ้าฟาด วนเวียนอยู่ข้างในใจของทุกคนครั้งแล้วครั้งเล่า

ผ่านไปแค่ครู่เดียว พื้นว่างของสวนก็เต็มไปด้วยซากของดาบหักกว่าสิบเล่ม ขณะที่องครักษ์ผู้นั้นหยิบเอาดาบเหล็กเล่มสุดท้ายแล้วเดินไปยังจุดศูนย์กลาง สีหน้าของขุนพลหลี่ก็ล้วนปั้นยากเต็มทนแล้ว หัวหน้าโรงผลิตยิ่งผุดเหงื่อเย็นเม็ดเป้งจากบริเวณหน้าผาก ก็แม้กระทั่งหัวคิ้วของหลี่อวิ๋นซ่านยังขมวดมุ่นโดยไม่รู้สึกตัว

“เคร้ง”

ดาบเหล็กเสียดสีกัน ก่อให้เกิดประกายไฟที่สง่างามเสียยิ่งกว่าพลุ แต่น่าเสียดายที่เสียงก้องกังวานนั้นยังคงตอกย้ำในจิตใจของฝูงชนอย่างไร้ปรานี

ดาบเหล็กเล่มสุดท้ายก็ถูกฟันขาดลงสิ้นแล้ว

“ฮ่าๆ...” หลี่เยว่เงยหน้าหัวเราะอย่างสะใจ ยิ่งมองดาบในมือยิ่งพอใจ “ข้าบอกแล้ว ดาบหิรัญของข้าเล่มนี้เป็นหนึ่งเดียวใต้หล้า ช่างฝีมือของประเทศเป่ยหมิงผู้นั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”

ขุนพลหลี่โกรธจนตบโต๊ะอย่างระห่ำก่อนหยัดกายลุกขึ้น “หุบปาก! ได้ดาบหิรัญมาจากต่างเมืองเจ้ายังเอิบอิ่มใจอีก เหตุใดเจ้าไม่คิดสักนิดถ้าหากประเทศเป่ยหมิงมีช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นแล้ว ความมั่นคงของประเทศก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่ขาด ถึงยามนั้นจะเป็นภัยต่อประเทศใดมากที่สุด”

“ท่านพ่อ...ก็ไม่ใช่แค่ดาบเล่มเดียวรึ จะซัดทอดไปถึงอัตราการเกิดตายของประเทศชาติได้หรือ ท้ายที่สุดข้าก็ชนะแล้ว เรื่องงานวิวาห์ใหญ่โตของข้าก็ย่อมให้ข้าเป็นผู้ตัดสินด้วยตนเอง ตอนนี้ข้าใส่ใจก็แค่เรื่องนี้ ท่านอย่าได้เอาป้ายทางการเมืองเหล่านั้นมากดขี่ข้า” หลี่เยว่นำเอาดาบยาวเก็บเข้าฝัก เดินข้ามายังด้านในศาลาพลางรินเหล้าให้ตนเองอย่างสดชื่น กระดกแก้วดื่มหมดในรวดเดียว

บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นซบเซาขึ้นมา นอกจากหลี่เยว่ที่มีกะใจร่ำสุราแล้ว คนอื่นล้วนมีสีหน้าปั้นยากด้วยกันทั้งสิ้น ขุนพลหลี่ทั้งรู้สึกอับอายขายขี้หน้า ทั้งยังกังวลอนาคตของประเทศหนานเยว่ หัวหน้าโรงผลิตล้วนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นใด ทั้งใจคิดเพียงว่าทำเรื่องผิดใจใต้เท่าหลี่แล้วส่วนของเหรียญเงินในปีต่อไปนั้นเกรงว่าจะจัดการลำบาก ซ้ำหลี่อวิ๋นซ่านยังเบนสายตาไปยังทิศทางของหลินซีนเยียนโดยไม่รู้สึกตัว ในแววตาฉายแวววิตกกังวลไม่น้อย

ฝูงชนล้วนคิดสะระตะในทางลบ เวลานั้นเอง ในสวนกลับสงบเงียบลงอย่างแปลกประหลาด

หลี่เยว่กระดกเหล้าสองจอกติดกันอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้จึงค่อยกล่าวกลั้วหัวเราะกับหัวหน้าโรงผลิต “ใต้เท้าหัวหน้าโรงผลิต ข้าจะถามท่านเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่นี่ของเจ้ายังมีดาบเพลงดีเล่มอื่นอีกหรือไม่ หากไม่มีล่ะก็ การเดิมวันพันนี้ก็นับว่าข้าชนะแล้วกัน”

“เอ่อ...” หัวหน้าโรงผลิตปาดเหงื่อตรงหน้าผากไม่หยุดหย่อน อยากพูดว่ามี ทว่าในอกกลับชัดแจ้ง ดาบเพลงดีของโรงผลิตศาสตราวุธที่นำออกมานั้นล้วนถูกหลี่เยว่ฟันขาดพินาศหมดแล้ว ถึงแม้ยังมีดาบดีอีกไม่น้อย ทว่าหากเทียบกับดาบในมือของหลี่เยว่แล้วย่อมไม่นับว่าดี ได้สูญเสียดาบเพลงดีมากโขขนาดนั้น หากนำดาบออกมาหักเล่นอีก เขาจะทำใจได้อย่างไร

ขณะที่หัวหน้าโรงผลิตกำลังลังเลอยู่นั้น หลี่อวิ๋นซ่านพลันยันกายขึ้นลุกเดินไปยังทิศทางของหลินซีนเยียน รอกระทั่งเขาเดินไปหยุดตรงเบื้องหน้าของหลินซีนเยียนจึงค่อยพูด “เช่นนั้นเอาดาบที่เจ้าทำมาให้ข้าลองดูสักหน่อย”

หลินซีนเยียนยังไม่ทันได้ตอบสนอง เหล่าหลิวที่อยู่ด้านข้างกลับมีปฏิกิริยาตอบรับพลางส่งกล่องกำมะหยี่ในมือให้แก่หลี่อวิ๋นซ่าน “ใต้เท้าหลี่พินิจ นี่เป็นดาบหิรัญที่พวกเราหลอมขึ้น ถึงแม้ไม่ได้สวยเท่าใดนัก ทว่าคุณภาพกลับคับแน่นนัก”

เหล่าหลิวกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ราวกับไม่อาจละทิ้งโอกาสที่จะประจบประแจงหลี่อวิ๋นซ่าน หลินซีนเยียนกลับแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยขะมักเขม้นต่อหลี่อวิ๋นซ่านเท่าใดนัก

“อืม” หลี่อวิ๋นซ่านตอบรับ เปิดกล่องกำมะหยี่พลางหยิบดาบเหล็กที่อยู่ข้างในขึ้นมา วินาทีที่แตะต้องดาบเหล็กนั้น แววตาของเขาเป็นประกายอยู่ครู่ มุมปากยิ่งประดับด้วยรอยสรวลอย่างพึงใจ เขามองแววตาของหลินซีนเยียนยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวา

ถูกเขาจ้องเสียจนหนังหัวออกอาการเหน็บชา หลินซีนเยียนทำเพียงหัวเราะแฮะๆ เหยเก

ยามที่หลี่อวิ๋นซ่านเบนสายตากลับมา ถือดาบเหล็กเอาไว้พลางเดินเข้าสู่พื้นว่างของสวน ก่อนตะโกนกล่าวกับหลี่เยว่ที่อยู่ในศาลา “หลี่เยว่ออกมา ข้าจะถือเอาดาบเหล็กมาประชันกับดาบหิรัญของเจ้าเสียหน่อย หากว่าครั้งนี้แพ้ก็เป็นที่เจ้า ให้ข้าเป็นพยานบุคคล ท่านพ่อของเจ้ามิกล้าตระบัดสัตย์แน่ แต่ว่า...หากข้าชนะ เช่นนั้นก็นับว่าเจ้าแพ้แล้ว เอาอย่างไรเล่า”

“ดีสิ มีประโยคนี้ของลูกพี่ลูกน้องข้า ข้าก็ไม่กลัวท่านพ่อผิดคำสัญญาแล้ว!” หลี่เยว่ชูดาบหิรัญขึ้นก่อนเดินออกมาอย่างรื่นเริงใจ ทั้งเรือนกายแผ่รังสีแห่งความรู้สึกฮึกเหิมเปี่ยมล้น

หลี่อวิ๋นซ่านหยัดยืนเต็มความสูง แสงเทียนยืดเงาของเขาให้สูงขึ้นยิ่งทำให้เขาดูกำยำและล่ำสันชัดขึ้น ชายชาตรีเช่นนี้ ทว่ากลับเป็นเพียงผู้ดูแลการคลังขายของโรงผลิตศาสตราวุธ หากไปวางไว้ตามท้องตลอดผู้ใดก็ล้วนไม่อยากจะเชื่อ

เหล่าผู้คนในสวนล้วนมองดูจนแทบบ้าคลั่งแล้ว โดยเฉพาะบุคลิกอันสง่างามยามชูดาบยาวของหลี่อวิ๋นซ่าน ยิ่งทำให้ผู้คนนึกไปถึงสุภาษิตหนึ่งที่ว่า “ความสามารถเป็นเลิศไร้เทียมทาน”

ก็แม้กระทั่งหลินซีนเยียนเองยังอดไม่ได้ที่จะมองอย่างตะลึงค้าง หากว่าไม่ใช่เพราะการมีอยู่ของสามีที่ประดุจทุรชนก็ไม่ปานอย่างโม่จื่อเฟิงแล้ว นางคงถูกหลี่อวิ๋นซ่านในลักษณะนี้ดึงดูดเข้าให้อย่างจังแล้ว

“ท่านพี่! ข้ามาแล้ว!” หลี่เยว่ประกาศเสียงกร้าว ชูดาบหิรัญขึ้นก่อนถาโถมเข้าไปยังทิศทางของหลี่อวิ๋นซ่าน

หลี่อวิ๋นซ่านทำเพียงแย้มรอยยิ้มเจือจาง จากนั้นยามที่หลี่เยว่พุ่งเข้ามาทางเขาในระยะประชิดจึงค่อยชูดาบขึ้น

ครั้งนี้ ก็ปรากฏเสียงก้องกังวานแผ่ซ่านอีกครั้ง

ยามวิกาลนี้ ฝูงชนล้วนถูกเสียงกึกก้องกังวานนี้ทารุณเสียจนเกือบเหน็บชา ดังนั้นยามที่เกิดเสียงก้องขึ้น หัวใจของคนเกือบทั้งหมดล้วนแดดิ้นระส่ำ

ก็แม้กระทั่งขุนพลหลี่ยังเคร่งเครียดจนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างกลั้นไม่ไหว ราวกับอยากชมการประลองดาบหิรัญครั้งนี้ให้ชัดเต็มสองตา สรุปแล้วใครชนะใครแพ้กันแน่

ทว่าประกายไปที่เกิดจากการเสียดสีกันของดาบทั้งสองเล่มนั้นกลับสว่างไสวกว่ารอบก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น ฝูงชนรู้สึกถึงเพียงความชัชวาลแผ่กว้างเบื้องหน้าเท่านั้น มีชั่วแวบหนึ่ง แสงพร่างพรายนั้นทำให้ผู้คนเปิดเปลือกตาไม่ขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต