ตอนที่ 299 บทสรุปที่เหนือความคาดหมาย
“ใครชนะแล้ว” หัวหน้าโรงผลิตค่อนข้างเคร่งเครียด แสบตาจนมิอาจลืมตาได้ กลับโพล่งถามผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้างอย่างร้อนรน
“คือ...คือ...คือ...” ผู้ดูแลคนนั้นเบิกตาโพลง เสมือนกับว่าเกินกว่าตกใจจนเอ่ยคำใดไม่ออก ร้อนรนจนหัวหน้าโรงผลิตมีการสบถคำสาปแช่งออกมา
กระทั่งขุนพลหลี่ บุคคลที่เคยผ่านสนามรบเคยเห็นคมหอกคมดาบมาแล้ว ดังนั้นครั้งแรกก็มองสถานการณ์ออก จากนั้นจึงรุดโถมอย่างตื่นเต้นสู่ใจกลางสวน ลูบไหล่หลี่อวิ๋นซ่านอย่างตื้นตัน กล่าวชื่นชมไม่ขาดปาก “ดี! ดี! ดาบหิรัญเพลงดี!”
หลี่อวิ๋นซ่านถอนลมหายใจลงอย่างมั่นคงเฮือกหนึ่ง ชูดาบเหล็กในมือ ทว่าในใจนั้นราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก ในที่สุดอารมณ์ระส่ำระสายก็เพลาลง วินาทีนี้ เขาเพิ่งพลันตระหนัก เขากังวลกับหลินซีนเยียนอย่างไม่ต้องสงสัย วิตกใจว่าหากดาบเหล็กเล่มนี้ไม่อาจเอาชนะดาบในมือของหลี่เยว่ได้ นางคงถูกหัวหน้าโรงผลิตผลักไสให้ไปเป็นเบี้ยล่างของเมืองเฟ่งชี
ถึงแม้จะเคยเห็นเพียงครั้งเดียว ทว่าหลังจากที่หลายวันมานี้ยามเขาพลิกทั้งสวนเสาะหานางทว่ากลับหาไม่พบนั้น อารมณ์ตั้งต้นของเขาก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดทั้งที่เห็นเพียงครั้งเดียวแท้ๆ เขากลับตั้งตาตั้งตารอจะพบนางอีกครั้งขนาดนั้น ในด้านที่พอนึกถึงว่านางอาจถูกลงทัณฑ์ เขาก็รู้สึกคับแน่นทนไม่ไหว
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร นี่เป็นถึงดาบหิรัญที่ช่างฝีมือใหญ่แห่งประเทศเป่ยหมิงทำขึ้น จะแพ้ได้อย่างไรกัน ข้ากลับมาจากชายแดน ตลอดการเดินทางนี้มันช่วยให้ข้าชนะการประลองดาบมากกว่าร้อยสนาม!” ราวกับหลี่เยว่ไม่กล้าเชื่อสัจธรรมข้อนี้ แต่ว่าดาบหักในมือได้ย้ำเตือนเขาอยู่ไม่หยุดหย่อน ผลลัพธ์ที่ทรมาทรกรรมนี้ ท้ายที่สุดยังคงเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ
หัวหน้าโรงผลิตปาดเหงื่อเย็น นึกอยากเดินไปข้างหน้า กลับค้นพบว่าขาทั้งสองข้างของตนค่อนข้างปวกเปียก เขาสูดลมหายใจลึกหลายครั้ง จัดการความมั่นคงทางอารมณ์เสร็จแล้ว จึงค่อยเดินไปกล่าวยังเบื้องหน้าของขุนพลหลี่ “ขุนพลหลี่พอใจก็ดีแล้ว ดาบเหล็กนี้เป็นผลงานของช่างฝีมือที่เพิ่งมาใหม่อดหลับอดนอนตีขึ้นมาขอรับ”
“มีดาบหิรัญนี้เจ้ารีบนำออกมาตั้งแต่ทีแรกก็หมดเรื่องแล้ว ต้องรอให้ถึงวินาทีสุดท้ายรึ” ชัดเจนว่าขุนพลหลี่ไม่ขายบัญชีของเขา ท่าทีที่มีหัวหน้าโรงผลิตยังคงไว้ซึ่งความไม่พึงใจอย่างมาก
แผ่นหลังของใต้เท้าหัวหน้าโรงผลิตเย็นซ่านเป็นระลอก ทำเพียงกล่าวอย่างหัวเด็ดตีนขาด “ดาบเหล็กอันนี้ไม่ใช่ว่าดูแล้วไม่ค่อยสวยหรอกหรือ ดังนั้นเกรงว่านำออกมาแล้วจะไม่ต้องตาของขุนพลหลี่...”
“เหลวไหล! เจ้าเห็นว่าข้าสกุลหลี่เป็นพวกไม่เอาถ่านรึ ข้าสกุลหลี่อายุสิบสามปีก็ออกศึกฆ่าศัตรู ยังมีแววดูดาบหิรัญออกอยู่บ้าง ทั้งไม่ใช่งานเย็บปักถักร้อย ยังจะต้องสวยงามไปทำอันใด” ขุนพลหลี่ตัดบทของเขา ไม่ปรายตามองเขาสักนิด อีกทั้งยังหยิบดาบหิรัญในมือของหลี่อวิ๋นซ่านออกมาพลิกสำรวจดู
วินาทีที่ขุนพลหลี่หยิบเอาดาบเหล็กไปนั้น สีหน้าก็พลันระบายแววชื่นชม “ไม่เลว ความหนักเบาและสัมผัสมือนี้นับว่าตีออกมาได้ดี ไม่ใช่เบาไปจนให้ความรู้สึกล่องลอย ก็ยังไม่หนักเกินจนคนรู้สึกอึ้งจม ดาบหิรัญนี่ผู้ใดเป็นคนทำ”
ฟังขุนพลหลี่ที่ในที่สุดก็เอ่ยถามถึงผู้ประดิษฐ์ดาบหิรัญ หัวหน้าโรงผลิตคิดว่าโอกาสประจบสอพลอมาถึงแล้ว จึงกระวีกระวาดผลักหลินซีนเยียนออกมาอย่างภิรมย์ใจ “ขุนพลหลี่ ดาบหิรัญเป็นของช่างฝีมือผู้นี้ทำขึ้นขอรับ”
ครั้งนี้ขุนพลหลี่จึงค่อยพิเคราะห์พิจารณาหลินซีนเยียนโดยถี่ถ้วน กลับกล่าวอย่างอัศจรรย์จนกลั้นไม่ได้ “ไฉนจึงอ่อนเยาว์เช่นนี้”
“แม้อายุจะอ่อนวัย แต่ว่าของที่ประดิษฐ์ขึ้นนับว่าไม่เลวจริงๆ” ราวกับหลี่อวิ๋นซ่านไม่ชมชอบน้ำเสียงดูแคลนหลินซีนเยียนของขุนพลหลี่ ดังนั้นจึงออกปากรับคำแทนอย่างอดไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...