ตอนที่ 302 เพื่อเจ้าจึงมา
สีหน้าของหลี่อวิ๋นซ่านปั้นยากถึงขีดสุด มองตามโม่จื่อเฟิงด้วยสายตาอาฆาต ราวกับไม่ได้สังเกตถึงสัญญาณมือของหัวหน้าโรงผลิต กระทั่งหลินซีนเยียนถอนหายใจหนึ่งเฮือกเดินมายังข้างกายของเขา พลางกล่าว “พวกเราออกไปก่อนเถิด” อยู่นี่ต่อก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้น
ประจันหน้ากับหลินซีนเยียน สีหน้าอาฆาตแค้นของหลี่อวิ๋นซ่านก็แปรเปลี่ยนไป ยามที่หันหน้ามา สายตาอ่อนโยนสบมองนางพลางพยักหน้า
ฉากที่ทั้งสองคนเดินตามหลังกันต้อยๆ ตกอยู่ในสายตาของโม่จื่อเฟิง มือที่ถือจอกเหล้าของเขานั้นค่อยๆ กำแน่นขึ้น กลับเป็นตอนที่ขุนพลหลี่มาถวายเหล้าศักดิ์สิทธิ์ค่อยคลายมือลง
“ท่านอ๋องเหตุใดมีเวลาว่างมาเยือนโรงผลิตอาวุธ” ใต้เท้าเฉาถือโอกาสตอนที่ขุนพลหลี่รินเหล้า มานั่งตรงข้ามกับโม่จื่อเฟิงพลางถาม
โม่จื่อเฟิงชูจอกสุรา ไม่รอให้ฝูงชนประเคนเหล้าศักดิ์สิทธิ์ เงยหน้ากระดกดื่มรวดเดียวจนเกลี้ยง ทำเพียงเอ่ยเย็นยะเยือก “พวกเจาก็รู้ ปัจจุบันข้ามีบุตรชายคนหนึ่ง วันนี้ข้าก็เพราะบุตรชายข้าจึงมา”
พวกเขารู้กันถ้วนว่าอู่เซวียนอ๋องมีบุตรชายหนึ่งคน แต่ว่าทารกนั้นเพิ่งอายุไม่กี่เดือน มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงผลิตศาสตราวุธของพวกเขาอย่างไร แต่ว่าไม่รีรอให้พวกเขาคาดเดานานเกินไป อู่เซวียนอ๋องก็ได้เฉลยข้อกังขาของฝูงชน
“ได้ข่าวว่าในโรงผลิตศาสตราวุธมีช่างฝีมือวิจิตรอยู่มาก โดยเฉพาะช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยมของประเทศหนานเยว่ล้วนกระจุกกันอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้านึกอยากให้ช่างฝีมือที่เก่งกาจที่สุดประดิษฐ์ของเล่นสักหลายอย่างให้แก่ลูกชายข้าเสียหน่อย”
โม่จื่อเฟิงบอกจุดหมายของการมาแล้ว เขากล่าวอย่างเรียบง่ายเนิบนาบ ทว่ากลับทำให้ฝูงชนที่ได้ยินแอบตกอกตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นมุมปากยังกระตุกเกร็ง
ถึงแม้ท่านเป็นอู่เซวียนอ๋อง ทว่าโรงผลิตศาสตราวุธอย่างไรเสียก็เป็นสถานที่ที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตอาวุธศึก ของที่ทำออกมาล้วนทำให้เหล่ากองทัพทหารลงสนามรบสังหารศัตรูใช้ ท่านเพียงออกปากแค่นี้ก็จะให้ช่างฝีมือเก่งกาจเหล่านี้ประดิษฐ์ของเล่นให้ท่าน เรื่องแสนเอาแต่ใจตนเองเช่นนี้ ท่านยังกล้าเอ่ยออกปากได้หรือ
ไม่กี่คนมองหน้ากันไปมา ราวกับสามารถมองความคิดความอ่านของฝ่ายตรงข้ามออกผ่านแววตา เพียงแต่ทำได้แค่คิด ผู้ใดกล้าเอาความคิดเช่นนี้เอ่ยออกมาบ้าง ผู้นี้เป็นถึงอู่เซวียนอ๋อง ไม่ใช่หมาแมวอันใด ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นดูสิ คงถูกทุบตีอย่างคนจิตวิปลาสออกไปนานแล้ว
“ทำไม คำพูดของข้า พวกเจ้าไม่ได้ยินรึ” โม่จื่อเฟิงเห็นว่าฝูงชนไม่รับคำ ค่อนข้างไม่ชื่นใจ
ใต้เท้าขุนพลเหล่านี้เผชิญกับคำร้องขอไร้เหตุผลล้วนยังไม่ได้แสดงออกถึงความไม่สดชื่น เจ้าคนที่เปิดเรื่องร้องขออย่างเอาแต่ใจดันมีหน้าไม่สดชื่น ในเรื่องของอู่เซวียนอ๋องที่ทรงอำนาจขนาดนี้ หวี่เยว่ก็แทบจะหมดคำเอ่ยแล้ว ไม่แปลกใจที่เหล่าบรรพบุรุษรุ่นหลังในเมืองเฟิ่งชีล้วนหวาดเกรงอ๋องท่านนี้ ที่แท้อุปนิสัยเช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดผวาได้เสียจริงหนอ
ใต้เท้าเฉาในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ทำได้เพียงฝืนรอยยิ้มออกมาพลางกล่าวทันควัน “ได้ยินขอรับ ได้ยินแล้วขอรับ ท่านอ๋องน้อยใคร่ได้ของเล่น ย่อมต้องหาช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาทำให้อยู่แล้ว แต่ว่ารู้สึกว่าพักนี้โรงผลิตศาสตราวุธกำลังผลิตดาบสะพายเอวให้แก่ทหารวี่หลินอยู่ ดังนั้นกำลังคน...”
“เอาล่ะ” โม่จื่อเฟิงยกมือขึ้นตัดบทพูดของเขา “กลับไปนี้ข้าจะทูลฝ่าบาท ดาบสะพายเอวของทหารวี่หลินนั้นให้รอไปก่อนสักหนึ่ง ช่วยข้าประดิษฐ์ของเล่นสมราคาให้ลูกชายสักสองสามชิ้นก่อนค่อยว่ากัน”
“...” สีหน้าของใต้เท้าเฉาแปรเปลี่ยน อ๋องท่านหนึ่งหัวรั้นได้ถึงระดับนี้ เขาก็นับว่าเห็นด้วยแล้ว วจีก็กล่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะปฏิเสธได้อีกเสียที่ใดกันเล่า คงทำได้เพียงฝืนทนพยักหน้ารับ
หลังจากที่โม่จื่อเฟิงกล่าวจบก็อำลาจรจาก ราวกับว่าการมาเยือนที่นี่ก็เป็นเรื่องอันไร้ผลกระทบกระเทือนใดๆ ตามมาเท่านั้นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...