สรุปเนื้อหา ตอนที่ 311 ป่วยทางจิต – ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต โดย ใบไม้แดง
บท ตอนที่ 311 ป่วยทางจิต ของ ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 311 ป่วยทางจิต
หมอโจววางพู่กันด้วยความสุภาพ บางทีเขาอาจจะกำลังหัวเราะอยู่ แต่ใบหน้าของเขาถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเผยอารมณ์ออกมาแบบใดก็ไม่น่าเจริญตาทั้งสิ้น
เมื่อได้ทำการสื่อสารกับหมอโจว หลินซินเยียนและเหล่ารู้ก็ได้ทราบว่า ขาที่ได้รับบาดเจ็บของเขาไม่ได้ถูกไฟคลอก แต่เพื่อช่วยเหลือคนตอนที่เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ได้ถูกท่อนไม้กระแทกได้รับบาดเจ็บ สำหรับสาเหตุที่ได้พบกับไฟไหม้ และคนที่ช่วยนั้นคือใคร เขาไม่ได้กล่าวถึง
หลินซินเยียนคุกเข่าด้านหน้าหมอโจวเพื่อตรวจสอบหัวเข่าของเขา ถึงแม้นางจะมิใช่หมอ แต่การเคลื่อนไหวข้อต่อขั้นพื้นฐานก็ยังพอรู้อยู่บ้าง ขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บสั้นกว่าขาอีกข้างอยู่หลายเซนติเมตร ดังนั้นเวลาเดินจึงกะเผลก
“ท่านโจว จากสภาพการเคลื่อนไหวข้อต่อของท่าน ข้าสามารถทำรองเท้าโลหะคู่หนึ่งออกมาได้ เพียงแต่รองเท้านี้อย่างไรก็เป็นโลหะ ถึงแม้ด้านในจะใช้แผ่นผ้าฝ้าย คาดว่านานทีเดียวที่จะต้องทนลำบาก ฉะนั้นเป็นการดีที่สุดที่ท่านจะเตรียมใจ” หลินซินเยียนกล่าวความจริง
หมอโจวพยักศีรษะเป็นการสื่อว่าเข้าใจ พลันหยิบพู่กันขึ้นมาเขียน ครั้งนี้เขาบอกว่าเขาเป็นหมอ แม้กระทั่งตนยังรักษาขาของตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจึงได้เพียงแค่พึ่งพาความสามารถผู้อื่น เขายังบอกอีกว่า ไม่ว่าจะทรมานเพียงไรเขาก็สามารถทนได้
“ท่านโจววางใจเถิด ข้าจะพยายามสุดความสามารถแน่นอน” สำหรับหมอโจว ในใจของหลินซินเยียนก็เคยสับสนมาก่อน หลังจากที่เขาได้แสดงบทบาทสำคัญในแผนของอินฉี ท้ายที่สุดหมอโจวเป็นผู้หักหลังนาง แต่ทว่าการอาศัยอยู่ร่วมกันนานกว่าครึ่งปีก็ทำให้นางทราบดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร
คนที่หมกมุ่นกับทักษะแพทย์ ไฉนเลยจะเป็นคนเลวร้าย เนื้อแท้ของเขาจริงๆแล้วก็ต้องการช่วยเหลือผู้คน เพียงแต่เขาติดหนี้อินฉี ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาที่เหลือในชีวิตตอบแทน อีกทั้งหลินซินเยียนได้รับบุญคุณจากเขาอยู่ครึ่งปี และสำหรับในเรื่องราวครั้งนั้น บุญคุณนี้ได้ลบเลือนหายไปหมดแล้ว
และครั้งนี้ที่นางทุ่มเทช่วยเหลือหมอโจว แท้จริงแล้วเป็นความเห็นแก่ตัว
หลังจากที่ได้ยินเหล่าหลิวเล่าถึงสภาพของเซียวฝาน นางก็ได้วางแผนอยู่ในใจ ไม่ว่าเซียวฝานจะได้รับโรคแปลกประหลาดหรือสาเหตุจากตัวยาที่ถูกคนควบคุม หากมีความช่วยเหลือจากหมอโจวที่เป็นแพทย์เทวะ ดังนั้นในยามที่นางเห็นอินฉีพาหมอโจวมาที่โรงงานอาวุธ นางก็ได้ริเริ่มที่จะทำภารกิจนี้
หลังจากกล่าวขั้นตอนการประดิษฐ์รองเท้าที่ยอดเยี่ยมกับหมอโจว หลินซินเยียนก็นำเหล่าหลิวเข้ามาในโรงงานอาวุธ
ตกยามบ่าย มีบ่าวรับใช้ส่งแบบภาพตัวอย่างมา อ้างว่าแบบภาพร่างที่เซียวต้าเจียวาดมาส่งให้ช่างตีเหล็กทำ
หลินซินเยียนถือโอกาสซักถามสถานการณ์ของเซียวฝาน บ่าวรับใช้บอกว่าเซียวฝานอยู่ในระยะฟื้นตัวแรกเริ่ม สติยังไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงแค่วาดแบบภาพร่างโดยที่ไม่ได้มาโรงงานอาวุธ
หลินซินเยียนเองก็ไม่ได้ถามต่อ เพียงแต่ยิ่งคาดหวังให้ฟ้ามืดลงเร็วขึ้น
หลังพระอาทิตย์ตกดิน นางคีบข้าวอยู่สองสามคำก็รีบมุ่งไปยังในเรือนของเซียวฝาน เนื่องจากเมื่อคืนนางเพิ่งจะมา ดังนั้นพ่อบ้านในเรือนจึงจำได้ อีกทั้งได้รับอนุญาตจากชายชราหนวดขาวแล้ว ดังนั้นนางจึงเข้าพบเซียวฝานได้โดยอย่างราบรื่น
โชคดีที่เมื่อเทียบกับสภาพอเนจอนาถในเมื่อวานแล้ว เซียวฝานในวันนี้สะอาดมากโข
ขณะที่กำลังทานข้าวเสร็จ เซียวฝานนั่งอยู่บนตำแหน่งหลักในห้องโถงรับประทานอาหาร บ่าวรับใช้คนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างคีบข้าวป้อนให้กับเขา ต่อหน้าผู้คนเขาคือเซียวต้าเจีย ดังนั้นชายชราหนวดขาวจึงยังคงคิดการณ์รอบคอบในเรื่องศักดิ์ศรีหน้าตาของเขา
ชายชราหนวดขาวนั่งอยู่ด้านซ้ายมือของเซียวฝาน ก้มหน้าก้มตาทานข้าว เมื่อเห็นหลินซินเยียนมาถึงก็รีบกวักมือทักทายกล่าว “เจ้ามาแล้วรึ เช่นนั้นก็รอก่อน เขาน่ะนะบอกไม่ได้หรอกว่าเวลาใดที่จะ…..”
หลินซินเยียนไม่ใช่คนเหล็ก ก็ยังรู้สึกถึงความเหนื่อยแสนสาหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางไม่ได้รักความสะอาดตัวแม่ แต่ก็นับว่ายังเป็นคนเป็นคนรักความสะอาดอยู่บ้าง ต่อให้เป็นเสี่ยววี่จิ่ง นางก็ไม่เคยปรนนิบัติขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อนางนึกถึงเซียวฝานคนเดิมผู้หยิ่งยะโส ที่นึกไม่ถึงว่าจะต้องตกมาอยู่ในจุดที่สุญเสียการควบคุมระบบขับถ่าย นางเพียงแค่เหนื่อยกาย แล้วเขาล่ะ หากสติสัมปชัญญะกลับมาแล้วรู้ว่าได้กลายเป็นแบบนี้ เกรงว่าคงยอมตายเสียดีกว่าอยู่
เมื่อตระหนักได้ นางจึงไม่รู้สึกว่ายากเย็นเกินไปที่จะยอมรับงานนี้
ช่วงสายวันถัดมา เมื่อนำแบบภาพร่างรองเท้าเหล็กที่ออกแบบเสร็จแล้วไปให้หมอโจวดู นางจึงถามอย่างอ้อมๆ “ท่านโจว คนปกติถ้าหากทุกวันตอนค่ำกลั้นอึกลั้นฉี่ไว้ไม่อยู่นั้นเป็นโรคอะไรหรือ?”
หมอโจวพึงพอใจกับรองเท้าเหล็กที่ออกแบบอย่างมาก กระทั่งยกนิ้วโป้งให้นาง ดังนั้นจึงตั้งใจตอบคำถามของนาง เขายกพู่กันขึ้นมาเขียนถาม “ช่วงกลางคืนจะกลั้นไว้ไม่อยู่ใช่ไหม?”
หลินซินเยียนใคร่ครวญอย่างละเอียด จากที่สอบถามกับบ่าวรับใช้มา ในยามกลางวันถึงแม้ดวงตาของเซียวฝานจะยังคงเหม่อลอย แต่ทว่าสำหรับการวาดแบบร่างสร้างอาวุธนั้นยังคงชำนิชำนาญ ไม่ปรากฏเหตุการณ์อึหรือฉี่ราด มีเพียงแค่ช่วงเวลากลางคืนจึงจะเป็นเช่นนี้
นางพยักศีรษะอย่างเคร่งขรึม
หมอโจวจึงขมวดคิ้วมุ่น นิ่งเงียบอยู่สักพักจึงเขียนตอบ “ถ้าหากกลั้นอึ-ฉี่ไม่อยู่ในเวลากลางคืน โดยส่วนใหญ่จะป่วยทางจิต”
“ป่วยทางจิตงั้นหรือ?” หลินซินเยียนพึมพำตัวหนังสือบนกระดาษ ภายในใจเจ็บปวดทรมาน คำกล่าวของหมอโจวสั่นไหวนาง การกลั้นอึ-ฉี่ไว้ไม่อยู่มีสาเหตุมาจากทางจิตของเซียวฝาน ทว่าต้องผ่านความทุกข์ทรมานมาแบบใด จึงสามารถทำให้คนทั้งคนหวาดกลัวจนอึ-ฉี่ราดแบบนี้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...