ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 374

ตอนที่374 จิตใจเขินอายของสาวน้อย

ความรู้สึกที่แยกจากคนรักและได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งเมื่อในใจมีคนคนนั้นแล้วความคิดถึงก็จะกลายเป็นความเจ็บปวดอย่างหนึ่งที่หลงเหลืออยู่แม้ว่าจะยังคงหายใจหลินซีนเยียนน้ำตาคลอเบ้าจนทำให้มองไม่ชัดนางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตากลัวว่าจะพลาดโอกาสที่จะมองผู้ชายคนนั้นอย่างชัดๆไปแม้เพียงนิดเดียวก็ตาม

โม่จื่อเฟิงยืนอยู่บนหลังคาของตำหนักแสงจันทร์กลายเป็นพื้นหลังที่ดีเยี่ยมสำหรับเขามีคนอยู่จำพวกหนึ่งที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็จะสามารถเป็นจุดดึงดูดสายตาของผู้คนได้อย่างง่ายๆ

ด้านข้างเขายังมีชายชุดดำปรากฏตัวอยู่อีกสิบกว่าคนหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนถึงแม้จะปิดบังใบหน้าแต่หลินซีนเยียนแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นนางหนีหว่านสายตาของหนีหว่านจ้องมายังในมือของหลิงห้าวจู่ๆก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาบังอาจมาโอบกอดผู้หญิงของนายไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ถึงแม้การต่อสู้จะยังไม่เริ่มแต่นางกลับรู้สึกเห็นใจนายใหญ่ตระกูลหลิงขึ้นมาแล้ว

หลิงห้าวยังคงอึ้งกับคนที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันอยู่บนหลังคาที่นี่คือตำหนักตระกูลหลิงไม่ใช่บ้านของชาวบ้านทั่วไปไม่ต้องพูดถึงการป้องกันที่มีอยู่อย่างแน่นหนาขนาดที่ตั้งของที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะรู้ได้แต่ว่าคนพวกนี้ก็หาจนเจอแล้ว

เจ้า...ก็คืออู่เซวียนอ๋องประเทศหนานเยว่โม่จื่อเฟิง?"สายตาของหลิงห้าวแหลมคมนัยน์ตาลุกโชนไปด้วยโทสะ

โม่จื่อเฟิงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมองลงไปที่เขาไม่ได้ตอบคำถามของเขาแต่สะบัดแขนเสื้อก็เกิดลมแรงปะทะเข้ามากระแทกเข้าหลิงห้าวอย่างจังหลิงห้าวแค่รู้สึกว่าร่างกายล้มลงไปกับพื้นคนที่อยู่ในมือของเขาก็ปลิวหายไป

โม่จื่อเฟิงลอยลงมาจากหลังอย่างสง่างามดูเหมือนจะเชื่องช้าแต่จริงๆแล้วรวดเร็วมากโอบรับเหลียงซินเยียนที่ปลิวมาได้อย่างงดงาม

กลิ่นที่คุ้นเคยมาอย่างยาวนานกลิ่นกำยานไม้จันทน์ชั้นดีอ่อนๆโชยออกมาใบหน้าของหลินซินเยียนแนบชิดอยู่ตรงแผงอกของเขาหัวใจเต้นแรงจริงๆนางที่มีอายุมากแล้วก็ยังคงเกิดอารมณ์เขินอายแบบสาวน้อยได้อย่างไม่รู้ตัวนี่มันความรู้สึกของคนกำลังมีความรักรึเปล่านะ?

"อายหรอ?"โม่จื่อเฟิงก้มหน้าลงมาก็เห็นท่าทางเขินระทวยของหลินซีนเยียนที่มุมปากก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมาความเจ็บปวดทรมานติดต่อกันหลายวันมานี้ก็สลายหายไปในช่วงนาทีนี้

"เอ่อ.."หลินซีนเยียนเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจลูบแก้มตัวเองอย่างบื้อๆความรู้สึกที่สัมผัสได้ค่อยๆปะทุขึ้นมานางยิ่งรู้สึกเขินเกร็งหนักเข้าไปอีกนางชกหมัดเบาๆไปที่ทรวงอกของเขาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

น้ำหนักหมัดที่ทุบตีแค่นี้สำหรับโม่จื่อเฟิงแล้วไม่สะทกสะท้านอะไรเขายิ้มออกมาแล้ววางนางลง"กลับไปค่อยคิดบัญชีกับเจ้า"

คิดบัญชี?หลินซีนเยียนบึนปากอย่างไม่พอใจฟังจากน้ำเสียงของเขาอย่างกับว่านางทำอะไรผิดงั้นแหละโรคความเป็นชายของเขากำเริบรึไง?

"อุ้มผู้หญิงของข้าสองมือของเจ้าจะตัดมันด้วยตัวเองหรือว่าจะให้ข้าเป็นคนลงมือ?"โม่จื่อเฟิงมองไปยังหลิงห้าวอย่างเยือกเย็นเมื่อเทียบกับสายตาของหลิงห้าวแล้วแววตาของเขาน่ากลัวกว่ามาก

โม่จื่อเฟิงเทพนักฆ่าที่มาจากสนามรบกับหลิงห้าวท่านชายที่ถูกเลี้ยงดูแบบไข่ในหินมาตั้งแต่เล็กเทียบกันแล้วเกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดถ้าไม่เทียบกันก็จะไม่รู้พอเทียบกันครั้งนี้ก็ทำให้เงาของหลิงห้าวดูเล็กลงอย่างชัดเจนในทันที

"พูดจาโอหังซะจริงข้านายใหญ่สายเลือดตระกูลหลิงที่ยิ่งใหญ่เจ้าพูดว่าจะตัดแขนก็ตัดได้เลยงั้นรึ?ด้วยเจ้าที่เป็นเด็กกำพร้าจากตระกูลโหลงแค่คนเดียว?"หลิงห้าวกำหมัดแน่นหันไปตะคอกใส่คนที่อยู่รอบๆเสียงดัง"พวกเจ้าจะยืนโง่กันอยู่ทำไม?ยังไม่รีบไปเรียกคนอื่นมาจัดการไอ้พวกชั้นต่ำพวกนี้อีก?"

เฉินเทียนถูกเขาตะคอกใส่แบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกกดดันเข้าไปอีกนายท่านหลิงพึ่งจะมาคิดได้ว่าต้องเรียกทหาร?เขาน่ะคิดได้ตั้งนานแล้วแต่ว่าส่งสัญญาณออกไปตั้งนานแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่าที่บ้านหลังนี้นอกจากพวกที่เหลืออยู่ในตำหนักแห่งนี้คนอื่นๆคงถูกจัดการไปหมดแล้ว

"เฉินเทียน!เจ้านี่เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้วไม่ฟังคำสั่งข้าแล้วงั้นเรอะ?"หลิงห้าวที่บันดาลโทสะเลยระบายความโกรธลงบนร่างของคนที่อยู่ข้างๆเขาใช้เท้าถีบลงบนเข่าของเฉินเทียนเจ็บจนเฉินเทียนทรุดลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นทันที

เฉินเทียนกัดฟันแน่นในตาโกรธแค้นพูดเสียงแข็งว่า"นายท่านข้าน้อยได้ส่งสัญญาณไปแล้วแต่ว่าไม่มีใครมา"

ไม่มีใครมาหมายความว่าไง?"หลิงห้าวไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่ายังไม่ได้สู้รบกันเขาก็แพ้ราบคาบแล้ว

เฉินเทียนกำลังจะพูดขึ้นแต่ก็ถูกโม่จื่อเฟิงขัดขึ้นซะก่อน

โม่จื่อเฟิงส่ายหน้าเบาๆถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้นว่า"คิดไม่ถึงเลยจริงๆตระกูลหลิงที่เคยเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกจะตกต่ำได้ถึงขั้นนี้นี่น่ะหรอผู้สืบทอดอำนาจคนต่อไปในอนาคตของตระกูลหลิงโง่ได้ถึงเพียงนี้พวกข้าสามารถปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้เจ้าคิดว่าพวกคนที่อยู่นอกตำหนักพวกนั้นตอนนี้จะยังมีชีวิตอยู่อีกหรอ?"

"เจ้าเจ้าเจ้า..บังอาจ!"หลิงห้าวตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง"ตระกูลโหลงยังไม่กล้าสู้รบกับข้าตระกูลหลิงเจ้าแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งจากตระกูลโหลงเจ้ากล้าทำร้ายข้าเรอะ!"

"คำพูดเยี่ยงนี้เจ้าจะพูดอีกกี่รอบล่ะ?"โม่จื่อเฟิงราวกับไม่ใส่ใจอะไร"ข้าทำก็ทำไปแล้วเจ้าพึ่งจะมาถามว่าข้ากล้าไม่กล้านี่มันไม่น่าขำไปหน่อยรึไง?ตระกูลหลิงแล้วไง?หากข้าเป็นคนที่กลัวตายเจ้าคิดว่าข้าจะมีชีวิตมาได้ถึงตอนนี้หรอ?"

ตั้งแต่ตอนอายุ5ขวบเขาก็ไม่เกรงกลัวความตายแล้ว

คำพูดของโม่จื่อเฟิงทำให้ในใจของหลิงห้าวเกิดหวาดกลัวความตายขึ้นมาตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้บิดาของเขาปกป้องเขามาอย่างดีที่สุดไม่เคยให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องอันตรายแบบนี้มาก่อนดังนั้นในตอนที่โม่จื่อเฟิงพูดคำพูดพวกนี้ออกมาเขารู้ว่าจิตสังหารที่แผ่กระจายออกมารอบตัวของโม่จื่อเฟิงนั้นเป็นของจริง

โม่จื่อเฟิงคิดจะฆ่าเขาเขารู้สึกได้

หลิงห้าวรู้สึกฟุ้งซ่านนิดหน่อยมองดูคนของตนที่อยู่รอบๆมีแค่เฉินเทียนที่พาสิบกว่าคนมาอารักขาอยู่รอบๆเขากลืนน้ำลายลงคอจากนั้นก็ตัดสินใจออกมา"เฉินเทียนคุ้มกันข้าหนีไป!"

ถอย!

สู้บอกถอยง่ายๆซะยังจะดีกว่าเฉินเทียนและคนอื่นต่างก็เป็นยอดฝีมือที่ปฏิบัติตามหน้าที่เรื่องฆ่าตัดหัวคนพวกนี้ก็ใช่ว่าจะทำมาน้อยๆในสถานการณ์แบบนี้หากว่าคนที่มีปัญญาก็จะไม่ให้ใครหนีไปไหนทั้งนั้นถอนรากถอนโคนปล่อยเสือเข้าป่าหลักพวกนี้พวกเขาที่เป็นคนไม่รักตัวกลัวตายนั้นรู้ดี

"นายท่านพวกเราสู้ให้ตายไปข้างเถอะ"เฉินเทียนไม่ได้หนีไปแต่หยิบอาวุธของตนเองออกมา

หนีไปเวลานี้ก็เท่ากับหันหลังให้ศัตรูจะยิ่งตายเร็วขึ้น

"สู้เจ้าจะสู้ไหวเรอะ?"เฉินเทียนนานๆทีจะขัดคำสั่งของหลิงห้าวตรงๆครั้งหนึ่ง

หลิงห้าวแทบจะคิดไม่ถึงเลยว่าในเวลาแบบนี้เฉินเทียนจะชักสีหน้าใส่เขายิ่งทำให้โมโหหนักขึ้นไปอีกฝ่ามือตบเข้าที่หน้าของเฉินเทียนฉาดหนึ่ง"เฉินเทียนเจ้าเป็นทาสข้าสิถึงจะเป็นนายจำสถานะของเจ้าเอาไว้ด้วย!"

เฉินเทียนถูกเขาตบไปหนึ่งฉาดในใจก็ยิ่งรู้สึกต่ำต้อยไปอีกแต่ว่าก็ยังคงกัดฟันอดทนต่อไปเพียงแค่ในสายตาคู่นั้นเพิ่มความไม่พอใจและความโกรธเกลียดเข้าไปก็แค่นั้นเขาไม่สนใจหลิงห้าวแถมยังสั่งการพวกพี่น้องที่อยู่ข้างหลังว่า"เตรียมพร้อมสู้รบสู้จนตายกันไปข้าง!"

"รับทราบ!"ผู้คนที่อยู่ด้านหลังเขาต่างฟังคำสั่งเฉินเทียนกันหมดแต่ละคนต่างเตรียมพร้อมรับมือกับข้าศึก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต