ตอนที่ 39 ข้าจะรอเจ้า
หลินซีนเยียนถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว เธอถอยหลังจนชนกับขอบเตียงที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นเธอก็นั่งลงบนเตียง“ท่าน ท่านอ๋อง ข้ามีระดูจริงๆ”
“อืม ให้ข้าดู”เสียงของโม่จื่อฟงดังมาจากบนหัวของเธอ โลกที่นางได้อยู่ สักพักก็ได้ก็จมลงสู่ความมืดมิด
แสงเทียนโดนลมพัดจนดับลงหมด ในห้องได้เกิดระลอกคลื่นผ่านมาตลอดไม่ยอมหาย
ไม่มีใครรู้ว่าตรงมุมหนึ่งของลานบ้าน มีเงาเล็กๆ แหงนหน้ามองไปยังหน้าต่างชั้นสอง ดวงตาของเขาได้หายไปในความมืด แต่ความเกลียดชังในดวงตาคู่นั้น กลับทำให้องครักษ์เงาที่อยู่รอบๆ ไม่สามารถมองข้ามผ่านไปได้
เด็กอายุเพียง 7 ปี กลับมีความเกลียดชังมากขนาดนี้
องครักษ์เงา 2 คนรู้สึกแปลกใจ คิดจะนำเรื่องนี้ไปรายงานกับนายท่านของตนเองโดยที่ไม่ปิดบัง
ตอนที่อี้เซิงยืนอยู่ในความมืดนั้น หลินซีนเยียนที่คลุมเสื้อขนสัตว์ก็เดินออกมาจากห้องนั้น เธอหาวหวอดหนึ่งแล้วเดินลงจากชั้น 2 ด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า
เมื่อเห็นเด็กยืนอยู่ตรงมุม เธอก็ตกใจจนความง่วงหายเป็นปริดทิ้ง
“อี้เซิง?”เธอรีบเดินเข้าไป ยื่นมือเขาไปกอดเด็กไว้ในอก เขาสวมเสื้อผ้าบางแล้วยืนอยู่ในลานบ้านนานเกินไป ทำให้ตัวของเขาเย็นไปหมด
หลินซีนเยียนใช้มือของตนเองถูคลายหนาวที่มือของเขา“ให้เจ้ากลับไปพักผ่อนแล้วไม่ใช่รึ? เจ้ายืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว?ทำไมไม่ยอมเชื่อฟังพี่?”
“ข้ามารอท่าน” อี้เซิงจ้องหน้าของเธอไม่กระพริบตา กระแสความชั่วร้ายได้หายไปนานแล้ว เหลือเพียงความเป็นห่วงและความเจ็บปวดเท่านั้น
เขาเป็นคนพูดน้อย แต่คำพูดไม่กี่คำจากปากของเขากลับทำให้หัวใจของหลินซีนเยียนอบอุ่นขึ้นมา เธอลูบหัวของเขาอย่างอ่อนโยน “พวกเรากลับห้องกันเถอะ ต่อไปห้ามมารอแล้ว ข้าไม่เป็นไร”
ไม่เป็นไรจริงๆ รึ?
สายตาของอี้เซิงมองไปที่รอยฟกช้ำบนกระดูกไหปลาร้าของเธอ จากนั้นก็รีบหันหน้าหนีไปทันที เขาส่งเสียงตอบกลับและเดินกลับห้องไปกับหลินซีนเยียนอย่างว่าง่าย
เช้าวันรุ่งขึ้นมีหิมะตกหนัก คนในโรงเตี๊ยมต่างยุ่งวุ่นวายกับหน้าที่ของตนเองตั้งแต่เช้า ใบหน้าของทุกคนไม่ปรากฏความกังวลหรือความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ราวกับลืมเรื่องการฆ่าฟันเมื่อคืนนี้ไปหมดแล้ว หรือพวกเขาอาจจะเห็นจนเคยชินจึงไม่รู้สึกอะไร
จินมู่เตรียมรถม้าให้หลินซีนเยียนกับอี้เซิงแล้ว การเดินทางหลังจากนี้ หลินซีนเยียนและอี้เซิงก็อยู่ในนั่งรถม้าคันนั้น ซึ่งเป็นรถม้าคันสุดท้ายของขบวนออกเดินทาง กลับไม่เห็นเงาของโม่จื่อฟงอีกเลย
หลินซีนเยียนรู้สึกเงียบสงบ หากมีชีวิตที่เงียบสงบแบบนี้ตลอด คงจะเป็นเรื่องดี
หลายวันนี้ หลินซีนเยียนเข้าใจอี้เซิงมากยิ่งขึ้น คนเด็กนี้ฉลาดมากกว่าที่เธอคิดไว้ซะอีก ตลอดการเดินทาง เธอสอนเขาอ่านหนังสือ ทุกคำที่เธอสอนไปแค่รอบเดียว เขากลับจำได้ทันที แม้แต่กลอนโบราณที่จำยากพวกนั้น เขาฟังเพียงรอบเดียวก็จำได้แล้ว
เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ติดตัวมาอย่างชัดเจน! หลินซีนเยียนราวกับเก็บของล้ำค่ามาได้ อยากจะสอนความรู้ทั้งหมดของตนเองให้กับเขาอย่างมาก
“คือสาวใช้อุ่นเตียงของท่านอ๋องใช่หรือไม่?”
น้ำเสียงเข้มงวดของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น หลินซีนเยียน หลินซีนเยียนเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งแต่งกายเรียบร้อยยืนอยู่หน้าประตู
ประตูนี้ ไม่ใช่ประตูหลักของจวนอ๋องอู่เสวียน เป็นประตูข้าง ในสังคมที่เข้มงวดเรื่องชนชั้น ทุกคนในบ้านใหญ่มีเพียงเจ้านายที่สามารถเดินเข้าออกประตูหลักได้
นางเดินมาข้างหน้าของหลินซีนเยียน มองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วทำหน้าตาเหยียดหยาม“รูปร่างหน้าตาถือว่าไม่เลว มิน่าท่านอ๋องถึงได้โปรดปราน ”
“กุ้ยโมโม่ มอบคนให้ท่านแล้ว พวกเราต้องกลับไปเรือนหน้าแล้ว ”เหล่าองครักษ์ส่งคนเสร็จแล้วก็เดินจากไป ในสถานการณ์ทั่วไปแล้ว องครักษ์ไม่ค่อยมาเรือนหลังของจวนอ๋องเท่าไรนัก
กุ้ยโมโม่พยักหน้าแล้วหันไปมองอี้เซิงที่ยืนอยู่ข้างกายหลินซีนเยียน“อ้าว เป็นขี้ข้าแล้วยังพาตัวภาระมาอีกรึ?เรือนหลังห้ามผู้ชายเข้ามาตามอำเภอใจ ข้าคิดว่าเด็กนี่ควรส่งไปเรือนหน้า”
หลินซีนเยียนร้อนใจ จับมือของอี้เซิงไม่ยอมปล่อยและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“กุ้ยโมโม่ เขาคือน้องชายแท้ๆ ของข้า เขาเป็นแค่เด็กยังกลัวคนแปลกหน้าอยู่ โมโม่ได้โปรดเห็นใจยอมให้เขาอยู่กับข้าด้วยเถิด ”
“เจ้าเป็นแค่ขี้ข้า มีสิทธิ์พูดจาด้วยรึ?”กุ้ยโมโม่แค่นเสียง“อย่านึกว่าเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องแล้วจะทำอะไรก็ได้ เจ้าเป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียง เป็นแค่ขี้ข้า จำฐานะของตนเองได้ดีด้วย!ข้าเป็นคนดูแลขี้ข้าในจวนอ๋อง ข้ากุ้ยโมโม่พูดอะไรต้องเป็นเช่นนั้น!เอาล่ะ ใครก็ได้ พาไอ้เด็กนี่ไปส่งเรือนหน้า”
“กุ้ยโมโม่!”หลินซีนเยียนคล้ายอยากจะพูดอะไร กุ้ยโมโม่กลับไม่ยอมให้โอกาสเธอพูด ให้สัญญาณคน 2 คนที่อยู่ข้างๆ พวกเขาก็เข้ามาจับหลินซีนเยียนแยกจากอี้เซิงทันที
สาวใช้ในจวนอ๋องล้วนเรียนวิชาการต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงพาอี้เซิงจากไปอย่างง่ายดาย หลินซีนเยียนจ้องมองอี้เซิงที่ถูกพาตัวไปตรงหน้า ยังไม่ได้ทันขัดขืนก็มีฝ่ามือตบมาที่หน้าอย่างแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...