ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 43

ตอนที่43 ข้ากับนางใครสวยกว่ากัน

เสียงลมระเบิดกรรโชก

หลินซินเยียนหันกลับไปจึงเห็นม้าดียกเกือกม้าขึ้น กีบเหล็กอยู่เหนือศีรษะเธอห่างไปหนึ่งฉื่อ หากกีบเหล็กนั้นตกลงมา มันง่ายที่จะสามารถเจาะรูบนกะโหลกเธอ

เสียงอึกทักไปทั่วทั้งตลาด นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่ใส่ใจชีวิตของผู้คนบนท้องถนน ทายาทเศรษฐีรุ่นสองบ้านไหนกันถึงทำเรื่องโง่เง่าเช่นนี้ได้

สีหน้าเธอซีดขาวในพริบตา ทว่าในดวงตากลับไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัว กระทั่งยังเงยหน้าขึ้นเพื่อดูคนที่อยู่บนหลังม้า ซึ่งนอกเหนือจากที่เธอคาดคิดว่าจะเป็นคุณชายรูปงาม แต่ทว่ากลับเป็นสตรีนางหนึ่งที่สวมชุดขี่ม้าสีแดงเต็มตัว

สตรีนางนี้อายุราวๆ 15- 16 ปี ใบหน้าปกปิดไว้ด้วยผ้าคลุมใบหน้า เว้นเพียงดวงตาไว้หนึ่งคู่ แม้แต่แค่ดวงตาคู่เดียวก็มากพอที่จะดึงดูดสายตาบุรุษทั้งหมดที่อยู่รอบๆ

ดังที่คาดว่าด้านหลังผู้หญิงนางนั้นยังมีผู้ขี่ม้าติดตามมาด้วย 7- 8 คน ผู้ติดตามทั้ง 7-8 คนที่กำลังอยู่บนหลังม้าล้วนเป็นเหล่าคุณชายรูปงาม

หลินซินเยียนไม่เข้าใจในวรยุทธ์ ไม่เคยมีทักษะในการหลบหลีก ถ้าหากนี่คือโชคชะตาอย่างว่า แม้วนางจะไม่เต็มใจ แต่ก็มิสามารถหลบได้

ดวงตามองเห็นกีบม้าที่ใกล้จะร่วงหล่นใส่ศีรษะเธอ แล้วทันใดนั้นก็มีคนเหาะกระโจนเข้ามา กอดเธอไว้และกลิ้งออกไปยังด้านข้าง ดีที่ล้มลงกับพื้นด้านข้าง และยังหลบเลี่ยงความตายจากเกือกม้าได้พอดิบพอดี

“ตกใจแทบตาย ถ้าหากแม่นางเป็นอะไรไป ข้าน้อยมู่เหอคงรักษาชีวิตน้อยๆนี้ไว้ไม่ได้เป็นแน่แล้ว”

ผู้ซึ่งช่วยเธอไว้มิใช่คุณชายผู้อ่อนโยน แต่กลับเป็นมู่เหอผู้ติดตามที่อยู่ข้างกายเธอ ก็อย่างว่า คนอย่างโม่จื่อเฟิง จะส่งคนที่ไม่รู้วรยุทธ์มาอยู่ข้างกายเธอได้อย่างไร ในชั่วพริบตานั้น การเคลื่อนไหวของมู่เหอนั้นว่องไวมาก วรยุทธ์นั้นเขานั้นมิใช่ชั่ว

หลินซินเยียนถอนหายใจโล่ง ดันมือมู่เหอที่กำลังกอดตนอยู่ มู่เหอตกใจใบหน้าแดงก่ำ รีบชักมือกลับไป หลังจากนั้นจึงลุกยืนขึ้นและถอยกลับไปอีกด้านอย่างเขินอาย “มะ แม่นาง.. ข้า ข้าน้อยมิได้มีเจตนาจะแตะต้องท่านนะขอรับ”

เมื่อเห็นท่าทางเซ่อซ่าของเขา หลินซินเยียนก็ยิ้มพราย ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปลูบศีรษะของเขา “ไม่เป็นไร เมื่อสักครู่สถานการณ์มันเร่งด่วน นอกจากนี้เจ้าก็ยังนับว่าเป็นเด็กที่ยังไม่โต จะเขินอายไปทำไม?”

ในกายของนาง หลินซินเยียนเป็นหญิงวัยรุ่นตอนปลาย 26-27 ปี เด็กชายอายุสิบปีกว่าในสายตาเธอนั้นไม่สามารถนับเป็นบุรุษไปได้

“อ้อ แม่นาง ท่านช่างใจกว้างจริง” มู่เหอยิ้ม ความแดงบนใบหน้ากลับยังคงอยู่ไม่จางหายไป

หลินซินเยียนยิ้มโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วมองไปยังผู้เริ่มก่อเหตุ สตรีในชุดแดงกลับไม่รีบร้อน อีกทั้งยังดึงเชือกบังเหียนม้าเดินมายังเบื้องหน้าของหลินซินเยียนและจ้องเธอลงมาจากมุมสูงบนหลังม้า

มองอยู่สักพัก สตรีชุดแดงนางนั้นก็หันกลับไปกล่าวกับคุณชายที่อยู่ด้านหลัง “เจ้าดูซิ เป็นนางที่งามหรือข้าที่งาม?”

หลินซินเยียนมุ่นเรียวคิ้ว สตรีนางนี้ขี่ม้าจนเกือบจะย่ำนางตาย กลับไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความสำนึกรู้สึกผิด อีกทั้งยังมองนางด้วยสายตาปรปักษ์อีกด้วยหรือ? ใช่หรือไม่ว่าในสายตาของสตรีนางนี้เห็นชีวิตคนเป็นเช่นผักปลาจริงๆ เกรงว่าถ้าหากย่ำสักคนตายไปจริงๆก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่งั้นหรอกหรือ?

คุณชายที่ถูกถามกำลังคิดจะตอบ “แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้า…” เสียดายที่กล่าวยังไม่ทันจบ กลับมองเห็นใบหน้าของหลินซินเยียน สำหรับคำว่างดงาม สองคำท้ายประโยคนั้น เขากลับไม่สามารถพูดออกมาได้

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา หญิงสาวชุดแดงยกแส้เฆี่ยนม้าขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด และหวดตัวม้าที่อยู่ใต้ร่างของเขา ม้าร้องออกมาและวิ่งพุ่งออกไปยังด้านหน้าในฉับพลัน

มู่เหอแอบชี้ไปที่ชายหนุ่มที่ติดตามอยู่ข้างกายฮูเหยียนหลิวหยุน ชายคนนั้นอายุประมาณ20ปี ผิวขาว ดวงตาคู่นั้นที่อ่อนโยนแต่กลับประดับไปด้วยท่าทางของใต้เท้าที่น่าเกรงขาม ดูแล้วกลับมีความอึมครึมอยู่บ้าง

นั่นคือเสี่ยวโหวเหย่แห่งอู๋หนิงโหว เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ที่โด่งดังของเมืองเฟิ่งชี ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าฮูเหยียนหลิวหยุน แต่ก็ไม่มีคนวัยเดียวกันที่กล้าจะยั่วยุเขา มู่เหอใจดีอธิบายแก่นางอีกครั้ง

เมื่อได้ทำความเข้าใจกับตัวตนของคนเหล่านี้ พูดตรงๆว่าก่อนหน้านี้ยังมีความแค้นเคืองบางส่วนและหลินซินเยียนต้องการที่จะพูดคุยเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกับคนเหล่านี้ แต่ตอนนี้ก็ไม่กล้าแล้ว

แต่นางเป็นแค่คนนิรนามอีกทั้งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆที่แม้กระทั่งตนเองก็ยังเลี้ยงไม่รอด เมื่อเปรียบเทียบกับคนชนชั้นสูงเหล่านี้ นางนั้นอ่อนแอเกินไป จึงตะโกนด้วยเสียงที่ดังสนั่นอย่างโง่เขลา พวกเจ้าอาศัยอะไรจึงได้ก่อเรื่องเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา? หลังจากถูกคนเหล่านั้นหัวเราะเยาะเย้ยจึงค่อยๆใช้นิ้วมือขยี้ราวกับบี้มดให้ตาย?

แต่หลินซินเยียนไม่ทำเรื่องอย่างเช่นที่เอาไข่ไปกระทบกับหินหรอก มันก็แค่นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รอสักวันที่นางจะยืนอยู่ในจุดที่ผู้คนล้วนมิสามารถละเลยนางได้ ความอัปยศอดสูทั้งหมดที่ได้รับในวันนี้จะคืนกลับไปเป็นร้อยเท่า

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินซินเยียนจึงไม่สนใจวิจารณ์คนเหล่านั้น หลังจากที่มู่เหอส่งสัญญาณจึงเดินหันหลังกลับไป นางไม่ต้องการที่จะผูกความสัมพันธ์ใดๆกับคนเหล่านี้แม้แต่น้อย

แต่น่าเสียดาย ถึงนางอยากจะไป แต่กลับไม่ใช่นางที่สามารถตัดสินใจจากไปได้

เงาแส้สายหนึ่งลอยมาตียังพื้นเบื้องหน้าของนางที่ห่างไปประมาณ 1 ฉื่อพอดี พลันมีเสียงท้าทายมาจากด้านหลัง ข้าไม่ให้เจ้าไป เจ้าจงหยุดให้ข้าเดี๋ยวนี้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต