ตอนที่44 ปล่อยมือไปสู้
หลินซินเยียนยังไม่ทันหันร่างกลับ มู่เหอก็ก้าวนำขึ้นเบื้องหน้าของนาง
หลิวหลีแค่นเสียงเย็น หันกลับไปออดอ้อนกับฮูเหยียนหลิวหยุน “องค์ชาย เมื่อคืนวานมิใช่องค์ชายกล่าวว่าหม่อมฉันเป็นสตรีซึ่งงามที่สุดในใต้หล้ามิใช่หรือเพคะ เช่นไรวันนี้จึงเปลี่ยนพระทัยเสียแล้ว หลิวหลีมิยินยอมนะเพคะ ท่านโปรดดูให้ถี่ถ้วน เป็นหม่อมฉันที่ดูดีหรือนางที่ดูดีกันแน่เพคะ”
ฮูเหยียนหลิวหยุนขี่ม้าวนรอบอยู่เบื้องหน้าของหลินซินเยียน และขวางทางของนางไว้ เขามองดูนางและมองดูหลิวหลี “ข้าองค์นั้นยังไม่สามารถบอกได้ ถ้าเช่นไรพวกเจ้าถอดเสื้อผ้าให้ข้าดูได้ชัดเจนดีหรือไม่?”
คำพูดที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ถูกเขากล่าวออกมาอย่างไร้ศีลธรรม ณ กลางถนน เหล่าคุณชายที่อยู่ด้านหลังพลันหัวเราะขึ้นมาเสียงดังลั่น
หลิวหลีกลับดูเหมือนจะชินกับคำหยอกล้อของเขา กระทั่งใบหน้าก็มิได้เปลี่ยนสีแต่กลับกลอกตา แส้ในมือถูกกระตุ้นด้วยความมุ่งร้าย “องค์ชาย ท่านคงร้ายกาจที่สุดแล้ว”
“บุรุษไม่ร้าย สตรีไม่รัก ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบที่ข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างเลวทรามที่สุดหรือ?” ฮูเหยียนหลิวหยุนรูปงามมาแต่กำเนิด ดวงตาคมเฉี่ยวที่เต็มไปด้วยมนต์สะกด ในยามที่เขากล่าววาจาเข้าไปใกล้เบื้องหน้าหลิวหลี ทำให้หลิวลียิ้มขึ้นอย่างมีเสน่ห์
ช่างหยาบคาย! ท่านองค์ชาย ความคิดของท่านหม่อมฉันว่าไม่เลวเลย สตรีที่เกิดมาหน้าตาสะสวยนับว่าไม่น้อย แต่ทว่าที่รูปร่างดีผิวดีนั้น กลับไม่ใช่หญิงงามทุกคนที่จะมีได้ ท่านอยากชม หม่อมฉันหลิวหลีก็อยากที่จะชมเพคะ บนถนนสายนี้ หากองค์ชายไม่สะดวกลงมือ หรือจะให้หลิวหลีลงแรงแทนเพคะ
หลิวหลีกล่าวในขณะที่กำลังยกแส้ขึ้นมา กระตุกเข้าหาหลินซินเยียนอย่างมุ่งร้าย แส้สายนั้นเป็นการจงใจเฆี่ยนเพื่อฉีกกระชากเสื้อผ้าหลินซินเยียน
กล้าทำเรื่องเช่นนี้อย่างเปิดเผย หลิวหลีนั้นใจกล้าไม่เบา ทว่าความกล้าของนางนั้นย่อมมีการพึ่งพา หลินซินเยียนยิ้มเย็น ผู้คุ้มกะลาหัวของหลิวหลีกลับไม่ใช่น้อย
มู่เหอเดิมที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของหลิ่วลั่วเยียน ดังนั้นในตอนที่แส้โจมตีเข้ามา จึงปะทะเข้ากับหน้าเขาโดยตรง เด็กอายุสิบปีกว่ากลับไม่มีความหวาดกลัว อีกทั้งยังจับแส้ให้หยุดด้วยมือเปล่า หลังจากที่กระชากด้วยความดุดัน นึกไม่ถึงว่าจะดึงหลิวหลีลงจากหลังม้า
“เจ้าเด็กรับใช้! เจ้ากล้า!” ฮูเหยียนหลิวหยุนตะโกนลั่น เหินกายมารับหลิวลีที่กำลังจะร่วงหล่นไว้ในอ้อมอก ยังไม่ลืมที่จะเข้าไปเตะมู่เหอ
วรยุทธ์มู่เหอไม่เลว หลบหลีกการโจมตีของเขา
“ย่าห์ ยังกล้าหลบเท้าของข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!” ฮูเหยียนหลิวหยุนจ้องด้วยความโกรธแค้น “พวกเจ้ารออะไรกันอยู่ ลงมือให้สาหัสเดี๋ยวนี้!”
“พ่ะย่ะค่ะ พวกเราไม่เคยได้ลงมือมาเสียนาน!” อู่ฉือเริ่มออกนำกวักมือเรียกเหล่าผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังทยอยกระโดดลงจากหลังม้ามาล้อมมู่เหอ
มู่เหอคุ้มกันหลินซินเยียนที่อยู่ด้านหลังอย่างระมัดระวัง พลางถอยไปพูดไป แม่นาง ข้าจะถ่วงพวกมันไว้สักครู่ ท่านจงรีบหนีไป
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าจะถ่วงพวกมันไว้อย่างไร? พวกมันจะได้ทุบตีเจ้าตายน่ะสิ” หนุ่มน้อยรายนี้มักจะอยู่เบื้องหน้าตนเพื่อปกป้องอยู่เสมอ
บางครั้ง แม้กระทั่งนางเองก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมกระต่ายน้อยสีขาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้จึงโม่จื่อเฟิงหน้าซื่อใจคดเยี่ยงนั้นได้
“แม่นาง ข้ามาเพื่อคุ้มครองท่าน แน่นอนว่าชีวิตท่านย่อมต้องสำคัญที่สุด ข้าไม่เป็นไร” มู่เหอกระทืบเท้า รวมพลังพุ่งเข้าใส่กลุ่มคุณชายเหล่านั้นโดยตรง
หลินซินเยียนรั้งไว้ไม่ทัน เห็นมู่เหอได้เข้าปะทะฝีมือเข้ากับเหล่าคุณชาย สองกำปั้นยากที่จะต่อกรกับสี่มือ ต่อให้วรยุทธ์มู่เหอไม่ได้อ่อนแอ แต่เด็กหนุ่มที่มีศักยภาพเหล่านี้ได้เคยฝึกฝนพิเศษมาแต่วัยเยาว์ ไม่ว่าผู้ใดก็ฝีมือมิใช่เล่น ทว่าการต่อสู้ในชั่วพริบตานั้นมู่เหอก็ถูกทุบตีล้มลงกับพื้น ภายใต้การถูกรุมล้อม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...