ตอนที่442 ก็แค่หลอกเจ้า
โม่จื่อเฟิงเคร่งขรึม เนิ่นนานก็ไม่ได้เอ่ยคำอีก
หนีหว่านเองก็ไม่ส่งเสียง ทำเพียงแต่งกายให้ตนเองอย่างเงียบเชียบ
เวลา ไหลผ่านไประหว่างสองคน แต่ใครกลับไม่ได้ทำลายความเงียบเช่นนี้ลง
หลังจากรู้ว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ขบวนขันหมากก็มาถึง ถึงจะว่าขบวนขันหมาก อันที่จริงก็เป็นเพียงสาวใช้และบริพารในชุดแดงเจ็ดแปดคนเท่านั้น อย่างไรเสีย ก็เป็นแค่การรับอนุของหรงอวี๋น ไม่ใช่พิธีขอสู่เจ้าสาวโดยแท้จริงเสียหน่อย เกี้ยวเจ้าสาวไม่อาจเข้าจากทางประตูหลักได้ ทำได้เพียงส่งคนเข้าไปจากทางประตูหลังเรือนหลักตระกูลหรงอย่างเร่งด่วนเท่านั้น
หนีหว่านหยัดกายขึ้น หยิบผ้าคลุมศีรษะสีแดงปิดหน้าให้ตัวเอง นางไม่ได้เหลียวหลังกลับ มุ่งตรงไปดึงเปิดประตูแล้วเดินออกไป
“หนีหว่าน” ตอนที่นางกำลังจะก้าวออกจากธรณีประตูนั้น เสียงของโม่จื่อเฟิงก็ดังลอยมาจากด้านหลัง “ขอบใจ”
คำสองคำ แต่กลับกล่าวแทนความรู้สึกทั้งหมดของเขาแล้ว
หนีหว่านบีบมือที่กำชุดมงคลแน่น ชั่ววินาทีนี้ขอบตาเปียกชื้นโดยสมบูรณ์ ทว่า นางขบเรียวปากล่างแน่น ไม่ได้เปล่งเสียงสักแอะ เพียงแค่ก้าวเท้าข้ามธรณีประตูไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวต่อไป
ไร้ซึ่งเสียงแซ่ซ้องแสดงความรื่นเริง มีเพียงขบวนคนเจ็ดแปดคนที่แบกเกี้ยวแดงตัดผ่านทางเดิน กลุ่มคนตามทางเดินจะเหลือบมองสักแวบเป็นช่วงๆ เห็นว่านายน้อยรับอนุกลับไม่ได้มีความสนอกสนใจเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ถึงอย่างไรรูปโฉมและพลังนั้นนายน้อยตระกูลหรงล้วนมีแล้ว ก็เป็นแค่เมล็ดพันธุ์เจ้าสำราญอันหนึ่ง ต้องตาแม่นางคนหนึ่งเข้าก็อาจรับมาในหับห้อง เหล่าสาวใช้ของตระกูลหรงนี้ ก็ล้วนสะคราญโฉมทั้งนั้น น้อยนักที่จะไม่ใช่อนุของนายน้อยตระกูลหรง
เนื่องจากไม่มีพีการเซ่นสรวงบูชา ดังนั้นหลังจากเกี้ยวเจ้าสาวเข้าสู่เรือนหลักแล้วก็ถูกแบกเข้าภายในสวนของนายน้อยตระกูลหรง เหล่าไพร่พลภายในสวนนั้นมีประสบการณ์ต่อเรื่องพรรค์นี้มาแล้วมากมาย ดังนั้นไม่นานก็มีแม่นมอาวุโสรุดหน้ามาเลิกม่านเกี้ยวขึ้น
“แม่นาง เรียนเชิญ นายน้อยรออยู่ในห้องแล้ว” แม่นมอาวุโสกล่าวเสียงนอบน้อม
หนีหว่านแสยะมุมปาก “ทำไม นายน้อยไม่ออกมารับข้ารึ” เจ้าบ่าวรับเจ้าสาวลงเกี้ยว นี่มิใช่กฎจากอดีตสืบสานมาจนปัจจุบันรึ
แม่นมอาวุโสผู้นั้นระเบิดหัวเราะ “โอ้ว แม่นาง ที่นี่เป็นถึงตระกูลหรง จะเทียบกับที่อื่นไม่ได้ อีกอย่างนะ อนุที่รับเข้ามาทุกนางล้วนต้องการให้นายน้อยออกมารับด้วยตนเอง เช่นนั้นเขาจะไม่ยุ่งแย่รึ เรื่องเล็กน้อยนี้ นายน้อยจะมีเวลาว่างขนาดนั้นเสียที่ไหน”
ในน้ำเสียงของแม่นมอาวุโสเปี่ยมด้วยความเหยียดหยามและเสียดสี หนีหว่านยังไม่ทันได้เข้าสู่สวนของหรงอวี๋นอย่างเป็นทางการ แต่กลับรับรู้ว่าอนุของหรงอวี๋นอยู่ภายในสวนแห่งนี้มีตำแหน่งเป็นเช่นไรได้จากท่าทีของแม่นมอาวุโสผู้นี้แล้ว
นางไม่ได้กล่าวอะไร ยันกายลุกขึ้นยืนอย่างใจกว้าง ยื่นมือไปเลิกผ้าคลุมหน้าแดงของตนเองลง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องของหรงอวี๋นด้วยแผ่นหลังเหยียดตรง
การเคลื่อนไหวนี้ กลับทำให้แม่นมอาวุโสที่ตามอยู่ด้านข้างพิศวงอยู่ระลอกหนึ่ง “อัยยะ แม่นาง ผ้าคลุมหน้านี้ต้องให้เจ้าบ่าวเป็นฝ่ายเปิดออกจึงจะมงคลนะ”
หนีหว่านหัวเราะเสียงเย็น “นายน้อยยุ่งอยู่กับการงานทุกเมื่อเชื่อวัน หากว่าอนุทุกคนต้องให้เขามาเริกผ้าคลุมหน้าล่ะก็ เขาคงยุ่งเกินกว่าจะมาได้เสียที่ไหน ในฐานะอนุของเขา การช่วยแบ่งเบาภาระให้เขาจึงถือว่าเป็นสิ่งสมควร เรื่องพรรค์นี้ ข้าทำเองก็ได้แล้ว”
หยิบยกคำกล่าวของแม่นมอาวุโสก่อนหน้ามาอุดปากของแม่นมอาวุโสเอาไว้ แต่ไรมาหนีหว่านไม่ใช่คนที่จะยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...