ตอนที่ 49 เจ้าต้องชดใช้กรรมแน่
หลินซินเยียนนิ่งอึ้ง เพิ่งสังเกตเห็นในฉับพลัน กลับลืมว่าตนเองในปัจจุบันกำลังสวมอยู่ในร่างเด็ก 15-16 ปี เมื่อใคร่ครวญดูและคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่โม่จื่อเฟิงกระทำกับตน สำหรับเด็กสาววัย15-16ปีที่สามารถกระทำเรื่องเช่นนั้นออกมาได้ นางช่างเดรัจฉานเสียจริง!
“คึคึ!” ภายในใจกำลังก่นด่า หลินซินเยียนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา
สาวน้อยช่างไม่เห็นข้าในสายตา พูดคุยกับข้านึกไม่ถึงว่ายังกล้าใจลอย! บุรุษผู้นั้นโกรธมากพลันพลิกร่างลุกขึ้นมานั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่พบสตรีคุยกับตนแล้วใจเหม่อลอยได้!
“เอ่ออ…” หลินซินเยียน ฉีกยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ข้าเปล่าใจลอย เพียงแต่กำลังคิดถึงบางเรื่อง” นี่มันไม่ใช่ความหมายเดียวกันหรือยังไง?
ชายหนุ่มสีหน้ามืดครึ้ม เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อถ้อยคำของนาง
หลินซินเยียนยักไหล่ สำหรับคนแปลกหน้านางไม่ได้สนใจที่จะไปห่วงใยความรู้สึกของเขา ดูเหมือนว่าการงีบหลับบนผืนใบไม้ร่วงนั้นเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว นางถอนหายใจอย่างเสียดายพลันลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นบนที่อยู่กาย และเตรียมหันจากไปโดยที่ไม่บอกลาชายผู้นั้น
จนกระทั่งนางเดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้นจึงตอบโต้ขึ้นมา เจ้า เจ้าจะไปเช่นนี้เลยรึ?
“ไม่อย่างนั้นจะทำไมล่ะ?” หลินซินเยียนหันกลับด้วยความประหลาดใจ นางกับเขาไม่ถึงขั้นรู้จักกัน ไม่บอกร่ำลายามจากยังต้องติดใจด้วยงั้นหรือ?
อายุของนางได้เลยผ่านวัยที่เห็นผู้ชายรูปหล่อแล้วต้องหยุดตะลึงเสียแล้ว จะว่าไป ผู้ชายนั้นยิ่งหล่อเหลายิ่งไม่น่าไว้วางใจ ถึงแม้ว่าคำกล่าวประโยคนี้จะมีความด้านเดียวไปบ้าง แต่ทว่าอย่างน้อยรอบกายของผู้ชายที่เกิดมาหล่อเหลานั้นมีหญิงสาวห้อมล้อมอยู่มาก ผู้หญิงมีเยอะ สิ่งล่อใจก็ยิ่งมีเยอะ มีผู้ชายสักกี่คนที่สามารถทนต่อสิ่งล่อใจเช่นนั้นได้?
ดังนั้นเมื่อเห็นบุรุษหน้าตาดีประเภทที่หลงตัวเอง วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ต้องสนใจ ให้จากไปเลย
“เจ้า เจ้าไม่พูดอะไรกับข้าหน่อยหรือ?” บุรุษคิดแล้ว จึงฝืนกล่าวประโยคเช่นนี้ออกมา
หลินซินเยียนหัวเราะ รอยยิ้มอันโดดเด่นใต้แสงตะวันเปรียบดังดอกไม้สีสันสดสวยที่ผลิบาน ชั่วพริบตานั้น ความงามอันเหลือล้นนั้นมากพอที่จะทำให้ผู้คนหยุดหายใจ น่าเสียดายคำที่นางกล่าวนั้นกลับไม่งดงามเท่ารอยยิ้ม ข้าไม่รู้จักเจ้า และเจ้าก็ไม่ใช่สหายข้า ข้ามีอะไรที่ต้องพูดกับคนแปลกหน้าเช่นเจ้า?
ดูเหมือนว่านางกล่าวได้อย่างมีเหตุผล บุรุษหนุ่มมองนางด้วยความตกตะลึง ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้กลับเช่นไร แต่การที่ถูกสตรีนางหนึ่งละเลย ความรู้สึกเช่นนี้กลับทำให้จิตใจเขาว้าวุ่น อย่างไรก็สงบไม่ลง
บุรุษผู้นั้นลุกขึ้นยืน ใบไม้ร่วงติดตามบนชุดอันหรูหราของเขา แม้จะเป็นเช่นนี้ กลับทำให้เขาดูเหมือนว่าไม่ได้ด้อยค่าลง บางทีนี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่าชนชั้นสูง ไม่ว่ายามใดความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนล้วนคือความสง่างามและความสูงส่ง
“เจ้าเป็นสาวใช้ในจวนอ๋องแห่งนี้ใช่หรือไม่? มีนามว่าอะไร?”
หลินซินเยียนมุ่นขมวดคิ้ว นี่เป็นการซักถามที่มาของนางเพื่อคิดบัญชีย้อนหลังงั้นหรือ? นางแค่นเสียงเย็นชาแล้วเดินออกไป ขี้เกียจจะเสวนากับคนเช่นนี้
บุรุษร้อนรน เดินนำขึ้นมาหลายก้าวและขวางทางไปของนาง ข้ากำลังถามเจ้า! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดภายในจวนอ๋อง เมื่อข้าเข้าพบอู่เซวียนอ๋องจะถามเขาและเอาเจ้ามาอยู่กับข้า เมื่อถึงยามนั้นเจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนกับท่าทีที่เจ้าปฏิบัติต่อข้า”
หากก่อนหน้านี้สำหรับหลินซินเยียนบุรุษผู้นี้ยังเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า แต่เมื่อหลังจากเขากล่าวเช่นนั้น ได้ถูกหลินซินเยียนปัดเข้าสู่การจัดอันดับบุคคลที่นางไม่ชอบไปแล้ว
เขาเห็นนางเป็นตัวอะไร สินค้า? ข้าทาส? แค่พอใจเอ่ยปากก็จะได้สิ่งที่ต้องการ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...