ตอนที่ 55 ตั้งใจเอาใจเขา
หลินซีนเยียนมององครักษ์เงาคนนั้นลอยหายไปกับตา ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาทันที แล้วชูนิ้วหัวแม่มือขึ้นให้กับ โม่จื่อเฟิง “วรยุทธของท่านอ๋องยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
“เจ้าไม่ต้องเอ่ยปากชมวรยุทธของข้าเลย” โม่จื่อเฟิงพูดอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้โกรธเคืองอะไร
หลินซีนเยียนยักไหล่ขึ้นอย่างไม่สนใจ “เช่นนั้นท่านอยากให้ข้าเอ่ยปากชมท่านเรื่องอะไรรึ?ท่านก็บอกมาสิเพคะ ต่อไปข้าจะได้ปรับปรุง ”
โม่จื่อเฟิงมองเธออย่างรู้สึกสนใจ ทันใดนั้นก็ยื่นหน้าเข้าใกล้ตรงข้างหูของเธอ มีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “บุรุษผู้หนึ่งชื่นชอบให้สตรีมากที่สุด ไม่ใช่ความสามารถแบบนั้นรึ?”
“เออ…”หลินซีนเยียนตกใจจนตาเบิกโพลง นี่เธอโดนพูดจาแทะโลมใส่เหรอ?ตอนที่รอเธอเรียกสติกลับมา โม่จื่อเฟิงก็เดินออกไปก่อนแล้ว
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นรอยยิ้มบนหน้าก็หายไป และเธอก้าวเท้าเดินตาม โม่จื่อเฟิงอย่างไปรวดเร็ว
“ท่านอ๋อง! ”หลินซีนเยียนเร่งเท้าก้าวเดินไปอยู่ข้างๆ เขา แล้วดึงแขนของเขาไว้ “ท่านอ๋อง น้องชายของข้าโตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยไปเที่ยวงานวัดเลย จะเป็นได้ไปไหม…”
“ไม่ได้!” โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้ว “ข้าจะไม่ชอบสตรีที่ได้คืบจะเอาศอก”
หลินซีนเยียนไม่สนใจที่เขาปฏิเสธ เธอเขย่งปลายเท้าขึ้นยื่นหน้าไปที่ข้างหูของเขา พูดเสียงเบาเหมือนเมื่อครู่นี้“หากท่านพาน้องชายของข้าไปด้วย คืนนี้…ข้าจะเปลี่ยนท่าร่วมรักให้กับท่านดีหรือไม่? ”
ตอนที่เธอพูดไม่รู้สึกหน้าร้อนผ่าวหรือหัวใจเต้นเลย เพียงแต่แสร้งทำเป็นเขินอายอย่างพอเหมาะ แต่วิธีนี้ทำให้ โม่จื่อเฟิงหรี่ตามองราวกับตอบตกลง
ผู้ชายไม่ปฏิเสธการยั่วแบบนี้หรอก ผลลัพธ์ที่ได้กลับง่ายกว่าคิดไว้
งานวัดบนภูเขานอกเมืองเฟิ่งซี บนภูเขาลูกนั้นมีวัดศาสนาพุทธอยู่หลายวัด ชายหญิงที่เลื่อมใสในศาสนาพุทธต่างพากันมาเดินเที่ยวงานวัด เนื่องจากมีคนเยอะ ทำให้มีร้านขายของมาตั้งเป็นจำนวนมาก ร้านขายของเหล่านี้ก็ได้ดึงดูดให้ชายหญิงมาเดินซื้อของ ดังนั้นจึงทำให้สถานที่แห่งนี้มีคนมารวมกันตัวมากยิ่งขึ้น จึงกลายเป็นงานวัดแบบนี้
หลายปีมานี้ งานวัดจะครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะว่าวัดเยว่หรงที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นวัดที่ฮ่องเต้ได้ประทานให้เป็นวัดประจำแคว้น เมื่อไต้ซือหงหรูเป็นเจ้าอาวาสของวัดเยว่หรงก็ยิ่งได้รับความเลื่อมใสจากฮ่องเต้มากขึ้น ดังนั้นงานวัดของที่นี่จึงครึกครื้นมากขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา
ในรถม้า ข้างกายของหลินซีนเยียนมีอี้เซิงที่นั่งอยู่ติดราวกับถูกล่ามโซ่เอาไว้ บางครั้งก็แอบมอง โม่จื่อเฟิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง พอทุกครั้งที่ โม่จื่อเฟิงเงยหน้าขึ้นมามอง เขาก็ตกใจจนก้มหน้าลงไปทันที
โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงมองไปที่หลินซีนเยียนด้วยสายตาเย็นชา แสดงถึงความไม่พอใจอี้เซิงแล้วไปโทษที่ตัวเธอ
รถม้าจอดตรงตีนเขา เนื่องจากมีฝูงคนมากมาย รถม้าไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ ทำให้ต้องลงจากรถม้าแล้วเดินขึ้นไป เพื่อไม่ทำตัวให้โดดเด่น วันนี้ โม่จื่อเฟิงได้สวมเสื้อผ้าธรรมดาสีดำทั้งตัว แล้วก็มีจินมู่ที่แต่งตัวเป็นคนใช้ข้างกายที่ติดตามมา
ส่วนหลินซีนเยียน แม้จะสวมเสื้อผ้าธรรมดา แต่รูปร่างหน้าตาของเธอกลับดูโดดเด่น ตอนที่เธอปรากฏตัวขึ้นได้ดึงดูดสายตาคนที่อยู่ล้อมๆ โดยเฉพาะสายตาที่เร่าร้อนของพวกผู้ชาย
“ ดึงดูดเพศตรงข้ามได้จริงๆด้วย” โม่จื่อเฟิงเดินมาข้างกายของหลินซีนเยียน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
หลินซีนเยียนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฉีกยิ้มอย่างอ่อนหวาน แล้วเดินไปควงแขนของ โม่จื่อเฟิงต่อหน้าฝูงคนอย่างสง่าผ่าเผย ต่อหน้าคน โม่จื่อเฟิงเป็นอ๋องอู่เสวียนที่สูงศักดิ์ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครมาควงแขนอย่างสนิทชิดเชื้อมากขนาดนี้ เขาจึงชักมือกลับโดยสัญชาตญาณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...