ตอนที่ 62 ข้าไม่กลัวเจ็บ
หลินซินเยียนตกใจจนเกือบจะส่งเสียงร้องออกมา นางจับมุมเสื้อไว้แน่นและยังอดทนไว้ได้
“จินมู่ เจ้าเด็กนี่ไม่เคารพไต้ซือหงหรู นำไปเฆี่ยนสิบที” โม่จื่อเฟิงสั่งจินมู่ด้วยเสียงราบเรียบ จินมู่เงยขึ้นไปมองโม่จื่อเฟิงแต่กลับก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
“ท่านอ๋อง อี้เซิงยังเล็กไม่รู้ความ ท่านอย่าได้ลงโทษเขาเลย เขาเป็นน้องรักของหม่อมฉัน….” ดวงตาของหลินซินเยียนพร่ามัวไปด้วยน้ำตาพร้อมกับรั้งแขนของโม่จื่อเฟิงไว้ นางเดาไว้ไม่ผิดจริงๆ พระเฒ่านี้ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับโม่จื่อเฟิง ซึ่งในความเป็นจริงคงต้องสำคัญอย่างมากกับโม่จื่อเฟิง
โม่จื่อเฟิงยกมือขึ้นมา ปลายนิ้วกดลงที่ริมฝีปากของนาง “ความดีย่อมมีรางวัล ฝ่าฝืนย่อมมีลงโทษ ต่อให้เป็นเด็กก็ไม่สามารถละเมิดกฎได้” เขากล่าวอีกว่า “ส่วนเจ้าจะกลายเป็นชนวนภัยพิบัติหรือไม่ มีเพียงข้ายินยอมเจ้าจึงจะเป็นได้ ถ้าหากข้าไม่ยินยอม เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะกลายเป็นชนวนภัยพิบัติ?”
ในสายตาเขา นางเป็นเพียงสตรีที่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงทั่วไป นางเชื่อฟัง เขาก็จะยกย่องนาง แต่หากนางไม่เชื่อฟัง เขาก็ไม่ถือสาที่จะโยนนางหล่นไปในโคลนตม
นี่คือความเชื่อมั่นในตนเองอย่างแรงกล้า เชื่อมั่นในตนเองขนาดว่าสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง
หลินซินเยียนทราบดี นี่จึงจะเป็นโม่จื่อเฟิงตัวจริง ดูเหมือนว่าเขาอ่อนโยนกับนาง แต่ก็ไม่มากไปกว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักตัวหนึ่งเท่านั้นเขาจึงไม่ถือสานางที่เล่นกลอุบายต่อหน้าเขา เพราะว่าเขาเชื่อมั่นในตนเอง เขาจะเชื่อนางจริงๆหรือแกล้งเชื่อใจนางกันล่ะ? มันสำคัญด้วยหรือ?
บางที สำหรับเขาแล้วคงไม่สำคัญ จะจริงหรือลวง เมื่อไม่สามารถเปิดใจเขาได้ แล้วจะมีความหมายใด?
มีเสียงเฆี่ยนกระทบเนื้อดังเข้ามาจากนอกประตู
โม่จื่อเฟิงยืนขึ้นแล้วเดินไปยังด้านหน้าของไต้ซือหงหรู “เอาล่ะ ดูละครมามากพอแล้ว เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนข้าที”
“เอาเถอะ แต่ไหนแต่ไรเจ้าหนุ่มก็ไม่เคยฟังคำแนะนำของข้าอยู่ดี” ไต้ซือหงหรูพลันถอนหายใจ หันกลับไปมองหลินซินเยียนแล้วขมวดคิ้วมุ่น จึงค่อยจากไป
รอจนพวกเขาเดินไป จึงหยิบผ้าผืนหนึ่งแล้วพุ่งออกมายังนอกห้อง เมื่อมองไปก็เห็นจินมู่กำลังเงื้อแส้เฆี่ยนไปบนแผ่นหลังของอี้เซิง
นางวิ่งพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว คว้ามือของจินมู่เอาไว้ให้หยุด “พอเถิด”
“หยุดมิได้หรอกแม่นางหลิน คำสั่งของท่านอ๋องข้าย่อมต้องปฏิบัติตาม” เขาผลักหลินซินเยียนออกด้วยความลำบากใจ เพื่อเฆี่ยนอี้เซิงต่อ
หลินซินเยียนกลับพุ่งเข้าไปกอดอี้เซิงไว้โดยไม่สนใจแส้ในมือของเขา แล้วหันกลับไปกล่าวกับจินมู่ว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าขอรับการเฆี่ยนนี้แทนเขา ข้าเป็นพี่สาวของเขา เขาไม่รู้ความย่อมเป็นความผิดของข้า”
“แม่นางหลิน ท่านอย่าได้ทำให้ข้าลำบากเลยขอรับ อีกทั้งท่านเองก็ติดตามท่านอ๋องมาหลายวันแล้ว ท่านควรจะทราบดี ถ้าหากบนร่างของท่านปรากฏร่องรอยของแส้ อี้เซิง...อาจจะได้รับการลงโทษที่หนักยิ่งกว่า ท่านวางใจเถิด หลังจากที่ลงแส้ ข้ารู้ถึงพละกำลังของเขา หลังจากนี้ไปเจ้าเด็กผู้นี้อาจจะได้เป็นศิษย์น้องของข้า”
จินมู่ชอบอี้เซิงจากใจจริง อี้เซิงเป็นเด็กที่มีสายเลือดพิเศษอีกทั้งยังมีความมุ่งมั่น ซึ่งเหมาะสมมากที่สุดในการฝึกฝนวรยุทธ์ของศิษย์พี่ของเขา
หลินซินเยียนทราบว่าจินมู่กล่าวได้ถูกต้อง ดังนั้นนางจึงลังเลชั่วครู่พลันคลายกอดออกจากอี้เซิง นางลูบศีรษะของเขาพลางกล่าวว่า “อดทนอีกหน่อย ไหวหรือไม่?”
อี้เซิงพยักศีรษะตอบ “ข้าไม่กลัวเจ็บ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...