ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 61

สรุปบท ตอนที่ 61 เจอกับพระอาจารย์ตัวปลอม: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 61 เจอกับพระอาจารย์ตัวปลอม – ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต โดย ใบไม้แดง

บท ตอนที่ 61 เจอกับพระอาจารย์ตัวปลอม ของ ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 61 เจอกับพระอาจารย์ตัวปลอม

อี้เซิงกำลังอยากอธิบาย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากก็กลับได้ยินเสียงบุรุษแหบต่ำสายหนึ่งจากด้านนอกประตู

“รู้สึกตัวแล้วหรือ?” โม่จื่อเฟิงนำจินมู่เข้ามายังด้านใน ภายในมือของจินมู่กำลังถือถ้วยน้ำแกงร้อนๆเดินมายังข้างเตียงและมองอี้เซิงด้วยแววตาราบเรียบ อี้เซิงจึงรีบค้อมศีรษะและก้าวถอยหลังออกไป

โม่จื่อเฟิงนั่งลงที่ริมขอบเตียงพลันยื่นมือไปประคองหลินซินเยียน “ต้องการลุกขึ้นนั่งหรือไม่?”

ตัวเขาเองนั้นกลับไม่รู้สึก แต่จินมู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับอดไม่ได้ที่จะสูดปาก ถ้าหากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ไฉนเลยจะเชื่อว่านายท่านของเขาก็มีด้านที่นุ่มนวลถึงเพียงนี้ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าอ่อนหวานแต่อย่างน้อยก็นับว่าเป็นสีหน้าที่อ่อนโยน

หลินซินเยียนผงกศีรษะ นางลุกขึ้นนั่งด้วยความช่วยเหลือของเขาและก็ไม่ได้สนใจว่าในห้องนี้ยังมีจินมู่กับอี้เซิงอยู่ นางรั้งแขนของโม่จื่อเฟิงอย่างแนบชิดหลังจากนั้นจึงพาดศีรษะไว้บนแผ่นอกของเขา “ท่านอ๋องมาช่วยหม่อมฉัน หม่อมฉันดีใจยิ่งนักเพคะ”

โม่จื่อเฟิงเงียบไปชั่วครู่ สีหน้ากลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง “ถ้าหากข้าไม่มาเล่า?”

“ไม่มา…..” หลินซินเยียนราวกับว่ารู้สึกหวาดกลัว ร่างกายสั่นไหวโดยไม่รู้ตัว “ถ้าหากท่านไม่มา หม่อมฉันก็คงถูกคนผู้นั้น...ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้วล่ะก็ หม่อมฉันคงไม่มีหน้ามาพบท่านอ๋องอีก ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ตอนนี้หม่อมฉันควรตัดตนเองขาดไปเสีย แต่ทว่าหม่อมฉันยังอาวรณ์….”

“หืม?” โม่จื่อเฟิงเลิกคิว

หลินซินเยียนใช้แก้มถูไถบนแผ่นอกของเขา “ถ้าหากตายไป ก็จะไม่ได้เห็นท่านอ๋องอีกใช่หรือไม่?”

“พอเถิด ดื่มน้ำแกงนี้ซะ” โม่จื่อเฟิงไม่ได้ตอบคำถามของนาง พลันหันกลับไปเหลืองมองจินมู่ จินมู่จึงรีบเดินยกถ้วยน้ำน้ำแกงเข้ามา

หลินซินเยียนสลบไปค่อนข้างนาน ความหิวในกระเพาะของนางช่างรุนแรงจริงๆ จึงรีบยื่นมือจะไปรับถ้วยน้ำแกง กลับเห็นโม่จื่อเฟิงยกถ้วยน้ำแกงมาให้ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่านาง หลังจากนั้นจึงค่อยๆประคองถ้วยน้ำแกงจากด้านข้างริมฝีปากพร้อมกับกล่าวว่า “ดื่มเถิด”

อู่เซวียนอ๋องป้อนน้ำแกงให้นางดื่ม?

หลินซินเยียนมองเขาด้วยสายตาที่กระจ่างใส จินมู่มองเขาด้วยสายตาที่ตกตะลึง ส่วนอี้เซิงก็มองเขาด้วยความสงสัย แต่ไม่ว่าผู้คนรอบข้างจะมองอย่างไร แต่ก็เหมือนกับว่าจะไม่มีผลกระทบใดๆกับเขา ลักษณะท่าทางของเขายังคงสงบนิ่งและสง่างาม

“เพคะ” มุมปากของหลินซินเยียนเผยรอยยิ้มอันหวานล้ำ อ้าปากเรียวเล็กดื่มน้ำแกงลงไป ดูเหมือนว่าเขาจะมองนางดื่มอย่างระมัดระวัง ด้วยความหวงแหน

นอกเหนือความคาดหมายของนาง นึกไม่ถึงว่าน้ำแกงนี้จะเป็นน้ำแกงไก่ ต้มน้ำแกงไก่ในสถานที่อันเงียบสงบอย่างในวัด ต้องขาดทุนขนาดไหนที่คนเผด็จการเช่นอู่เซวียนอ๋องจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้

ใบหน้าของหลินซินเยียนประดับด้วยรอยยิ้มซาบซึ้งแต่ในใจกลับดูถูก นี่ไม่ยิ่งหมายความว่าโม่จื่อเฟิงจริงๆแล้วเป็นบุคคลที่ไม่มีศรัทธาบ้างเลยหรือ? บางทีในสายตาของเขาบางทีอาจจะมีแค่ตัวเขาเอง

ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนท่าทีต่อนาง แต่สาเหตุอันดับหนึ่งทำไมจะไม่ใช่เพราะนางจงใจประจบยอมเชื่อฟังคล้อยตามเขา? หากนางกล้าที่จะไม่เชื่อฟังเขาเหตุการณ์ยังจะเป็นเช่นนี้หรือไม่?

ดังนั้น ความจริงใจ กับความซาบซึ้งน่ะเหรอ? นางก้าวผ่านวัยเด็กเดียงสานั่นมาตั้งนานแล้ว

เจ้าพวกหน้าเหม็น มาต้มน้ำแกงไก่ในวัดของข้านี่เอง!” พระอาจารย์เฒ่ารูปหนึ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน กำลังจ้องมองหลินซินเยียนที่กำลังดื่มน้ำแกงด้วยสายตาคับแค้นใจ

นางเอาแต่พูดท่านอ๋องๆ ไอ้ท่าทางเอาชนะของนางทำให้ใบหน้าไต้ซือหงหรูแปลกประหลาด เมื่อได้ยินนางพูดถึงน้ำลายอะไรนั่นเขาก็ไม่นึกอยากดื่มในทันที

ไต้ซือหงหรูถอยกลับไปด้านข้างอย่างโกรธเคืองพร้อมกับถลนตาใส่โม่จื่อเฟิง ไอ้หนุ่ม ข้าว่าแม่สาวน้อยนี่เป็นชนวนภัยพิบัตินะ เจ้ายังไม่เชื่อก็ลองดูคำพูดที่นางกล่าวแล้วกัน จะมีสตรีสักกี่คนที่สามารถกล่าวเรื่องเช่นนี้ออกมาได้? ข้าว่านะถือโอกาสที่ตอนนี้นางยังไม่สร้างปัญหาจงรีบหาที่ฝังเสียแต่เนิ่นๆ

หรือว่า พระเฒ่ารูปนี้จะเป็นตาแก่หัวโล้นที่อี้เซิงหมายถึง?

เมื่อยามที่เขากล่าวถึงตอนที่ให้ฝังหลินซินเยียน อี้เซิงพุ่งเข้ามาด้วยความมุ่งร้าย กอดเข้าที่เอวของพระเฒ่านั่นแล้วกัดเข้าที่เนื้อของเขา พระเฒ่านั่นตกใจวิ่งหนีไปข้างกายโม่จื่อเฟิงอย่างไม่คิดชีวิต ไอหยา เจ้าดูสิเด็กตัวเล็กขนาดนี้ยังถูกทำให้เสียสติ หากรอหลังจากที่นางได้รับพลัง/อำนาจ จะยิ่งขนาดไหน?

หลินซินเยียนคิดไม่ถึงว่าไต้ซือหรูหงในเรื่องที่เล่าขานกันมา ไม่นึกว่าจะดูเลอะเทอะเช่นนี้ พูดแต่ละคำก็ดูเหมือนจะเป็นแค่พระแก่ๆที่ไม่มีสมศักดิ์สูงส่งเอาเสียเลย

แต่ทว่า ไม่มีผู้ใดที่สามารถจะใจเย็นและไม่เกิดโทสะเมื่อยามที่ได้ยินใครสักคนพูดอย่างเยือกเย็นว่าจะฝังตนเองหรอกน่า

หลินซินเยียนเองก็ไม่ยกเว้น แต่ทว่านางรู้ว่าความสัมพันธ์ของพระอาวุโสกับโม่จื่อเฟิงนั้นไม่ธรรมดา หากนางเข้าปะทะไม่เพียงแต่จะทำให้โม่จื่อเฟิงไม่สบอารมณ์ ไม่แน่ว่ายังจะทำให้ตนได้รับการดูถูกและอับอาย ดังนั้นนางจึงรีบเปลี่ยนท่าทีที่ดูน่าสงสารและมองไปยังโม่จื่อเฟิง

“ท่านอ๋องเพคะ ที่ไต้ซือกล่าวมานั้นจริงหรือไม่? หม่อมฉัน...กลายเป็นผู้ที่นำเภทภัยมาจริงๆหรือ? แล้วหม่อมฉันจะทำอันตรายถึงท่านอ๋องหรือไม่เพคะ?” นางตั้งใจถามอย่างจริงจัง ดูเหมือนไม่มีความโกรธเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกังวลความรู้สึกของโม่จื่อเฟิง

มุมปากโม่จื่อเฟิงผุดรอยยิ้มลุ่มลึกอย่างมีนัยยะ ยื่นมือมาปัด อี้เซิงถูกแรงปัดนั้นพัดลงไปกับพื้น เรี่ยวแรงนั้นไม่ใช่น้อย อี้เซิงล้มกลิ้งจนหน้าผากโขกกับพื้นจนปูดโปนขึ้นมาในฉับพลัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต