ตอนที่64 วิธีต่ำต้อย
หลินซินเยียนหัวเราะเบาๆ กัดมันเผาด้วยคำใหญ่โต ดูเหมือนเป็นการกินที่ไม่ได้คิดอะไรมาก ทว่ามีเพียงใจของนางเท่านั้นที่รู้ ทุกการเคลื่อนไหวของนางล้วนผ่านการคิดอย่างลึกซึ้งแต่เรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นการขยับตัว ท่าทางในการนั่งหรือกระทั่งทิศทางของแสงไฟ นางล้วนพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มีเพียงวิธีนี้นางจึงจะสามารถนำเสนอด้านที่งดงามต่อเบื้องหน้าเขาได้ตลอดเวลา
ก็เหมือนกับดาราในละครทีวีเหล่านั้น ในตอนที่ออกรายการทีวีก็พูดว่าตนไม่เคยอดอาหาร อยากทานกินอะไรก็กิน แต่ว่ามันเป็นไปได้ด้วยเหรอ? ก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้น พอเลิกรายการก็ไม่แน่ว่าเพื่อของที่กินไปตอนที่ออกรายการกลับต้องอดอาหารทั้งวัน ยิ่งกินยิ่งไม่อ้วน สังขารประเภทนี้ในชีวิตจริงจะมีสักกี่คนกัน?
หลินซินเยียนให้ตำแหน่งตนเองเป็นปีศาจที่น่าหลงใหล ดังนั้นนางจึงไม่ควรใช้ด้านความเป็นภรรยา ภรรยาและสามีที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสิบปี ภรรยาและสามีต้องอยู่ร่วมกันหลายสิบปี ถึงแม้จะเริ่มต้นใส่ใจในภาพลักษณ์ เมื่อถึงท้ายที่สุด ไม่ใช่ว่าแม้แต่คนใดจะเข้าห้องน้ำก็ไม่ต้องหลีกเลี่ยงอีกต่อไปงั้นหรือ? แต่ว่าสามีไม่รังเกียจภรรยาที่สกปรกมอมแมมเพราะความคุ้นเคยจริงหรือไม่? ถ้าหากไม่รังเกียจ คงไม่มีสามีที่นอกใจมากมายขนาดนี้
ไม่มีใครไม่ชอบมองสิ่งสวยงามและไปมองสิ่งที่น่าเกลียด เมื่ออยู่ต่อหน้าโม่จื่อเฟิง ต่อให้นางแสดงออกอย่างไม่มีกลอุบาย ไม่เสแสร้ง ก็เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
“เจ้ากำลังคิดสิ่งใด?” โม่จื่อเฟิงเห็นนางเงียบไปสักพัก จึงวางมันเผาลงแล้วถาม สุดท้ายแล้วมันเทศเผาก็เป็นอาหารที่ยังไม่เข้าตาเขา
หลินซินเยียนเหลือบมองไปที่มันเผาที่เขาโยนลงไปบนพื้น ไม่พบรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ไม่มีอะไรเพคะ ก็แค่คิดว่าการที่สามารถนั่งกินมันเผากับท่านอ๋องใต้ผืนดวงดาว ในชีวิตนี้ไม่ใช่ว่าคงมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
แค่ครั้งเดียวแน่นอน! นางยอมหิวโซ ไม่อยากที่จะนั่งทานอะไรด้วยกันกับเขา
โม่จื่อเฟิงยกมุมปากของเขาขึ้น แล้วหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาจากพื้น ดีดเล่นกับกองไฟที่ลุกโชน ครั้งเดียว คือขีดจำกัดของข้า
ขีดจำกัดของเขาช่างทำให้ผู้คนแปลกหูแปลกตาเสียจริง
“อ้อ” หลินซินเยียนส่งเสียงตอบรับ ลุกขึ้นยืนปัดเศษดินออกจากตัว พลันกล่าวว่า “อากาศเย็นแล้ว พวกเรากลับกันเถิดเพคะ แต่ว่าพวกเราต้องเดินทางอ้อมไหมเพคะ?”
“ทางอ้อม? เพราะเหตุใดรึ?” โม่จื่อเฟิงมึนงง
หลินซินเยียนแสร้งถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า เดิมทีหม่อมฉันต้องการไปกินข้าวที่โรงทาน แต่ระหว่างทางเจอกลุ่มของหลิวหลี เจ้าเผด็จการน้อยก็ติดตามหลิวหลีมาด้วย หม่อมฉันเกรงว่าจะสร้างความยุ่งยากให้ท่านอ๋อง ดังนั้นจึงเดินอ้อมมา แต่เพราะท้องหม่อมฉันหิวมากจึงได้ขุดมันเทศที่นี่กิน”
“นางเล่าได้น่าสงสาร ความคับข้องใจและความเศร้าโศกในน้ำเสียงก็ไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย หม่อมฉันเป็นเพียงแค่สาวใช้ หากเผด็จการน้อยนั่นคิดจะรังแกหม่อมฉัน หม่อมฉันก็คงต้านทานไว้ไม่ได้ ยามที่ปะทะกับขุนนางที่ไม่ต้องการก่อปัญหาให้กับท่านอ๋อง เพราะอย่างไรแล้วท่านอ๋องก็เป็นข้าราชบริพารร่วมราชวงศ์กับบิดาของเผด็จการน้อย”
โม่จื่อเฟิงเงียบลงทันที ดวงตาราวกับสุนัขจิ้งจอกจ้องมองนางอยู่นาน จึงได้กล่าวว่า ข้าคิดว่าเจ้า ฟ้าไม่กลัว ดินไม่กลัวเสียอีก
“นั่นเป็นอดีตเพคะ” ยามที่หลินซินเยียนกล่าวก็กำลังดึงเขาให้เดินไปด้านหน้า ก่อนหน้านี้หม่อมฉันล้วนไม่กลัวอะไรเลย แต่ว่า ไม่ใช่ท่านอ๋องให้คนสั่งสอนหม่อมฉันหรือเพคะ? ตอนนี้หม่อมฉันรู้จักหนักเบา/ความสามารถของตนเองแล้ว ถ้าหากหม่อมฉันยังคงไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเหมือนเมื่อก่อน ท่านอ๋องจะชอบหรือไม่?
จะชอบหรือไม่?
โม่จื่อเฟิงไม่ตอบคำถามนี้ แต่ดวงตากลับหม่นมัวอยู่บ้าง กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเขาขมวดคิ้วแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...