ตอนที่ 71 รักษาสัญญา
“ราคาเท่าไรนะ?”หลินซีนเยียนตกตะลึงจึงเอ่ยปากถามอีกครั้ง
สีหน้าของโจวชางเริ่มแดงก่ำ “ปัจจุบันมีเพียงสาม สามหมื่นตำลึง....”
ในใจของหลินซีนเยียนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก แต่ใบหน้าไม่ปรากฏอาการอะไรเลยสักนิด เพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นสหายของท่านอ๋อง ข้าจะไม่ไว้หน้าท่านอ๋องได้อย่างไรกัน สามหมื่นก็สามหมื่นเถอะ”
ฟังจากน้ำเสียงของนางประหนึ่งว่าได้เสียสละไปอย่างมาก มีเพียงโม่จื่อเฟิงที่เบะปากใส่ สตรีนางนี้ สายตาสว่างเปล่งประกายแล้วจนมองเห็นความในใจของนางแล้ว ก็แค่เงินสามหมื่นตำลึงเท่านั้น กลับทำให้นางดีใจจนออกนอกหน้าได้ขนาดนี้ ความโลภของคนเรานี้จริงๆ เลย...
เมื่อโจวชางได้ยินก็รีบเอ่ยขอบคุณทันที“ขอบคุณแม่นางอย่างมาก ท่านวางใจได้ ยามบ่ายข้าจะนำตั๋วเงินมามอบให้กับท่านด้วยตนเอง แต่มีเพียงบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ ได้โปรดช่วยชี้แนะด้วย”
“หืม?”ยังคิดจะกลับคำอีกรึ? หลินซีนเยียนคิดในใจ หากได้จะเงินเยอะขนาดนั้น ที่แท้คงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
“ข้ารู้สึกสนใจอาวุธหน้าไม้ที่ท่านได้ประดิษฐ์ขึ้น หากว่าแม่นางไม่ได้ถือสาอะไร ให้ข้านำอาวุธหน้าไม้ไปศึกษาได้หรือไม่ เพียงไม่กี่วันเท่านั้น”เป็นถึงช่างทำเครื่องเงิน สำหรับเข้าแล้วเงินทองไม่สำคัญ แต่เป็นกลวิธีต่างหาก ในข้อนี้ ฝีมือของเขาจึงเป็นที่เคารพนับถือ
แต่หลินซีนเยียนก็ไม่ได้ตอบรับทันที เพียงไปถามโม่จื่อเฟิง “หน้าไม้ข้าทำให้ท่านอ๋อง จะให้ข้าตัดสินใจแทนท่านอ๋องได้อย่างไร ดังนั้น... ”
โจวชางมองไปยังโม่จื่อเฟิงที่พยักหน้า “เจ้าสามารถนำไปศึกษาได้ ในช่วงนี้เจ้าก็ประดิษฐ์ให้มันมีขนาดใหญ่ก็ได้ เพียงแต่ เรื่องนี้ ต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามรั่วไหลออกไปเด็ดขาด ”
“วางใจเถิด นี่เป็นเรื่องสำคัญข้าเข้าใจดี”เมื่อโจวชางได้รับอนุญาตจากโม่จื่อเฟิงก็รีบกอดอาวุธหน้าไม้แล้ววิ่งออกไปด้วยท่าทางดีใจ อยากจะศึกษาอาวุธหน้าไม้นี่ใจจะขาด ภาพตรงหน้าทำให้โม่จื่อเฟิงปลื้มปีติยินดีจนยิ้มออกมา
หลังจากที่โจวชางเดินออกไปไกลแล้ว โม่จื่อเฟิงก็เอ่ยกับหลินซีนเยียน “เจ้าอยากจะไปจากจวนอ๋องจริงๆ รึ?”
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องได้รับสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทแล้ว ในเมื่อคุณหนูใหญ่เซียวใกล้จะแต่งเข้าจวนมา คุณหนูใหญ่เซียวเดิมทีก็ไม่ชอบขี้หน้าข้า ข้าไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดหากอยู่ในจวนนี้ต่อไป ข้า ไม่อยากจากท่านอ๋องไป เพียงแต่อยากให้น้องชายของข้ามีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น ”
เธอไม่ได้โง่ที่จะพูดความในใจออกมาจริงๆ เธอรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องพูดถึงปัญหานี้กับเขา ดังนั้นจึงได้เตรียมตัวจะพูดเช่นนี้ไว้นานแล้ว
โม่จื่อเฟิงก็ไม่ได้เอ่ยอะไร และก็ไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้ เพียงโบกมือให้จินมู่พาเธอออกไปจากสนามฝึก
หลินซีนเยียนย่อตัวทำความเคารพแล้วเดินตามจินมู่ไป เธออยากจะไปเรือนหน้าแล้วบอกข่าวดีกับอี้เซิงว่าพวกเขาจะได้ออกไปจวนอ๋องนี่แล้ว!
จินมู่ช่วยพาหลินซีนเยียนไปหาอี้เซิงที่กำลังฝึกอยู่ที่เรือนหน้า เมื่ออี้เซิงเห็นหลินซีนเยียนก็ทิ้งอาวุธในมือแล้ววิ่งไปหา
“พี่”เมื่อผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าสตรีผู้นี้ไม่เหมือนคุณหนูที่แสดงว่าตนเองมีจิตใจดีงาม นางไม่เพียงแต่ช่วยเขาไว้ แต่ยังจริงใจต่อเขาอีกด้วย
หลินซีนเยียนลูบหัวของอี้เซิงแล้วเอ่ยยังอ่อนโยน “ท่านอ๋องรับปากให้พวกเราออกจากจวนอ๋องได้แล้ว หลังจากที่พวกเราออกไปแล้ว พี่จะหาอาจารย์มาสอนหนังสือให้กับเจ้า การเรียนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อเด็กน้อยอย่างเจ้า”
ศิษย์พี่ของจินมู่ยังไม่ได้ตอบกลับมา ดังนั้นเธอจำเป็นต้องเตรียมแผนสำรอง หากว่าได้เรียนกังฟูกับศิษย์พี่ของจินมู่จริง ก่อนหน้านี้ควรเรียนความรู้หน่อยก็คงจะดี
“พวกเราไปได้จริงๆ รึ?”อี้เซิงเหมือนจะยังไม่กล้าเชื่อเท่าไร จึงจ้องไปที่เธอโดยไม่กระพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...