ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 92

ตอนที่92 ยอมให้นางมีชีวิตอยู่

เอ้อร์ยามึนงง อยากจะอธิบาย แต่ถูกอี้เซิงดึงแขนไว้

“เจี่ยเมาแล้ว นอนหลับไปแล้ว” อี้เซิงไม่อยากให้วันดีๆที่มีความสุขแบบนี้หลินซินเยียนจะถูกรังแกอีก ดังนั้นยามที่ต้องเผชิญหน้ากับโม่จื่อเฟิง เขาไม่สามารถปกปิดความไม่พอใจในแววตาได้เลยสักนิด

โม่จื่อเฟิงพูดด้วยเสียเย็นชา แววตาเฉียบคมจ้องไปที่อี้เซิง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้เดินกลับไป หลังจากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปยังห้องของหลินซินเยียน

อี้เซิงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของโม่จื่อเฟิง “ท่านอ๋อง วันนี้เป็นวันสิ้นปี ท่าน ท่านปล่อยนางไปเถอะ”

คำพูดของเขานั้นยั่วอารมณ์ของโม่จื่อเฟิง แววตาที่ลุ่มลึกของเขากวาดทะลุใบหน้าที่ดื้อรั้นของอี้เซิง พูดกำชับกับจินมู่ว่า “จินมู่ นำตัวเขาออกไป”

จินมู่ได้ยินดังนั้น ก็รีบทำตามคำสั่งของโม่จื่อเฟิง ลากตัวอี้เซิงออกไป เขาใช้แรงทั้งหมดที่มี แต่อี้เซิงซึ่งเป็นเด็กย่อมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านหาทางหนีทีไล่

โม่จื่อเฟิงไม่มองอีก หมุนตัวเดินตรงไปยังห้องของหลินซินเยียน

ในห้องนั้นไม่นับว่ามืดสนิทราวกับว่าเปิดไฟดวงเล็กๆ มีเสียงกรนที่ไม่เบาและไม่ดังจนเกินไปดังออกมาจากห้อง โม่จื่อเฟิงเดินมาถึงหน้าประตู หัวคิ้วเลิกขึ้น ปกตินางไม่นอนกรนนี่

คิดแบบนี้แล้ว เมื่อเขาเปิดประตูออก กลิ่นของเหล้าเข้มข้นก็ปะทะหน้า สีหน้าของเขาก็เข้มขึ้น แล้วก้าวเท้าเข้าไปในห้อง

เขาก็ยังไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเขาเป็นอะไรกันแน่ เขารู้สึกเบื่ออาหาร บางทีอาจจะเป็นเพราะกินอาหารมากไปในคืนข้ามปี ทันใดนั้นก็คิดถึงสาวใช้ที่น่าตายคนนี้ เขาคิดว่า ในคืนแบบนี้ นางถูกเขาทิ้งไว้ในห้องเล็กนั้นแล้ว จะต้องผ่านค่ำคืนนี้ไปอย่างไม่ราบรื่นแน่ ไม่รู้ว่าเธอจะขอร้องกับเขาหรือไม่ เขาคิดแล้วคิดอีก ก็อยากจะไปดู นางจะให้อภัยตนเองไหมนะ

หลังจากนั้น ไม่ทันไร เขาก็ตามเข้ามาแล้ว

เพียงแค่ว่า ดูเหมือนนางจะผ่านมันไปได้ด้วยดีมากกว่าเขา อย่างน้อยที่สุดเมื่อเขายืนอยู่ตรงหน้าเตียงมองคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างมั่นคงมุมปากยังมีรอยยิ้มค้างอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะเรียกเบาๆ

“หลินซินเยียน” เขากดเสียงต่ำ

หลินซินเยียนหลับลึกมาก ไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่รู้เลยว่าท่านอ๋องที่มาถึงแล้ว

พอเห็นนางไม่รู้เรื่อง โม่จื่อเฟิงยกมือขึ้นตบหน้านาง ตบไปเรื่อยๆ แรงในตอนเริ่มก็นุ่มนวล แต่พอเห็นนางนอนหลับลึก แรงตบของเขาก็แรงขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเสียงดัง เปรี๊ยะ หลินซินเยียนก็ลืมตาขึ้น

“มารดาเจ้าสิ เป็นใครกล้าตีหน้าข้า”

ประโยคที่คำรามออกมาโดยสัญชาตญาณ หลินซินเยียนพลิกตัวขึ้นมานั่งทันที

ประโยคนี้ทำให้โม่จื่อเฟิงตะลึงงัน นี้ถึงจะเป็นนิสัยที่แท้จริงของนาง

แต่ทว่าหลินซินเยียนดูเหมือนว่าจะยังไม่ตื่นดี จ้องมองอย่างมึนงง หลังจากนั้นก็เตรียมตัวที่หมุนตัวกลับไปนอนต่อ

ยังดีนะที่วันนี้เขายังอดทนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโม่จื่อเฟิงที่แต่เดิมก็ไม่ค่อยมีความอดทนอยู่แล้ว เขาก็ยกมือขึ้นจะตบอีก แต่ หลินซินเยียนก็ลุกขึ้นมานั่งแล้ว

นางหันหันมามองโม่จื่อเฟิง พอเริ่มได้สติ “ข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝัน ที่ไหนได้เป็นความจริง”

“พบหน้าข้า ดูเหมือนเจ้าจะไม่ดีใจ” เสียงของโม่จื่อเฟิงเย็นชา ฟังไม่ออกว่าสุขใจหรือโมโห

“ไม่มีความสุขหรือ” หลินซินเยียนหัวเราะ รอยยิ้มปรากฏออกมาอย่างชัดเจนเลยว่าไม่อ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนแต่ก่อน เวลานี้เป็นสภาพของนางที่กำลังเมา รอยยิ้มของนางดูติดลบและโง่เขลา นางยื่นมือออกไปหยุดอยู่ที่เข็มขัดของโม่จื่อเฟิง “หนุ่มหล่อ ข้าจะไม่มีความสุขได้อย่างไร วันนี้เป็นวันปีใหม่ ท่านจะต้องเป็นเทพเซียนมาโปรดข้าผู้ที่น่าเวทนาเพื่อที่จะมามอบของขวัญใช่หรือไม่ ปกติข้านอนอย่างน่าเวทนา ดังนั้นวันนี้เทพเซียนให้โอกาสข้าได้กลับมานอน”

โม่จื่อเฟิงเห็นตาของนางเลอะเลือน ผู้หญิงคนนี้โต้ตอบกลับมากะทันหัน น่ากลัวจะไม่รู้ตัวชัดแจ้งว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาไม่สนใจจะเสียเวลากับผู้หญิงที่กำลังเมาอยู่ ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งและหันตัวเดินออกไป แต่แค่เพิ่งจะขยับตัว ผู้หญิงคนนั้นก็ปีนมาเกาะอยู่บนตัวของเขา

“หนุ่มหล่อ อย่าไป พี่สาวจะรักและทะนุถนอมเจ้าอย่างดี วางใจเถอะ พี่สาวจะไม่เอาความวิปริตอย่างโม่จื่อเฟิงมาปฏิบัติกับเจ้าอย่างเด็ดขาด พี่จะอ่อนโยนกับเจ้า” ขณะที่หลินซินเยียนพูดก็อาเจียนออกมาเป็นกลิ่นเหล้า และก็ยังยื่นมือลูบไล้บนใบหน้าของโม่จื่อเฟิง “อ้าว ใบหน้านี้ช่างน่ามองเสียจริง เทพเซียนช่างมีจิตใจเอื้อเฟื้อต่อข้า”

“หลินซินเยียน” โม่จื่อเฟิงเริ่มจะโกรธ ยื่นมือออกไปหมายจะดึงผู้หญิงคนนี้ออก ใครจะรู้ว่ามือของผู้หญิงจะจู่โจมเขาอย่างกระทันหัน

“สุดหล่อ พี่มาแล้ว” หลินซินเยียนคำรามออกมาอย่างชัดเจนเปิดเผย หลังจากนั้นก็โผเข้าหาโม่จื่อเฟิงอย่างไม่ทันตั้งตัว

“หลิน ซิน เยียน ”

“เจ้าเรียกไปเถอะ ร้องไห้ดังกว่านี้ก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก มารดาเจ้าสิ วันนี้พี่ยังอยากระบายสิ่งที่อยู่ในใจสักครั้ง” เสียงของหลินซินเยียนสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นเสียงเบาๆ

ยามค่ำคืน ในช่วงเวลาทำตามความต้องการของหัวใจก็เกิดระลอกคลื่นที่มีสีสันขึ้นภายใต้กลิ่นเหล้าจางๆ

เมื่อตื่นขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง หลินซินเยียนรู้สึกว่าหัวของนางนั้นกำลังจะระเบิด ไม่ใช่แค่ปวดหัวแต่ทุกส่วนของร่างกายนางกำลังโอดครวญเพราะความปวดเมื่อย

นางมองไปข้างหน้าอย่างไม่ชัดเจน มองปราดแรกก็พบร่องรอยบนร่างที่น่าสงสัย นางเป็นผู้หญิงที่โตเต็มวัยแล้ว ร่องรอยแบบนี้แสดงถึงอะไร นางยังไม่เข้าใจแน่ชัด

หลังจากนั้นนางก็พบโม่จื่อเฟิงนอนอยู่ข้างกาย

นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างท้อแท้ นางนวดขมับ เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นางคิดยังไงก็คิดไม่ออก แต่ว่า.....ถ้าหากว่าตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่ ก็พูดได้อย่างชัดเจนว่าโม่จื่อเฟิงยังอดทนไว้ชีวิตนางได้

เท่าที่รับรู้ถึงสายตาของนาง โม่จื่อเฟิงที่นอนหลับสนิทอยู่ก็ลืมตาขึ้น เขามองที่นางอย่างเยือกเย็นและเหี้ยมโหด

“คือว่า ท่านอ๋อง เมื่อวานข้าดื่มเยอะไป ถ้าหากข้าทำเรื่องหยาบคายกับท่าน โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”

“เจ้ายังรู้ว่าตัวเองดื่มจนเมาแล้วยังทำเรื่องหยาบคายกับข้าอย่างนั้นหรือ” ใบหน้าของโม่จื่อเฟิงแสดงการเหน็บแนมอย่างชัดเจน “เมื่อวานเจ้าไม่ได้พูดกับข้าแบบนี้ ให้ข้าคิดสักหน่อย เมื่อวานเจ้าพูดว่าอย่างไรนะ อ๊า คิดออกแล้ว เจ้าพูดว่าเจ้าอยากจะนอนดีๆกับข้า จะใช้ท่าทางน่าตายของโม่จื่อเฟิงผู้นั้นที่คิดไม่ถึงเลยว่าจะข่มเหงข้า......”

เขา โม่จื่อเฟิง ในสายตาของนางก็เป็นคนที่มีบุคลิกวิปริตน่าตายในสายตาของนาง

“ อ๊ะ อ๊ะ ......อ๊ะอ๊ะ......”หลินซินเยียนอ้าปากแล้วอ้าปากอีก รู้สึกอับอายวางตัวไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็ตบเบาๆที่บ่าของโม่จื่อเฟิง “ท่านอ๋อง ท่านช่างพูดเล่นเสียจริง”

มารดามันสิ ใช่นางมั้ยที่พูด นางพูดจริงหรือว่าเขาวิปริตน่าตาย นางจะมีชีวิตรอดเดินออกไปรึไม่ อี้เซิงกับเอ้อร์ยาจะโดนร่างแหไปด้วยรึไม่

“ข้า ไม่เคยพูดเล่น” โม่จื่อเฟิงพูดอย่างเยือกเย็น แล้วนั่งลง “ช่วยข้าสวมเสื้อ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต