ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 182

บทที่182 ความคิดที่บอกใครไม่ได้

หลังจากวันนั้นที่เฉินถิงเซียวได้เสนอเรื่องลาออกให้กับมู่น่อนน่อนออกไป มู่น่อนน่อนคิดพิจารณาอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจที่จะไปลาออก

เธออยู่ที่บริษัทมู่ซื่อทำงานเอกสารทั่วไปนิดๆหน่อยๆ ถ่ายเอกสารจัดแจงข้อมูล ไม่เกี่ยวกับสาขาที่เธอเรียนมาเลยแม้แต่น้อย อยู่ที่บริษัทมู่ซื่อต่อ มันก็จะเป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ไปเท่านั้น

สิ่งที่ตัดสินใจแล้ว มู่น่อนน่อนก็จะไม่ยืดเวลาออกไปเรื่อยๆอีก

มู่น่อนน่อนรีบเขียนจดหมายลาออกเสร็จไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เข้าทำงานก็ได้ส่งให้มู่เจิ้งซิวไปทันที

ตั้งแต่หลังจากที่มู่เจิ้งซิวกลับมา เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในบริษัทโดยพื้นฐานแล้วมู่เจิ้งซิวจะเป็นคนจัดการ แผนการเล็กใหญ่เองก็จะต้องผ่านมู่เจิ้งซิวก่อนถึงจะสามารถทำการตัดสินใจขั้นสุดท้ายกันได้

นี่มันก็เท่ากับว่ามู่ลี่เหยียนไม่มีอำนาจที่แท้จริงในบริษัทแล้ว

มู่น่อนน่อนผลักประตูเข้าห้องทำงานของมู่เจิ้งซิวเอาจดหมายลาออกในมือวางลงไปบนโต๊ะของเขา “คุณปู่”

มู่เจิ้งซิวเงยหน้าขึ้นมา ตาเหลือบมองจดหมายลาออกเล็กน้อย ลังเลอยู่สักพักกว่าจะพูดออกไป “นี่หมายความว่าอะไร?”

“อย่างที่คุณปู่เห็น หนูต้องการลาออก โปรดประธานมู่อนุมัติด้วยค่ะ” มู่น่อนน่อนมองเขาไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง น้ำเสียงสงบนิ่งเหมือนกับท่าทางของเธอ

“นั่งสิ” มู่เจิ้งซิวชี้ไปทางเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน

มู่น่อนน่อนนั่งลงไป

หลังจากที่มู่เจิ้งซิวกลับประเทศมา ก็ติดต่อกับมู่น่อนน่อนอยู่ไม่น้อย แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้มองสำรวจเธอไปอย่างละเอียด

ตอนที่เขาออกจากประเทศไป มู่น่อนน่อนก็เพิ่งจะเจ็ดขวบ เป็นเด็กที่มีหน้าตาสวยผลการเรียนยอดเยี่ยมคนนึง ตอนที่เรียกเขาว่าคุณปู่ออกมาก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูทำให้รู้สึกทั้งรักทั้งหลงขึ้นมา

แต่ว่า ความคิดของเขานั้นค่อนข้างจะหัวโบราณอยู่บ้าง เซียวชู่เหอถึงยังไงก็เป็นแม่เลี้ยง ในใจของเขา ก็ยิ่งเอ็นดูมู่หวั่นขีสองพี่น้องมากขึ้นอีกหน่อย จึงไม่ได้มีมู่น่อนน่อนอยู่ในสายตาอะไรนัก

ในภายหลังช่วงหลายปีมานี้ บางครั้งได้ยินพวกคำพูดต่างๆนานาที่เกี่ยวข้องกับมู่น่อนน่อน เขาก็ยิ่งเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้องแล้ว

เพียงแต่ ตอนที่เขาได้กลับมาเจอมู่น่อนน่อนแล้วจริงๆนั้น ก็ได้พบว่าไม่เหมือนกับที่เขาได้จินตนาการเอาไว้เลย

เขาเอ็นดูมู่หวั่นขีมาตั้งแต่เด็ก ได้ถูกเลี้ยงดูจนเสียคนไปอย่างไม่รู้ตัวเสียแล้ว

ส่วนคนที่มักจะถูกเขาละเลยอยู่ตลอดอย่างมู่น่อนน่อนคนนั้น กลับเป็นคนชักนำบริษัทมู่ซื่อไปสู่วิกฤติ

มู่น่อนน่อนเจอเข้ากับสายตาประเมินเข้ามาของมู่เจิ้งซิว ท่าทางที่ดูไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวเกินไปจนดูต้อยต่ำ ใจเย็นไม่ผลีผลาม ดีกว่ามู่หวั่นขีเยอะเลย

เขาตอนนั้นลงแรงไปตั้งขนาดนั้นเพื่อให้บริษัทเฉินซื่อกับบริษัทมู่ซื่อได้เกี่ยวดองกัน แต่กลับทำให้มู่หวั่นขีเอาโอกาสนี้ให้กับมู่น่อนน่อนไปเสียอย่างนั้น

เขามองออกว่ามู่น่อนน่อนเป็นเด็กที่ฉลาดเงียบคนนึง เธอเป็นคนที่มีความคิด คนอย่างนี้จะมีลักษณะพิเศษก็คือ—ควบคุมไม่ได้

มู่เจิ้งซิวถอนสายตากลับมา เหลือบมองไปยังจดหมายลาออกที่อยู่ตรงหน้า พร้อมเอ่ยถามเธอออกไป “ทำไมถึงอยากจะลาออก?”

“งานที่หนูทำอยู่ตอนนี้ มันไม่สอดคล้องกับสาขาที่เรียนมาเลย อีกอย่างหนูอยู่ที่บริษัทมู่ซื่อตอนนี้ มันก็เหมือนกับการเลี้ยงคนว่างงานมาเพิ่มคนนึงเท่านั้น”

มู่น่อนน่อนพูดสิ่งเหล่านี้จบลง ตัวเองก็รู้สึกประหลาดใจอยู่เหมือนกัน อยู่ที่บริษัทมู่ซื่อมานาน นึกไม่ถึงว่าจะพูดคำพูดที่ดูสุภาพมีพิธีรีตองพวกนี้ออกมาได้เหมือนกัน

“แกกำลังพูดอะไรอยู่ แกเป็นคนของตระกูลมู่ ทำงานที่บริษัทของบ้านตัวเอง จะไปเป็นคนว่างงานไปได้ยังไงกัน!” น้ำเสียงและสีหน้าของมู่เจิ้งซิวดูจริงจังอย่างมาก

มู่น่อนน่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย คิดไตร่ตรองความหมายในคำพูดนี้ของเขาไปอย่างละเอียด

ในคำพูดนี้ของมู่เจิ้งซิวแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้มู่น่อนน่อนไป

มู่น่อนน่อนก็รู้สึกไม่เข้าใจอยู่สักพักนึง ทำไมมู่เจิ้งซิวถึงไม่ให้เธอลาออก

……

การลาออกล้มเหลว

ออกมาจากห้องทำงานของมู่เจิ้งซิวมู่น่อนน่อนก็ได้รับสายเฉินถิงเซียว

เธอถือโทรศัพท์เดินออกไปรับสายตรงมุม

“เขาอนุมัติหรือเปล่า?” เสียงของเขาเฉินถิงเซียวดังออกมาจากโทรศัพท์ เสียงทุ้มต่ำทำให้คนรู้สึกสบายใจ

มู่น่อนน่อนเดิมทีคิดว่ามู่เจิ้งซิวจะอนุมัติอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายกลับต้องผิดหวังกลับมา ตอนนี้ได้ยินเสียงของเฉินถิงเซียว ในน้ำเสียงของเธอก็อดไม่ได้ที่จะหลุดความรู้สึกผิดออกมา “ไม่ค่ะ”

ทางเฉินถิงเซียวก็เงียบไปสักพัก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม