ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 219

บทที่219 กระตุ้น

ประโยคที่เฉินถิงเซียวอยากให้เธอพูดอีกรอบนั้น น่าจะเป็นประโยคนั่นแหละ

——ฉันรักเขามาก

เธอพูดประโยคแบบนั้นออกไปได้ยังไงกัน!

เธอพูดประโยคแบบนี้ต่อหน้าเฉินถิงเซียวได้ยังไง!

มู่น่อนน่อนรู้สึกโกรธตัวเอง สะบัดมือของเฉินถิงเซียวออกแล้วก็เดินไปข้างหน้า

เฉินถิงเซียวเดินตามไปพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาดึงมือของเธอเอาไว้ “เดินช้าหน่อย”

“ฉันชอบเดินเร็วๆ ” มู่น่อนน่อนอยากจะสะบัดมือของเขาออก แต่ว่าก็ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ถูกเขาจูงมือไปแบบนั้น

ทั้งสองคนเจอกับเสิ่นเหลียงที่มุมของางเดิน

เสิ่นเหลียงเห็นมู่น่อนน่อนแล้วก็รู้สึกโกรธ “มู่น่อนน่อน! ตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ ช่วยทำให้ฉันสบายใจหน่อยได้ไหม? ไปเข้าห้องน้ำอยู่ครึ่งวันแล้วไม่กลับมาสักทีก็ช่างเถอะ แต่ว่าไม่รับสายอีก นี่เธอทำให้ฉัน……”

ประโยคหลังนั้น ก็ได้ถูกกลืนลงคอไปหลังจากที่เห็นเฉินถิงเซียว

เสิ่นเหลียงขมวดคิ้ว กระแอมอยู่สองครั้ง แล้วเสียงของเธอก็เปลี่ยนไปกลายเป็นหญิงสาวที่นุ่มนวลทันที “แค่กๆ ……ต่อไปเธออย่าเป็นคนแบบนี้อีกนะ”

มู่น่อนน่อนรู้สึกขนลุก “ตอนนี้ฉันไม่ใช่คน แล้วเป็นผีรึยังไง? ”

เสิ่นเหลียงเสแสร้งยิ้ม “ตอนนี้เธอมีสองคนแล้วนะ”

เธอเองก็เหนื่อยใจเหมือนกัน แต่ว่านัดมู่น่อนน่อนออกมากินข้าว แต่ผลก็คือต้องเกิดเรื่องขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่าง……จริงๆ เลย

คนพวกนั้นกลับไปที่ห้องวีไอพี สุดท้ายก็ได้กินข้าว

ในห้องจัดเลี้ยงนั้น เสิ่นเหลียงถามมู่น่อนน่อน “เธอไปไหนมา ทำไมไปเข้าห้องน้ำแล้วก็หายไปกะทันหันล่ะ? ”

“เมื่อกี้นี้เจอเฉินถิงเซียวพอดี มีพวกผู้ใหญ่ของกินข้าวกันอยู่ที่นี่ ก็เลยตามเขาไปพบเจอพวกท่านหน่อย” มู่น่อนน่อนหรี่ตาลง โกหกไปเรื่อย

เฉินถิงเซียวมองเธอ ไม่ได้พูดอะไร

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” เสิ่นเหลียงเชื่อง่ายๆ

จนกินข้าวเสร็จ เสิ่นเหลียงก็คิดขึ้นได้ ว่าเฉินถิงเซียวคือทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเฉิน นอกจากพ่อของเขากับปู่ของเขา ยังมีใครให้เขาพามู่น่อนน่อนไปเจอได้อีกล่ะ?

อ้อ บางทีผู้ใหญ่ที่มู่น่อนน่อนพูดถึงอาจจะเป็นคุณปู่เฉินก็ได้

ระหว่างทางที่กลับนั้น ทั้งสองคนก็เงียบมาก

ตอนที่ใกล้ถึงประตูบ้านนั้น จู่ๆ มู่น่อนน่อนก็พูดขึ้นมา “ตอนที่ฉันออกมาจากห้องน้ำนั้น ได้เจอกับซือเฉิงหยู้ เขาบอกว่าเขาติดต่อมู่หวั่นขีไม่ได้ทั้งวันแล้ว แล้วก็บอกว่ามู่หวั่นขีนิสัยใจร้อนอาจจะทำเรื่องโง่ๆ ก็ได้ เป็นไปได้มากว่านายจะจับเธอไว้”

ประโยคต่อมาเธอไม่ได้จำเป็นต้องอธิบายเลย คนฉลาดย่อมเข้าใจได้โดยธรรมชาติ

ก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนก็คิดอยู่แล้วว่าคนก่อเหตุน่าจะเป็นมู่หวั่นขี และดูจากสไตล์ของเฉินถิงเซียวแล้วนั้น มู่หวั่นขีตกอยู่ในมือของเขาแล้ว เขาต้องทำให้เธอรู้สึกว่าตายยังดีกว่าอยู่อีกอย่างแน่นอน

ความจริงมันก็เป็นแบบนั้นแหละ ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะว่าเธอรีบตามไป ไม่แน่ว่าตอนนี้มู่หวั่นขีอาจจะยังถูกทรมานอยู่ก็ได้

เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดของเธอ ก็เลยได้แต่ถามว่า “ซือเฉิงหยู้มาหาเธอยังงั้นเหรอ? ”

“อืม” มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองเขาอย่างสงสัย

รถกำลังขับเคลื่อนไปยังถนนที่คดเคี้ยว ต้นไม้นอกหน้าต่างก็เลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก ดำสนิท

แต่ว่ามู่น่อนน่อนก็สามารถเห็นความเยือกเย็นได้จากเงาที่ไม่ชัดเจนของเฉินถิงเซียว

ตอนนั้นในใจของมู่น่อนน่อนกลัวว่าเฉินถิงเซียวจะฆ่ามู่หวั่นขี ก็เลยไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย

ตอนนี้ เธอย้อนกลับมาคิดประโยคของเฉินถิงเซียวที่พูดว่า “ซือเฉิงหยู้มาหาเธอ”ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

ตอนนี้จู่ๆ มู่หวั่นขีก็พุ่งรถเข้ามาจะชนเธอ ตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นก็ไม่ได้มีคนอยู่รอบๆ ตอนนั้นเฉินถิงเซียวโทรศัพท์ แล้วก็ส่งเธอไปโรงพยาบาล

เฉินถิงเซียวจัดการเรื่องราวอย่างรอบคอบ ตอนที่โทรศัพท์นั้นเขาต้องสั่งให้คนจับมู่หวั่นขีไว้อย่างแน่นอน

และตอนนั้นมู่หวั่นขีก็ได้รับบาดเจ็บไม่เบาเลย และลูกน้องของเฉินถิงเซียวก็มีสไตล์การลงมืออย่างเด็ดเดี่ยวเหมือนกัน ดังนั้นการที่เขาจับมู่หวั่นขีอยู่ทั้งวัน ก็ไม่ได้เตือนคนของตระกูลมู่เลย

แต่กลับเป็นซือเฉิงหยู้ที่เป็นคนมาหามู่น่อนน่อนก่อน

ถ้าเป็นแบบนี้ เรื่องก็กระจ่างแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม