ตอนที่ 23 ข้ออ้างที่ดูไร้สาระ
เฉินถิงเซียว กำลังโมโหจัด เลยตะคอกเสียงเข้มกลับไป “ไสหัวไป!”
มู่น่อนน่อนที่อยู่ด้านนอกประตู ถึงกลับอึ้งกิมกี่ พร้อมทั้งหันหลังเดินห่างออกไป
ผ่านไปสักพัก อารมณ์ของเฉินถิงเซียวค่อยกลับมาปกติดังเดิม
สือเย่เคาะประตูเข้ามา ในมือถือเอกสารกองใหญ่มาด้วย
เฉินถิงเซียวเหมือนเพิ่งจะคิดอะไรได้ เงยหน้าพร้อมทั้งถามเขาแทน “มู่น่อนน่อน กลับมาหรือยัง? “
สือเย่ วางเอกสารที่อยู่ในมือวางไว้บนโต๊ะไว้อย่างเงียบๆ พร้อมทั้งพูดอ้อมแอ้มแทน “คุณผู้หญิงกลับมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เมื่อครู่ก็มาแล้วนี่ครับ….มาหาคุณ... ”
เฉินถิงเซียวถึงนึกได้ว่า ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนั้นมาเคาะห้องหล่อนแล้วจริงๆ
ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ในวิลล่านี้ มีแค่มู่น่อนน่อนเท่านั้น
มาหาเขาเองเลยหรอ?
ก็แค่ข่าวแย่ๆที่ไม่ยุติธรรมที่ลงในอินเทอร์เน็ต ถึงขนาดมาขอร้องเขางั้นหรอ?
ดวงตาดำขลับของเฉินถิงเซียวถึงกลับส่องประกายความตื่นเต้นขึ้นมา จนนั่งเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ พร้อมทั้งเปล่งเสียงออกคำสั่ง “คุณไปเรียกหล่อนมาที่นี่หน่อย”
สือเย่ เดินออกไป ไม่นานก็พามู่น่อนน่อนมาด้วย
ยามเมื่อมู่น่อนน่อนเปิดประตูเข้ามา กลับพบว่าเฉินถิงเซียว ยังคงนั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ของเจ้านายที่โต๊ะทำงานเหมือนครั้งที่แล้ว เก้าอี้ของเจ้านายนั่นหันหลังอยู่ฝั่งตรงข้ามหล่อน
หล่อนเห็นแค่มือที่วางอยู่พนักเก้าอี้ และศีรษะที่โผล่พ้นเก้าอี้ออกมาทางด้านบน อย่างอื่นมองไม่เห็น
เฉินถิงเซียวเปิดปากถามหล่อนก่อน “มาหาฉันมีธุระอะไร? ”
คำพูดนี้น่าจะเป็นหล่อนมากกว่าที่ควรจะถามเขา?
ก่อนหน้าก็เป็นเขาที่เรียกให้หล่อนมาหา พอมาหาแล้วก็ขับไล่หล่อนไปซะนี่ ตอนนี้ก็เรียกหล่อนให้มาหาอีก ก็เพื่อจะถามว่าหล่อนว่ามีธุระอะไรงั้นหรอ?
มู่น่อนน่อนเลยพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม “ฉันอยากย้ายไปอยู่ข้างนอก”
หล่อนพูดจบ ก็ไม่เห็นว่าเฉินถิงเซียวจะตอบกลับมา หล่อนเลยอธิบายต่อ “อีกไม่นานฉันก็ไปทำงานแล้ว ถ้าพักอยู่ที่นี่ ตอนไปทำงานคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”
พอหล่อนอธิบายเสร็จแล้ว แต่กลับมีเสียงตอบกระชับกลับมา “อ้อ”
อ้อ?
นี่เป็นคำตอบที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?
ในเวลานี้เฉินถิงเซียวกลับเกิดอารมณ์ไม่ถูกใจสักเท่าไหร่
ยัยผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้ เมื่อวานยังพูดอย่างจริงใจว่าไม่รังเกียจเขา “ไม่ได้ ” วันนี้กลับมาบอกว่าอยากจะย้ายออกจากวิลล่าซะงั้น!
ฝันไปเถอะ!
มู่น่อนน่อนเห็นว่าเขาไม่ยอมพูดยอมจา เลยถามเขาอย่างสงสัย “คุณ…. ”
เฉินถิงเซียวพูดแทรกหล่อนอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าที่บ้านฉันเป็นตลาดหรือไง? จะเข้าก็เข้ามาได้ตามสบายใจ จะออกก็ออกไปง่ายแบบนั้น?
มู่น่อนน่อนฟังออกถึงน้ำเสียงความโกรธของเขา
หล่อนไม่ค่อยเข้าใจ ว่าหล่อนไปทำอะไรให้เขาโกรธ
พอเถอะ ไม่ย้ายก็ไม่ย้าย
พอกลับมาคิดอีกครั้ง หล่อนคิดว่าการที่ตัวเองมายื่นข้อเรียกร้องว่าจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกนั้น บางทีมันอาจเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้เฉินถิงเซียวก็เป็นได้
ยิ่งเป็นเฉินถิงเซียวคนแบบ “ร่างกายไม่สมประกอบ” ด้วยแล้ว “ ความอ่อนไหวง่ายทางด้านจิตใจค่อนข้างมาก ง่ายมากที่จะไปกระทบกับจิตใจของเขา
มู่น่อนน่อนคิดได้เช่นนั้น น้ำเสียงพลันอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว “ฉันรู้แล้วค่ะ ไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนค่ะ”
น้ำเสียงอันอ่อนโยนนุ่มนวลของหล่อน มันเป็นครั้งแรกที่เฉินถิงเซียว ได้ยินกับหู
เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ทำหน้าดำคร่ำเครียดแทน
“ออกไป!”
มู่น่อนน่อนถึงกลับถอนหายใจ อารมณ์ของเฉินถิงเซียวช่างแย่เหลือก้ำเหลือเกิน
เฉินถิงเซียวหันหน้ากลับมา ก็เอาเอกสารต่างๆที่อยู่ในมือที่ยังไม่ได้จัดการวางให้เรียบร้อยพลันโยนลงบนโต๊ะทำงานทันที
สือเย่ดูลักษณะอาการที่เขาแสดงออกมา ในใจก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ลึกๆ ช่วงนี้เจ้านายของเขาอยู่ดีๆก็อยากจะระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
สักพัก เฉินถิงเซียวเหมือนว่าคิดอะไรได้แบบนั้น เขาเอ่ยปากถาม “ฉันจำได้ว่าในเอกสารของมู่น่อนน่อนนั้น บนนั้นหล่อนเขียนว่าเรียนจบทางด้านสาขาภาพยนตร์ใช่มั้ย?”
สือเย่ “ใช่ครับ คุณผู้หญิงเรียนทางด้านศิลปศาสตร์ทางด้านนิเทศศาสตร์การละคร”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเฉินถิงเซียวทันที มันเป็นรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมเจ้าเล่ห์เฉกเช่นนายพรานที่กำลังเห็นเหยื่อ เงียบอยู่นานถึงได้เอ่ยขึ้นมา “งั้นก็หมายความว่า งานของหล่อนคือเขียนบทละครงั้นสิ? ”
ก่อนหน้านี้เสิ่นเหลียงได้ติดต่อกับฝ่ายการตลาดให้หล่อนหลายที่ แถมยังติดต่อพวกปาปารัสซี่อีกด้วย
ข่าวที่บอกว่าหล่อน “แย่ง” ว่าที่สามีของมู่หวั่นขีมาที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังในขณะนี้ ตอนนี้มีคนยินยอมที่จัดเตรียมเอกสารไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว
หล่อนเลือกที่จะติดต่อหนึ่งในปาปารัสซี่พวกนั้นโดยอาศัยความรู้สึก พร้อมทั้งส่งที่อยู่กับเวลานัดหมายไปให้ทางนั้น พร้อมทั้งเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปตามที่ได้นัดหมายกันไว้
พอมู่น่อนน่อนก้าวเท้าออกจากประตู ก็รีบไปยังห้องหนังสือเพื่อแจ้งให้เฉินถิงเซียวทราบทันที “คุณผู้หญิงออกนอกบ้านไปแล้วครับ”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาที่ปรากฏออกมามันมีความหมายว่า “แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน?”
ถึงแม้ว่าเขาจะชินกับสายตาที่เย็นชาของเฉินถิงเซียวแล้วก็ตาม ทว่าสือเย่แต่ยังคงกลืนน้ำลายอยู่ดี
“ผมเดาว่าคุณผู้หญิงต้องออกไปเพราะเรื่องมู่หวั่นขี แน่ๆ” เขายังคงแปลกใจอยู่ว่าคุณผู้หญิงจะรับมือมู่หวั่นขีอย่างไร อีกทั้งเขาเชื่อมันว่าเจ้านายของเขาก็คิดแบบเขาเช่นนี้อยู่ในใจ
ใครจะไปรู้ว่า เฉินถิงเซียวได้แต่ตอบรับเฉยเมยมาหนึ่งคำ “อ้อ”
ความคิดของสือเย่มึนงงทันที หรือว่าเขาจะคาดเดาผิดไป?
วินาทีต่อมานั้นเฉินถิงเซียว ยืนขึ้นมา พร้อมทั้งใส่เสื้อโค้ตแล้วเดินมุ่งหน้าออกจากห้อง “ไม่ได้เจอพี่ใหญ่นานแล้ว ฉันไปกินข้าวกับเขาดีกว่า”
สือเย่:“……”
หากเขาจำไม่ผิดไป คุณชายต้าเปียวยังอยู่ที่ต่างประเทศยังไม่ได้กลับประเทศเลย
เจ้านายคงหาข้ออ้างที่ดูดี...
ถึงแม้ว่าข้ออ้างของเฉินถิงเซียวจะดูไร้สาระ แต่สือเย่ก็ไม่กล้าแม้ที่จะพูดดักทางเขาไว้
……
เฉินถิงเซียวขับรถไปทางร้านอาหารที่มู่น่อนน่อนไป
เขานั่งอยู่ในรถยนต์ และคอยชะเง้อมองมู่น่อนน่อน ที่เดินเข้าไปในร้าน ผ่านไปยี่สิบนาทีแล้วมู่หวั่นขีถึงมาถึง
จากนั้น ก็มีผู้ชายแต่งตัวธรรมดาแต่ท่าทางน่าสงสัยคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้าน
การเป็นเจ้าของบริษัทด้านธุรกิจบันเทิงที่ทำงานอยู่เบื้องหลังนั้น เฉินถิงเซียวมองแวบเดียวก็สามารถตัดสินได้ว่า ผู้ชายที่เดินตามหลังเข้าไปนั้น เป็นปาปารัสซี่
การที่เขานั่งอยู่ในรถนี้มันไม่เสียเวลาจริงๆ ดูท่าแล้วมีฉากละครฉากเด็ดให้ดูด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...