มู่น่อนน่อนคิดมาถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของเธอไม่ได้ดีไปกว่าเฉินถิงเซียวเลย
ซือเฉิงหยู้นี่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าต้องการจะเป็นศัตรูกับเฉินถิงเซียวจริงๆ
เธอนึกไม่ออกเลยว่ามันเป็นเพราะสาเหตุอะไร ที่สามารถทำให้ซือเฉิงหยู้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเฉินถิงเซียวโดยที่ไม่สนถูกผิดอย่างหน้าด้านๆอย่างนี้ได้
บรรยากาศภายในรถซบเซาขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากที่แผนการตลอดทั้งเช้าของพวกเขาเสร็จสิ้นลง ก็ไปกินข้าวกันที่โรงแรมจีนติ่ง
สือเย่ขับรถมุ่งตรงไปยังโรงแรมจีนติ่ง
กู้จือหยั่นได้รอพวกเขาอยู่ในห้องอาหารส่วนตัวอยู่ก่อนแล้ว
ตอนที่มู่น่อนน่อนและคนอื่นๆเข้าไป เขาก็กำลังสั่งอาหารอยู่
ช่วงนี้ไม่ค่อยจะได้เจอกู้จือหยั่นอะไรเท่าไหร่เลย เขายังคงมีท่าทางเอ้อระเหยลอยชาแบบนั้นอยู่เหมือนเดิม ดึงเก้าอี้ออกแล้วขยิบตาไปทางมู่น่อนน่อน “น่อนน่อน มานั่งตรงนี้สิ”
ระดับความกระตือรือร้นนี้ของเขา ทำให้มู่น่อนน่อนประหลาดใจขึ้นมา “คุณจะประจบฉันแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางช่วยคุณพูดเรื่องดีๆกับเสี่ยวเหลียงหรอกนะ”
“อย่าเอาผมไปคิดเสียมีผลประโยชน์อะไรอย่างนั้นสิครับ ตอนนี้คุณก็คือสิ่งล้ำค่า พวกเราจะต้องคอยบริการให้คุณ” กู้จือหยั่นพูดแล้วพลางมองไปทางเฉินถิงเซียว “ถิงเซียว นายว่าใช่หรือเปล่า?”
เฉินถิงเซียวไม่สนใจเขา ดึงเก้าอี้ให้มู่น่อนน่อนด้วยตัวเอง ให้เธอนั่งลง จากนั้นตนก็นั่งลงข้างๆเธอ
กู้จือหยั่นรู้สึกว่ามันดูหม่นๆ จึงเข้าไปข้างๆฟู้ถิงซีแล้วถามเขาออกไป “เป็นอะไรไป? เรื่องมันไม่ราบรื่นหรอ?”
ฟู้ถิงซีกางมือออกเป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกัน
เขาคิดว่ามันราบรื่นดี แต่หลังจากที่เฉินถิงเซียวเจอซือเฉิงหยู้แล้ว สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก
พวกเขากินข้าวกันเสร็จ ก็เป็นปาไปแปดโมงเย็นแล้ว
กู้จือหยั่นกับฟู้ถิงซียังมีงานเลี้ยงตอนเย็นอีก เฉินถิงเซียวก็ตรงกลับบ้านไปกับมู่น่อนน่อน
……
ตอนที่ถึงบ้าน ทันทีที่มู่น่อนน่อนเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ก็เห็นเข้ากับฉินสุยซานที่กำลังเช็ดพื้นอยู่
นี่มันช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากมาก
ฉินสุยซานเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ก็เอ่ยเสียงเรียกออกมา “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ”
ถึงแม้ว่าฉินสุยซานจะหน้าบวมอยู่ แต่มู่น่อนน่อนก็ยังมองความไม่เต็มใจของเธอออก
หน้าผากของฉินสุยซานบวมจนมีสีเขียวช้ำออกมา บนใบหน้าก็แปะปลาสเตอร์ยาอยู่หลายแผ่น มู่น่อนน่อนถามออกไปโดยอัตโนมัติ “เธอยังโอเคอยู่มั้ย?”
ฉินสุยซานเหมือนจะนิ่งอึ้งไปสักพัก “ยังโอเคอยู่”
เฉินถิงเซียวไม่ได้มองฉินสุยซาน ตรงเข้าไปพามู่น่อนน่อนเดินขึ้นไปข้างบน “ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ”
ตรงมุมบันได มู่น่อนน่อนได้หันหน้ากลับไป ก็เห็นฉินสุยซานนั่งยองๆลงกับพื้นถูพื้นอีกครั้ง
“...” ฉินสุยซานนี่ถูกตบจนสมองกลับไปแล้วหรือไง เตรียมพร้อมที่จะเป็นคนใช้เต็มตัว?
มู่น่อนน่อนถูกความคิดนี้ของตัวเองทำเอาใจหายใจคว่ำไปหมด
ทั้งสองคนกลับมาถึงห้อง มู่น่อนน่อนก็เข้าไปอาบน้ำ เท้าเธอเพิ่งจะเข้าห้องอาบน้ำไป โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา
เฉินถิงเซียวหันไปมองตามจิตใต้สำนึก ก็เห็นข้อความบนหน้าจอปรากฏออกมาว่า “มาจากคุณปู่”
เขานึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้ท่านปู่เฉินกับมู่น่อนน่อนได้เพิ่มเพื่อนกันในวีแชทแล้ว
มองไปทางห้องอาบน้ำเล็กน้อย ด้านในกำลังมีเสียงน้ำดังขึ้นพอดี
เฉินถิงเซียวจึงได้หยิบโทรศัพท์มา เปิดอ่านข้อความ
ข้อความเสียงที่ท่านปู่เฉินส่งมา เฉินถิงเซียวกดฟังดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...