และคนที่จัดฉากนี้คือใครกัน
มีจุดประสงค์อะไร
เป็นคนตระกูลเฉินหรือไม่
ถ้าหากเป็นคนตระกูลเฉิน ทำไมเขาถึงทำได้ขั้นที่ใช้คุณท่านเฉินเป็นตัวดึงมู่น่อนน่อนเข้าไปอยู่ในฉากเกม
ทำไมถึงต้องเป็นวันแรกของการขึ้นปีใหม่
มู่น่อนน่อนพลางครุ่นคิดคำถามเหล่านี้ พลางเดินไปที่ห้องของคุณท่านเฉิน
เมื่อวันก่อน เธอยังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟากับคุณท่านเฉินอยู่เลย คุณท่านเฉินยังให้เธอกับเฉินถิงเซียวต้องดีต่อกัน
แต่ผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้น คุณท่านเฉินกลับมานอนโคม่าอยู่ในโรงห้องผ่าตัด
มู่น่อนน่อนรู้สึกแน่นหน้าอก
เธอหันหลังเดินออกไป : “ไปกันเถอะ”
สือเย่ยังคงเดินตามหลังเธอ
เธอกลับไปที่ห้อง สือเย่เฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง
ตอนที่กำลังปิดประตู เธอหันหน้ามาคุยกับสือเย่หนึ่งประโยค :“ลำบากแล้วนะ”
เพราะเป็นถึงวันแรกของปีใหม่ สือเย่กลับยังถูกเฉินถิงเซียวเรียกตัวออกมา
“คุณหญิงน้อยเกรงใจแล้วครับ คุณผู้ชายเชื่อใจในตัวผม ผมถึงได้มาทำงานแทนกับเขาในเวลาแบบนี้” สือเย่คำนับเบา ๆ ท่าทางยังคงระวังสุขุมเยือกเย็น
มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก ใบหน้ามีรอยยิ้มที่มุมปาก และเข้าห้องไป
……
จนกระทั่งฟ้ามืดแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครกลับมา
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์มา อยากจะโทรถามเฉินถิงเซียวถึงสถานการณ์
ถึงแม้ในใจเธอจะคิดว่า คำพูดของเฉินถิงเซียวที่พูดกับเธอก่อนหน้านี้ อาจจะไม่ได้มาจากใจ แต่ว่าเธอก็ยังไม่กล้าโทรอยู่ดี
เธอไม่อยากได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชาของเฉินถิงเซียว
เมื่อก่อนที่เธอมีช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในบ้านตระกูลมู่ เธอก็ยังไม่รู้สึกว่าจะทุกข์มากขนาดนี้
ตอนนี้แค่ได้เสียงที่เย็นชาของเฉินถิงเซียวที่พูดกับเธอ เธอกลับรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ใจ
เธอถูกเฉินถิงเซียวตามใจมากเกินไปแล้ว
ก๊อกๆ!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทันใด
มู่น่อนน่อนแอบดีใจ คิดว่าเฉินถิงเซียวกลับมาแล้ว จึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู
ประตูถูกเปิดออก มู่น่อนน่อนมองผู้ที่มาอย่างชัดเจน ความดีใจที่มีได้มลายหายไปสิ้น
คนที่ยืนอยู่ด้านนอกหน้าประตูไม่ใช่เฉินถิงเซียว แต่เป็นคนรับใช้ที่มาส่งอาหารให้เธอ
มู่น่อนน่อนถามคนรับใช้ว่า : “คุณผู้ชายยังไม่กลับมาเหรอ”
คนรับใช้แค่เพียงส่ายหน้า วางจานอาหารลงแล้วหันหลังจากไป
ตอนที่เปิดประตูนั้น เธอสังเกตเห็นสือเย่ยังคงพาบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
เธอเปิดประตูอีกครั้ง ถามสือเย่ว่า : “เฉินถิงเซียวมีโทรมาคุยอะไรกับนายไหม”
“ไม่มีครับ” สือเย่ก้มหน้าลง ไม่หันไปมองใบหน้าที่ผิดหวังของมู่น่อนน่อนอีก
สุดท้ายเธอไม่ได้โทรศัพท์หาเฉินถิงเซียว
และก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะนอน จึงหยิบผ้าห่มห่อตัวพักผ่อนอยู่บนโซฟา
หลังจากที่สะลึมสะลือจนหลับใหลไป ก็รู้สึกเหมือนที่ห้องมีคนเดินเข้ามา
ถึงแม้ว่าคนที่เดินนั้นจะพยายามเดินให้เสียงเบาที่สุด แต่มู่น่อนน่อนก็ยังคงได้ยิน และยังตื่นขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...