ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 254

มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็มองเฉินถิงเซียวหน้านิ่งๆ

สีหน้าท่าทางถมึงทึงของเฉินถิงเซียว น่ากลัวราวกับสิงโตที่โมโหดุร้าย พร้อมจะกระโจนเข้ามากัดมู่น่อนน่อนได้ตลอดเวลา

ขณะที่มู่น่อนน่อนพูดคำเหล่านี้ออกมานั้น ระคนด้วยความโกรธและการหยั่งเชิง

เธอไม่สามารถที่จะเกลี้ยกล่อมตัวเองได้ ที่เฉินถิงเซียวจู่ ๆ เปลี่ยนเป็นคนไม่มีเหตุผลเช่นนี้

สักพัก เฉินถิงเซียวสีหน้าท่าทางก็ค่อยๆผ่อนคลายลง แล้วเขาก็กล่าวขึ้นเบาๆ : “ในเมื่อคุณก็รู้ว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะตระกูลเฉินได้ อย่างนั้นก็จงอยู่นิ่งๆและเชื่อฟังดีๆ”

น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นสุดขีด กัดแต่ละคำพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ และก็ซ่อนด้วยความเย็นชาหนาวเหน็บ 

รูม่านตามู่น่อนน่อนหดตัวขึ้น ไม่ทันรอให้เธอได้พูด เฉินถิงเซียวก็เปิดปากพูดขึ้นอีก

“สำหรับลูก ทางที่ดีคุณอย่าคิดไม่ดี” เฉินถิงเซียวกระตุกมุมปากเผยรอยยิ้มยะเยือกจางๆ แล้วก็หันหลังออกไป

มู่น่อนน่อนนั่งอยู่บนโซฟา มองตามแผ่นหลังของเฉินถิงเซียวที่เดินออกไป

เธอจ้องประตูที่ถูกปิดอยู่ครึ่งวินาที แล้วก็เอนหลังลงบนโซฟาอย่างท้อแท้ใจ 

วันนี้ช่างผ่านไปอย่างตื่นเต้น

เอนตัวอยู่บนโซฟาแล้วรู้สึกไม่สบายตัว มู่น่อนน่อนจึงได้นอนราบลงอยู่บนโซฟา ในใจคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้

เมื่อตอนเช้าที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น มีคนรับใช้มาเรียกเธอ บอกว่าคุณปู่เรียกให้เธอไปพบ

จากนั้นเธอก็ไปพบคุณท่านเฉิน ปรากฏว่าคุณท่านเฉินไม่ได้อยู่ในห้อง เธอได้ยินเสียงที่บันไดจึงได้เดินเข้าไป คุณท่านเฉินก็ตกลงจากบันได

และก็ถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที คุณท่านเฉินอยู่ในห้องผ่าตัด เฉินชิงเฟิงซักไซ้คนรับใช้

คนรับใช้บอกว่าได้ยินเสียงของเธอถึงได้ออกมา แล้วพบว่าคุณท่านเฉินตกลงมา เวลานี้เฉินถิงเซียวตั้งคำถามกับเฉินชิงเฟิง และเฉินอินหย่าก็โผล่มาบอกว่ามู่น่อนน่อนมีเหตุผลในการทำร้ายคุณปู่……

เหตุผลของเฉินอินหย่าช่างน่าขำชะมัด เธอจะทำร้ายคุณปู่ด้วยเรื่องของฉินสุ่ยซานได้อย่างไร

ถ้าเป็นคนปกติก็จะรู้ว่าเหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น

แต่เฉินถิงเซียวกลับเชื่อคำพูดของเฉินอินหย่า ตั้งแต่ที่เขากลับมาตอนค่ำ แต่ละคำพูดแต่ละประโยคล้วนแฝงด้วยความสงสัยในตัวเธอ

คนอื่นยังไม่ทันพูดอะไร เฉินถิงเซียวก็เสนอให้ตำรวจมาตรวจสอบเรื่องนี้ แม้แต่คำพูดจะทางตรงหรือทางออ้อมก็ล้วนเป็นการสงสัยเธอ

จุดนี้มีความน่าสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

เฉินถิงเซียวราวกับจงใจโยงเธอให้เข้ามาเกี่ยวเรื่องนี้

ทำไมเฉินถิงเซียวถึงต้องทำแบบนี้

ในเวลาเช่นนี้ ตามนิสัยของเฉินถิงเซียว ปฏิกิริยาการตอบสนองทั่วไปของเขา จะไม่ใช่ดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เป็นการไปสืบหาความจริง

นอกเสียจาก……

นอกเสียจากเฉินถิงเซียวรู้ความจริง รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้!

ถ้าเป็นแบบนี้ ที่เขาลากมู่น่อนน่อนเข้ามาเกี่ยวเรื่องนี้ เขานั้นมีจุดประสงค์อื่น

มู่น่อนน่อนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองคิดตกแล้ว แต่เมื่อย้อนทบทวนอีกที ก็รู้สึกเหมือนเรื่องราวจะไม่ใช่เป็นแบบนี้

คิดไปคิดมาก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

วันรุ่งขึ้นตอนที่ตื่นขึ้นมา เธอพบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่บนเตียง

มู่น่อนน่อนลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง แล้วก็จับไปที่ข้างๆอย่างงุนงง ปรากฏว่าไม่มีร่างของเฉินถิงเซียว

เธอจำได้ว่าตัวเองเมื่อคืนนอนหลับอยู่บนโซฟา

เฉินถิงเซียวกลับมาเหรอ

มู่น่อนน่อนสวมเสื้อคลุมแล้วลงจากเตียงไปเปิดประตูห้อง หน้าประตูยังคงมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่

สือเย่ไม่อยู่ บอดี้การ์หน้าตาค่อนข้างคุ้นตา เคยเจอที่คฤหาสน์ของเฉินถิงเซียวก่อนหน้านี้

เธอจึงค่อนข้างเบาใจลง ถามพวกเขาขึ้น : “เฉินถิงเซียวเมื่อคืนกลับมาเหรอ”

บอดี้การ์ดตอบตามความจริง : “คุณผู้ชายได้กลับมาครั้งหนึ่งตอนดึก ฟ้ายังไม่สางก็ออกไปแล้วครับ”

“เขาได้บอกอะไรหรือเล่า” มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว ถามอย่างรีบร้อน

บอดี้การ์ดส่ายหน้า 

มู่น่อนน่อนเม้นปากแล้วถามขึ้นอีก : “แล้วพวกนายรู้หรือเปล่าว่าคุณท่านเฉินเป็นอย่างไรบ้าง”

บอดี้การ์ดก็ยังคงส่ายหน้า

มู่น่อนน่อนปิดประตูแล้วกลับเข้าไปในห้อง

ครุ่นคิดไปมา จึงตัดสินใจจะหยิบโทรศัพท์มาเพื่อโทรหาเฉินถิงเซียว

ปรากฏว่า เธอหาโทรศัพท์ของตัวเองไม่เจอ

เฉินถิงเซียวดึกดื่นกลับมาแล้วก็เอาโทรศัพท์ของเธอไปเหรอ

มู่น่อนน่อนจึงได้ไปหาบอดี้การ์ดที่ประตูอีกครั้ง : “พกโทรศัพท์หรือเปล่า ให้ฉันยืนโทรศัพท์ใช้หน่อย”

บอดี้การ์ดไม่ได้ยื่นโทรศัพท์ให้กับมู่น่อนน่อนโดยตรง แต่กลับถามขึ้น : “คุณหญิงน้อยอยากจะโทรศัพท์หาคุณผู้ชายเหรอครับ”

มู่น่อนน่อนเกิดความมึนงงในใจ แต่ก็ได้พยักหน้าแล้วตอบ: “อืม”

บอดี้การ์ดโทรศัพท์ติดเฉินถิงเซียวแล้วถึงได้ยื่นโทรศัพท์ไปให้กับมู่น่อนน่อน : “คุณหญิงน้อยครับ”

โทรศัพท์ดังอยู่สักพักถึงได้รับสายขึ้น

เฉินถิงเซียวน้ำเสียงค่อนข้างแหบแห้ง

“มีเรื่องอะไร”

เฉินถิงเซียวน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนก็เย็นชาเช่นกัน : “เมื่อคืนคุณกลับมาเหรอ”

เฉินถิงเซียวน้ำเสียงดูเหมือนจะเริ่มหงุดหงิด : “มีอะไรก็พูดมา”

“คุณปู่เป็นอย่างไรบ้าง”

“ยังไม่ฟื้น”

“โทรศัพท์ของฉันล่ะ”

“ไม่รู้”

มู่น่อนน่อนอดกลั้นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงวันนี้ เวลานี้อดกลั้นต่อไปไม่ไหวจึงพูดคำหยาบออกมา : “คุณอย่ามาตอแหล เมื่อคืนคุณกลับมาแล้วเอาโทรศัพท์ของฉันไปล่ะสิ”

ไม่รอให้เฉินถิงเซียวได้พูด มู่น่อนน่อนก็กล่าวต่อ : “คุณกลัวว่าฉันจะใช้โทรศัพท์แล้วเห็นอะไรบางอย่างเหรอ หรือกลัวว่าฉันจะโทรศัพท์หาคนอื่น”

“ไม่มีเรื่องอะไรก็แค่นี้นะ”

เฉินถิงเซียวกล่าวจบก็กดวางสายทิ้งไป

มู่น่อนน่อนกลั้นการกระทำที่อยากจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง แล้วคืนโทรศัพท์ให้กับบอดี้การ์ดไป : “ขอบคุณ”

จากนั้นก็หันหลังเข้าห้องไป

เมื่อเธอเข้ามาในห้อง ก็ถีบใส่ประตูสองครั้ง

เฉินถิงเซียวไอ้คนเลว! 

ผ่านไปไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงเคาะดังขึ้น

“คุณหญิงน้อย ถึงเวลาทานข้าวแล้วค่ะ”

น้ำเสียงฟังแล้วค่อนข้างคุ้นหู

“ไม่อยากกิน!” เธอโมโหจนอิ่มแล้ว ไม่มีอารมณ์จะทานข้าว

“ท่านเองไม่ทาน ก็ต้องคิดถึงลูกในท้องด้วยนะ”

มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว คนรับใช้คนไหนของตระกูลเฉินที่พูดจาแบบนี้

ผ่านไปไม่กี่วินาที แววตามู่น่อนน่อนก็เป็นประกาย วิ่งเหยาะๆไปเปิดประตูห้อง : “เสี่ยวเหลียง!”

คนที่มานั้นก็คือเสิ่นเหลียง

เสิ่นเหลียงมองเธอแล้วก็กล่าวขึ้นด้วยความโกรธ : “ยังไม่อยากทานข้าวอีก ดูเธออวดเก่งเข้าสิ!”

“เข้าไปกันก่อนเถอะ”

คนที่พูดคือกู้จือหยั่นที่ยืนอยู่ด้านหลังเสิ่นเหลียง

มู่น่อนน่อนก็รู้ว่าหน้าประตูไม่ใช่ที่สำหรับพูดคุยสนทนา เธอเปิดประตูให้สองคนเข้ามาแล้ว ก็ปิดประตูลง

มู่น่อนน่อนพลางทานข้าวพลางถาม : “พวกเธอมาได้ยังไง”

เสิ่นเหลียงมองมา แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ออกมาแล้วยื่นมาที่ด้านหน้าของมู่น่อนน่อน  และก็กดไปมาบนโทรศัพท์จากนั้นก็ยื่นมาให้มู่น่อนน่อนอีก

มู่น่อนน่อนเปิดหนังสือพิมพ์ก่อน

ด้านบนพาดหัวข่าวเกินครึ่งหน้ากระดาษ เป็นเรื่องของคุณท่านเฉิน

นักข่าวเขียนข่าวหนึ่งหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยการเดาและเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ประโยคท้ายสุดยังชี้ตัวผู้ต้องสงสัยมาทางมู่น่อนน่อน

เสิ่นเหลียงถามเธอด้วยความเป็นห่วง : “น่อนน่อน เธอไม่ได้ดูข่าวเหรอ”

มู่น่อนน่อนโยนหนังสือพิมพ์ลงข้างๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ของเสิ่นเหลียงมา : “โทรศัพท์หายไป”

เรื่องที่คุณท่านเฉินกลิ้งตกจากบันได ไม่ถึงขั้นต้องทำให้เรื่องสะเทือนใหญ่โตเช่นนี้

แต่เหตุผลที่ต้องสะเทือนขนาดนี้ เพราะคนที่ผลักคุณท่านเฉินอาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นหลานสะใภ้ของเขา

ความแค้นของคนรวยเช่นนี้ คนส่วนใหญ่ต่างอยากรู้อยากเห็น

เรื่องนี้ค่อนข้างร้อนแรง พาดข่าวหน้าหนึ่งไปตั้งหลายสื่อ

หลังจากที่ถูกเฉินถิงเซียวสงสัย แล้วก็มาเห็นสิ่งเหล่านี้ เฉินถิงเซียวก็ไม่มีความรู้สึกอีกต่อไป เธอเพียงเงยหน้าแล้วถามเสิ่นเหลียง : “เธอเชื่อว่าฉันเป็นคนผลักคุณท่านเฉินหรือเปล่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม