เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเฉินถิงเซียวแล้ว มู่น่อนน่อนพลันตกอยู่ในภวังค์อยู่ชั่วครู่
หลังจากที่เฉินถิงเซียวเรียกเธอเอาไว้ แต่กลับไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย
ทั้งสองคนเงียบงันกันอยู่นาน มู่น่อนน่อนเริ่มพูดก่อน “วันนี้ฉันไปกองถ่ายมา”
เฉินถิงเซียวน้ำเสียงเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “อืม”
มู่น่อนน่อนกลับมายังเมืองหู้หยางแต่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร เธอกับฉินสุ่ยซานร่วมงานกัน และไปเปิดงานกองละคร《เมืองพัง》ด้วยกัน ซึ่งก็ไม่ใช่ความลับอะไร
คนที่ทำงานในวงการสื่อสารมวลชน จมูกมักจะได้กลิ่นไวกว่าปกติ ส่วนมู่น่อนน่อนเป็นคนนิสัยพูดตรงเจาะจงไปเลย คงไม่มีทางที่พวกนักข่าวจะไม่สนใจ
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานั้น คดีของคุณท่านเฉินก็ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งเมือง จากนั้นเธอก็วางเพลิงเผาวิลล่าของเฉินถิงเซียว ข่าวเล่ากันมาว่าเธอนั้นถูกไฟคลอกตายไปแล้ว
คำพูดเหล่านี้เห็นได้ชัดว่ากำลังถกเถียงกันอย่างเต็มที่
ซึ่งมู่น่อนน่อนเองก็ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวแอบจัดการเรื่องนี้อย่างไร เธอรู้แค่ว่าคดีระหว่างเธอกับคุณท่านเฉินบนอินเทอร์เน็ตไม่มีแม่แต่เงาใดๆ หลงเหลืออยู่เลย
ถูกลบไปอย่างสะอาดหมดจดมาก
พอผ่านเกินครึ่งปีได้ ก็ไม่มีคนเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย
แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้ว ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีวิธีการในการจัดการที่ชัดเจนออกมาสักที
ทางพวกสื่อฯเองก็ไม่กล้าจะไปหาคนของตระกูลเฉิน ทว่าพวกเขาสามารถมาหามู่น่อนน่อนเองได้เลย
มู่น่อนน่อนไม่เห็นท่าทีของเฉินถิงเซียวที่จะเป็นคนออกมาพูดความจริงเองเลย จึงพูดตรงๆ ออกไป “คุณให้คนไปไล่พวกสื่อฯออกไปแล้วเหรอ?”
บรรดาพวกนักข่าวเหล่านั้นคงไม่ปล่อยโอกาสที่ได้สัมภาษณ์เธอไปอย่างแน่นอน หลังจากมีการเปิดกล้องละครแล้ว แต่กลับไม่มีคนได้สัมภาษณ์เธอเลย คงต้องมีคนทำอะไรสักอย่างขึ้นมา
ในเมืองหู้หยาง คนที่มีความสามารถทำได้อย่างนี้ ไม่ใช่ว่าคือเฉินถิงเซียวหรอกเหรอ?
เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ก็ยังคงเงียบงันอยู่
ความเงียบงันเช่นนั้นเท่ากับเป็นการยอมรับแล้ว
มู่น่อนน่อนสูดลมหายใจเข้า พลางพูดว่า “เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันมีขีดจำกัดของฉันเอง คุณดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”
เธอเคยคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว สถานการณ์ของเฉินถิงเซียวในเวลานี้ก็ไม่ดีเลย
เธอเองก็ไม่รู้ว่าทางตระกูลเฉินมีความลับอะไรอยู่ แต่เห็นได้ชัดมากว่าทุกอย่างมันพุ่งเป้ามาที่เฉินถิงเซียว
สักพัก เฉินถิงเซียวพลางพูดเสียงทุ้มต่ำออกมา “มู่น่อนน่อน อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า”
จิตใต้สำนึกของมู่น่อนน่อนเต้นโครมครามทันที พร้อมทั้งตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็กดโทรศัพท์วางสายไป
ความจริงแล้วเธอก็ได้เตรียมตัวที่จะถูกพวกสื่อฯมารุมล้อมสัมภาษณ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งทางสื่อฯต้องถามเธอเรื่องของคุณท่านเฉินอย่างแน่นอน
มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเฉินมู่ถูกใครสักคนในตระกูลเฉินลักพาตัวไป พอถึงตอนนั้นเธอดันพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดต่อหน้าสื่อฯ ใครสักคนในตระกูลเฉินต้องมาหาเธออย่างแน่นอน
ขอแค่กล้าไปแหย็มกับคนในตระกูลเฉิน เธอถึงมีโอกาสได้รู้ข่าวคราวของเฉินมู่
เธอไม่สามารถทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถมัวแต่นั่งรอคอยความตายได้ และการมัวมานั่งรอคอยเธออย่างไม่จบไม่สิ้น จนทำให้เธอจวนจะเป็นบ้าไป
เฉินถิงเซียวเป็นคนเฉลียวฉลาดเช่นนี้ ก็คาดเดาความคิดของเธอออกตั้งแต่แรก
แต่ว่า ในเรื่องนี้ เธอก็ไม่มีทางถอยได้แล้ว
เธอต้องทำเรื่องบางอย่างเพื่อเฉินมู่
……
ละครเรื่อง《เมืองพัง》เปิดกล้องได้อย่างราบรื่นมาก ปกติแล้วมู่น่อนน่อนก็ไม่ได้มีธุระอะไรสักเท่าไหร่ ฉะนั้นพอว่างก็ไปยังกองถ่าย
เธอกับฉินสุ่ยซานนั่งอยู่ใต้ร่มกันแดดอยู่สองคน ฉินสุ่ยซานดื่มน้ำไปด้วยและเอ่ยปากถาม “วันนี้อากาศร้อนมาก อยู่บ้านเปิดแอร์ไม่ดีกว่าเหรอ? ใช่สิ ลูกแกล่ะ? พอแกกลับมาฉันก็ไม่เคยได้ยินแกเอ่ยปากถึงลูกแกเลยนะ”
ใบหน้าของมู่น่อนน่อนปรากฏรอยยิ้มแย้มแจ่มใสปานฉีกจนถึงรูหู เธอข้ามคำพูดของฉินสุ่ยซานไป และเอ่ยปากถามกลับมาแทน “นักข่าวที่แกติดต่อไว้ใจได้ไหม? มาได้ไหมเนี่ย?”
ระยะสองสามวันนี้มู่น่อนน่อนได้รับงานสัมภาษณ์กับนักข่าวเอาไว้ ซึ่งเธอเองก็ตกปากรับคำให้สัมภาษณ์ ทว่าบรรดานักข่าวจู่ ๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจ หรือเส้นทางที่จะมาสัมภาษณ์นั้นเกิดปัญหาขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วนมาก
มู่น่อนน่อนยังไม่เข้าใจว่าเฉินถิงเซียวเล่นตุกติกอะไร
ดังนั้น เธอเลยต้องมาหาฉินสุ่ยซาน
“คนที่ฉันหามาให้มีเหรอจะไว้ใจไม่ได้อีก? รอดูไปเถอะ” ฉินสุ่ยซานชำเลืองมองมู่น่อนน่อนอยู่แวบเดียวพร้อมทั้งพูดและยิ้มออกมาด้วยหน้าตาจริงจัง “แกถึงขั้นสร้างกระแสให้กับ《เมืองพัง》 ถือว่าสู้สุดตัว”
อากาศก็ร้อนเหลือเกิน แม้ว่าจะนั่งอยู่ใต้ร่มกันแดดก็ตาม ก็ยังเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่ตลอดเวลา
มู่น่อนน่อนหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดเหงื่อตนเอง น้ำเสียงดูปกติมาก “ไม่ใช่ว่าฉันกลัวว่าแกเสียเงินฟรีนะอาชีพฉันก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และไม่อยากทำลายการไม้เด็ดของมู่น่อนน่อนของฉันให้ป่นปี้ไป”
ฉินสุ่ยซานชำเลืองมองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ และก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของเธอหรือเปล่า
มู่น่อนน่อนได้พูดเนื้อหาโดยรวมกับฉินสุ่ยซานก็คือ การสร้างกระแสให้《เมืองพัง》ดังระเบิดก่อนที่จะเริ่มออกอากาศเธอถึงได้เสนอตัวต่อหน้าทุกคนในการรับการสัมภาษณ์จากนักข่าว เพื่อเป็นการสร้างกระแสให้กับ《เมืองพัง》ออกมาระลอกหนึ่ง
ช่วงนี้ทุกกองละครก่อนที่จะออกอากาศ ก็จะสร้างกระแสมีประเด็นในอินเทอร์เน็ตให้โด่งดังไปก่อน และนี่ก็ถือว่าเป็นกฎในการโฆษณามืออาชีพออกไปอย่างหนึ่ง
แม้ว่าฉินสุ่ยซานจะไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดของมู่น่อนน่อนในการใช้ตนเองเพื่อสร้างกระแสขึ้นมา แต่ว่าตัวของมู่น่อนน่อนเองยังไม่แยแสเลย เธอก็ไม่ต้องพูดมากอะไรแล้ว
ในแนวคิดทางธุรกิจนั้น เธอย่อมต้องการสร้างกระแสให้《เมืองพัง》ดังระเบิดขึ้นไปเรื่อย ๆ อยู่แล้ว
ฉินสุ่ยซานคิดจริง ๆ ว่ามู่น่อนน่อนทำเพื่อ《เมืองพัง》ถึงได้ตกปากรับคำให้สัมภาษณ์ ยังไม่ลืมเตือนเธอเอาไว้ด้วย “ได้เวลาแล้ว พวกเขาก็น่าใกล้จะมาถึงกันแล้ว คำถามของพวกเขาก็น่าจะเชือดเฉือนพอตัว ถ้าแกไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ งั้นก็รีบหาเรื่องแอบโทรศัพท์มาหาฉันอะไรเทือกนั้นแล้วกัน”
มู่น่อนน่อนพยักหน้าทันที “ฉันรู้แล้ว ขอบใจแกมาก”
เธอขอบคุณฉินสุ่ยซานจากใจจริงๆ
ตอนที่ฉินสุ่ยซานซื้อนิยายเรื่องนี้ของเธอ และให้เธอมีเงินเดินทางไปต่างประเทศ ตอนนี้ก็ยังคงช่วยเหลือตั้งมากมาย เธอขอบคุณฉินสุ่ยซานจากใจจริงๆ
ฉินสุ่ยซานกลอกตามองบน “อาการผิดปกตินะเนี่ย”
……
ผ่านไปไม่นาน นักข่าวที่ฉินสุ่ยซานช่วยจัดหาให้มู่น่อนน่อนก็มาถึงแล้ว
มู่น่อนน่อนกำลังจะไปจากกองละครพอดี ก็ถูกนักข่าวล้อมรอบดักเอาไว้ทันที
“สวัสดีครับ คุณมู่น่อนน่อน ผมเป็นนักข่าวของXX มีคำถามสองสามคำถามอยากจะถามคุณ....”
“สวัสดีค่ะ! ฉันเป็นนักข่าวของXX …”
“คุณมู่น่อนน่อน.....”
นักข่าวจำนวนไม่น้อย ที่เข้ามารุมล้อมมู่น่อนน่อนดักทางเอาไว้อย่างแน่นหนา
สีหน้าของมู่น่อนน่อนปรากฏท่าทางตกใจออกมาเล็กน้อย แต่กลับไม่มีอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด
เธอยกมือขึ้นเพื่อทัดผมหลังใบหูของตนเอง น้ำเสียงดูเป็นธรรมชาติ “ฉันรู้ว่าพวกคุณมีคำถามมากมายที่ต้องการจะถาม แต่ว่าฉันมีเวลาจำกัด หวังว่าพวกคุณจะเลือกถามประเด็นสำคัญกันมาเลย”
“ไม่ทราบว่าคุณมู่ หลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้ที่วิลล่าของตุณชายเฉินในครั้งนั้นแล้ว คุณไปอยู่ที่ไหนมา? มีคนพูดว่าคุณหนีคดีความผิด คุณคิดว่ายังไง?”
“คุณมู่ ตอนนี้คุณกลับมายังเมืองหู้หยางได้อย่างเปิดเผยยิ่งใหญ่ขนาดนี้ คุณไม่กลัวคนของตระกูลเฉินจะมาหาเรื่องคุณเหรอ?”
“ตอนนี้คุณกับคุณชายเฉินยังอยู่ในฐานะสามีภรรยากันหรือไม่?”
“เรื่องจริงหรือเปล่าที่คุณผลักคุณท่านเฉินตกบันไดลงมา”
“……”
คำถามต่างๆนานาของนักข่าวพุ่งเป้ามาที่มู่น่อนน่อนอย่างไม่ขาดสาย
สีหน้าแววตาของมู่น่อนน่อนยังคงเช่นเดิม การแสดงออกค่อนข้างสงบนิ่งมาก “พวกคุณถามกันเยอะมากเลย ฉันขอตอบคำถามเรื่องที่พวกคุณสนใจกันมากก็แล้วกัน ฉันไม่ได้เป็นคนผลักคุณท่านเฉินตกบันได ไม่งั้นฉันจะมายืนทนโท่อยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ถึงอย่างไรพวกเราต่างอยู่ในสังคมในการอยู่ร่วมกันโดยอยู่ในกรอบกฎหมายกันทั้งนั้น ไม่มีใครที่ทำผิดและจะรอดไปจากกฎหมายโดยการไม่รับโทษได้ พวกคุณพูดสิว่ามันจริงไหม?”
เวรกรรมตามทัน ต่อให้ชั่วช้าขนาดไหนก็ไม่มีวันอยู่เหนือกฎหมาย
คดีที่เฉินถิงเซียวกับแม่ของเขาถูกลักพาตัวไป เรื่องที่คุณท่านเฉินพลัดตกบันได และเรื่องที่เฉินมู่ถูกจับตัวไปอีก...
คนที่ทำความผิดที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องพวกนี้ ต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ถูกคนฟื้นฝอยขุดเรื่องความจอมปลอมออกมา เพื่อได้รับโทษทางกฎหมาย
รายละเอียดความจริงยังไม่ถูกตรวจจนเจอ ก็เพราะว่าปกปิดไว้ลึกซึ้งอย่างมาก ต้องมีสักวันที่ถูกขุดขึ้นมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม