ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 292

ตอนที่มู่น่อนน่อนพูดคำนี้ออกมา น้ำเสียงดูจริงใจและเปิดเผย จนทำให้บรรดานักข่าวต่างตกใจกันเป็นแถว

จนบรรยากาศนิ่งเงียบไปชั่วครู่

จากนั้นมู่น่อนน่อนก็พูดต่อ “แม้ว่าตัวฉันเองไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นเลยไม่กลัวว่าทางคนของตระกูลเฉินจะมาหาฉัน อีกทั้ง คนของทางตระกูลเฉินต่างก็เป็นคนที่มีเหตุผลขนาดนั้น คงไม่จงใจหาเรื่องกับฉันทั้งที่ไม่มีเหตุผลใดๆ”

สิ่งที่เธอพูดออกมาถือว่ามีมูลถูกต้องอย่างแท้จริง

ทางตระกูลเฉินมีอำนาจบารมีมาก ถ้ามู่น่อนน่อนทำอะไรกับคุณท่านเฉินจริง ๆ ทางตระกูลเฉินก็คงไม่ปล่อยให้เธอกลับมายังเมืองหู้หยางอย่างหน้าชื่นตาบานหรอก

เวลานั้นเอง ไม่รู้ว่านักข่าวคนไหนเป็นคนเอ่ยปากถามขึ้นมาเอง “ครึ่งปีที่ผ่านมาตั้งแต่ไฟไหม้ในครั้งนั้นแล้วหาตัวคุณไม่เจอ ดังนั้นคนอื่นต่างคิดว่าคุณตายไปแล้ว งั้นครึ่งปีที่ผ่านมานั้นคุณไปไหนมา? ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวเลย?”

มู่น่อนน่อนเงยหน้ากวาดตามองนักข่าวที่อยู่ด้านหน้า เมื่อฉุกคิดเรื่องการใช้ชีวิตครึ่งปีที่ผ่านมานั้น พลันนึกถึงลูกสาวที่เพิ่งจะเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว จากนั้นก็พูดตามปกติ “พักรักษาตัว”

คำสามคำถือว่าเป็นการบอกการใช้ชีวิตที่ผ่านมาตั้งครึ่งปีนี้

นักข่าวเริ่มถามไล่เบี้ยต่อกัดไม่ปล่อย “เป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ในครั้งนั้นใช่ไหม? งั้นตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณชายเฉินคืออะไรกัน? พวกคุณยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ใช่ไหม? หรือว่าพวกคุณหย่าร้างกันแล้ว?”

มู่น่อนน่อนข้ามคำถามครึ่งประโยคแรกของนักข่าวไปทันที “เรื่องฉันกับเฉินถิงเซียวมีความสัมพันธ์กันอย่างไร มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ขอโทษด้วย”

บางครั้งก็อย่าได้พูดจนหมดเปลือก แม้ว่าจะโกหกก็ตาม ยังไงเสียก็ต้องหาทางออกไว้ให้ตนเองบ้าง

ในครึ่งปีที่ผ่านมานั้นเธอไปพักรักษาตัวคลอดลูกที่ต่างประเทศมาจริง ๆ แต่ว่าเธอไม่ได้ยอมรับว่าเธอได้รับบาดเจ็บในตอนไฟไหม้ในครั้งนั้นด้วย

ส่วนนักข่าวเองก็ไม่ยังไม่ยอมลดละลงซะที ยังคงดื้อรั้นที่จะถามต่อ “คุณหลีกเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามนี้ นั่นใช่เป็นการแสดงว่าคุณกับคุณชายเฉินได้หย่าร้างกันแล้ว และไม่ได้มีความสัมพันธ์สามีภรรยากันอีก?”

เพราะว่าตอนนี้เฉินถิงเซียวเข้ามารับกิจการของบริษัทเฉินซื่อแล้ว ถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาในวงการธุรกิจ แถมยังเป็นผู้มั่งคั่งและมีอำนาจในมือมากที่สุดอีกด้วย การที่ได้สร้างความสัมพันธ์เรื่องชายหญิงระหว่างเฉินถิงเซียวถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่าเรื่องจองคุณท่านเฉิน

ความสัมพันธ์ของกับมู่น่อนน่อนในเวลานี้ ไม่ใช่แค่พวกสื่อมวลชนอยากจะรู้เรื่องเท่านั้น หญิงสาวผู้รากมากดีในสังคมชั้นสูงของเมืองหู้หยางนับไม่น้อยก็รอเฝ้าที่จะปีนขึ้นไป เพื่อต้องการจะครอบครองตำแหน่งคุณหญิงของตระกูลเฉินกันทั้งนั้น

มู่น่อนน่อนหลุบตาต่ำ ทำสีหน้านิ่งสงบแต่ไม่ยอมพูดอะไรมาก “ขอโทษด้วย ไม่สามารถพูดได้ค่ะ”

ฉินสุ่ยซานไม่ได้เดินไปไหนไกล แถมยังคอยมองสถานการณ์ทางนี้อยู่ตลอดเวลา

เมื่อเห็นว่ามู่น่อนน่อนไม่ยอมพูดแล้ว นั่นก็หมายความว่าให้เจ้าหน้าที่กองถ่ายเข้าไปได้แล้ว

เจ้าหน้าที่กองถ่ายต่างรับสัญญาณจากเธอ ก็เดินเข้าไปทันที พลางแยกนักข่าวกับมู่น่อนน่อนออกจากกัน “พอแล้วนะ พอแล้ว จบการสัมภาษณ์เท่านี้ก่อน”

“คุณมู่ รบกวนช่วยตอบหน่อย...”

นักข่าวที่ยังไม่พอใจกับคำตอบที่เพิ่งจะได้รับมาจากมู่น่อนน่อน

ส่วนมู่น่อนน่อนเองก็หันไปและเดินไปอีกทางแทน

ฉินสุ่ยซานเดินตาม

“ตกลงว่าแกกับเฉินถิงเซียวหย่ากันแล้วเหรอ?” เธอกับนักข่าวพวกนั้นก็เหมือนกัน เพราะสนใจความสัมพันธ์ระหว่างเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนมาก

มู่น่อนน่อนหยุดฝีเท้าทันที พลางหันหน้าไปประเมินเธออย่างละเอียด

“มองฉันด้วยสายตาแบบนี้ทำไม?” ฉินสุ่ยซานคลำใบหน้าของตนเองทันที แม้ว่าแววตาของมู่น่อนน่อนจะนิ่งมากก็ตาม แต่ว่าการถูกจ้องมองเช่นนี้ เธอเองยังมีความรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก

ผ่านไปไม่กี่วินาที มู่น่อนน่อนถึงได้พูดออกอย่างเงียบงัน “แกสนใจเฉินถิงเซียวเขาเหรอ?”

ฉินสุ่ยซานพลันนึกถึงท่าทางเย็นชาปากแข็งดื้อรั้นของเฉินถิงเซียว รีบส่ายหน้าทันที “เปล่านะ”

มู่น่อนน่อนคลี่ยิ้มตรงมุมปาก ราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มอยู่เช่นนั้นแต่ไม่พูดอะไรออกมา “งั้นฉันก็ไม่บอกแกหรอก”

“เฮ้! นี่....” ฉินสุ่ยซานตกหลุมพรางกับคำพูดของเธอซะแล้ว พลางอึกอักอยู่นานถึงได้เปล่งเสียงออกมาได้ “แต่ว่าฉันเพิ่งจะช่วยแกเยอะเลยนะ!”

มู่น่อนน่อนหันศีรษะกลับมายิ้มให้เธอ “ขอบใจนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวแก”

ฉินสุ่ยซาน “…”

เธอก็พูดเรื่องมู่น่อนน่อนผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า ดูเหมือนเป็นพวกตุ๊กตานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ทว่าในใจนั้นไม่รู้ว่ามีความอัดอั้นความคิดพิกลมากน้อยอยู่ขนาดไหนกัน

……

เรื่องที่มู่น่อนน่อนให้สัมภาษณ์ ชั่วครู่ก็ถูกเสนอข่าวทันที

และก็กลายเป็นคำค้นหาที่ถูกค้นหามากที่สุดเป็นกระแส จนติดอันดับแฮชแท็กท็อปเทรนด์อันดับหนึ่งไปทันที

จำนวนคนที่เข้ามาถกเรื่องกันเริ่มมากขึ้นเรื่อยอย่างไม่ขาดสาย

หลังจากที่มู่น่อนน่อนถ่ายละครเรื่อง《เมืองพัง》และได้เปลี่ยนชื่อWeibo เป็นมู่มู่ จากนั้นก็เพิ่มตัว V เพื่อเป็นการยืนยัน ข้อความตัวการยืนยันก็คือ:นักเขียนบท《เมืองพัง》

เมื่อติดแฮชแท็กWeiboแล้ว ก็มีคนหาเวยป๋อของมู่ม่อนม่อนได้เจอ

บรรดาแฟนคลับWeiboของมู่น่อนน่อนเพิ่มขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

ID Weiboอันนี้ของเธอ ซึ่งเป็นตอนที่เธอฉีกหน้ามู่หวั่นขีเลยสมัครเอาไว้ก่อน

แต่ว่า ตอนที่เธอยืนยันตัวตนนั้น เธอก็ลบWeiboก็ว่างเปล่าไปหมดแล้ว เนื้อหาWeiboในตอนนี้เหลือเนื้อหาไม่กี่ข่าวเอง และก็รีโพสต์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับบทละครของ《เมืองพัง》ไปยังWeiboแทน

คอมเม้นท์ข่าวแรกที่อยู่ด้านล่างWeiboต่างมีคนเข้ามาพูดถึงกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างฉุดไม่อยู่

มู่น่อนน่อนไปเจอกับคอมเม้นต์หนึ่งเข้า จนรู้สึกตื่นเต้นขึ้น แถมมีคนพูดจากระแนะกระแหนใส่

“มาดูผู้หญิงที่เคยแต่งงานกับมหาเศรษฐี”

“ต้องหย่าร้างกับคุณชายเฉินตั้งนานแล้วแน่ ไม่งั้นก็คงไม่มานั่งหลังขดหลังแข็งเขียนบทละครเพื่อเลี้ยงดูตัวเองหรอก”

“มีคนเคยเห็นหน้าเธอไหม? สวยไหม?”

“เมืองพังเหรอ? ฟังชื่อแล้วดูแล้วไม่ใช่ละครดีอะไรเลย”

“ฉะนั้นเรื่องของคุณท่านเฉินตกลงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนทำร้ายหรือเปล่า?”

“《เมืองพัง》เพิ่งจะเริ่มเปิดกล้องเอง ผู้หญิงคนนี้ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ก็คงสร้างกระแสเรียกเรตติ้งแหละ!”

“……”

สำหรับเรื่องคอมเม้นต์นั้น มู่น่อนน่อนเอาแต่หัวเราะอยู่ตลอด แทบไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ

คนที่ต้องการจะมาหาเธอ ก็ย่อมจะมาหาเธออยู่ดี

สิ่งที่เธอควรทำเธอก็ทำลงไปแล้ว รอแค่พวกเขามาหาถึงที่ก็พอแล้ว

แต่ว่า ก่อนที่คนเหล่านั้นจะมาหา มู่น่อนน่อนก็ต้องรอให้เฉินถิงเซียวมาก่อน

หลังจากที่มู่น่อนน่อนจัดการรีเฟรช Weibo เสร็จแล้ว ตอนที่กำลังเตรียมทำกับข้าวเย็น ออดหน้าประตูก็ดังทันที

มู่น่อนน่อนจ้องมองผ่านช่องตาแมว ตอนที่เห็นว่าเป็นเฉินถิงเซียว จนเกิดอาการตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เปิดประตู

เธอไม่อยากจะเปิดประตูเลย

ราวกับรู้ว่าในใจของมู่น่อนน่อนกำลังคิดอะไรอยู่เลย เฉินถิงเซียวยกมือขึ้นเพื่อเคาะประตูอีกสองครั้ง พลางพูดเสียงทุ้มต่ำ “มู่น่อนน่อน ผมรู้ว่าคุณอยู่ตรงนี้ จะเปิดประตูดีๆ หรือว่าให้ผมเรียกคนมาพังประตูเข้าไป”

หัวรุนแรง!

มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากเอาไว้ จากนั้นก็เปิดประตู และแทบไม่มองหน้าเขาด้วย พอเปิดประตูแล้วก็หันตัวเดินเข้าห้องทันที

เห็นได้ชัดว่าเฉินถิงเซียวกำลังจัดการกับอารมณ์กราดเกรี้ยวอยู่ หลังจากเขาเข้ามาแล้ว ก็จัดการปิดประตูทางด้านหลังดัง “ปึง” พลันเดินมาขวางทางด้านหน้าและดึงแขนของมู่น่อนน่อนเอาไว้ และพูดอย่างกราดเกรี้ยว “มู่น่อนน่อน ผมพูดกับคุณว่ายังไงนะ ไม่ให้คุณทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไง”

นิ้วของเฉินถิงเซียวราวกับคีมที่คีบแขนของเธอเอาไว้แน่น เธอลองขัดขืนกลับแต่กลับรู้สึกว่าไม่ขยับเขยื้อนสักนิด

มู่น่อนน่อนไม่มีวิธีอื่นแล้ว ทำได้แค่หายใจเข้าออกตามปกติ “ฉันไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้านี่ ฉันคิดดีซึ่งมันมากพอแล้ว ตอนนี้ฉันก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวมากแล้ว! ฉันก็แค่ให้พวกเขาเข้ามาหาฉันเองเลย!”

“คุณรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นคนประเภทไหนกัน? ให้พวกเขาเข้ามาหาคุณเองเลยเนี่ย คุณปู่กับเฉินมู่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากให้เห็นแล้วนี่ แล้วคุณยังจะ....”

พอมู่น่อนน่อนได้ยินเขาเอ่ยถึงเฉินมู่ น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย “เฉินมู่? เฉินมู่เป็นเด็กที่เพิ่งจะเกิดมาเอง ลูกไปหาเรื่องอะไรพวกเขากันเหรอ? ก็เปล่าเลย! คนในตระกูลเฉินกลุ่มนั้น ไม่มีความเป็นคนทำเรื่องชั่ว ๆ โดยไม่คำนึงถึงอะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว มัวแต่มานั่งรอหายใจทิ้งไปวัน ๆ ไม่เท่ากับเริ่มสวนกลับบ้างสิ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม