มู่น่อนน่อนไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้ออาหาร จากนั้นเธอก็ขับรถไปที่คอนโดของเฉินถิงเซียว
ผลตรวจความเป็นพ่อของซือเฉิงหยู้และเฉินชิงเฟิงออกมาในวันนี้ แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะสามารถยืนยันผ่านเฉินถิงเซียวได้ว่าทั้งสองต้องเป็นมีความสัมพันธ์แบบพ่อ-ลูก แต่ในใจเธอก็ยังรู้สึกประหม่า
เธอนึกถึงคำพูดของเสิ่นชูหาน ตระกูลเฉินนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด
นี่เธอได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง
เมื่อเธอไปที่คอนโดของเฉินถิงเซียว คนที่ไปรับผลการตรวจDNAยังมาไม่ถึง
เฉินถิงเซียวกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ในมือเขาถือบุหรี่ไว้ แต่ไม่ได้จุดไฟ
เฉินถิงเซียวไม่ค่อยสูบบุหรี่ อย่างน้อยเฉินถิงเซียวในอดีตก็ไม่เคยติดบุหรี่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เฉินถิงเซียวก็เอาบุหรี่ในมือไปวางไว้ที่โต๊ะกาแฟตรงหน้าเขา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางของมู่น่อนน่อน "รถติดเหรอ?"
ดวงตาของเขาก็ไปสะดุดกับสิ่งของในมือของเธอ เขาสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินไปหาเธอ และช่วยยกทุกสิ่งที่อยู่ในมือของเธอออก
“คุณไปซื้อของพวกนี้มาจะทำอะไร?” เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดีนัก และสีหน้าของเขาก็ดูไม่พอใจเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนรู้ว่าทำไมเฉินถิงเซียวถึงดูไม่พอใจ เธอเลยพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า “เมื่อคืนตอนที่คุณพ่อของคุณมาที่นี่ ข้อแก้ตัวที่ฉันบอกเขาก็คือฉันมาทำอาหารให้คุณทานเพื่อเอาชนะใจคุณ แน่นอนว่าฉันต้องแกล้งทำให้สมจริงหน่อยสิ"
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าเขาก็ดูเย็นชามาก เขานำของที่มู่น่อนน่อนซื้อไปไว้ในตู้เย็นทีละชิ้น
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ที่ประตูห้องครัว เธอมองเขาก้มลงเอาของเก็บเข้าไปข้างใน เธออดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขา "ท่าทีของคุณเย็นชาเหมือนตู้เย็นเลยนะ"
เฉินถิงเซียวหันหน้าไปและชำเลืองมองเธอ และพูดเบาๆ ว่า "ผมก็เย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็งได้เหมือนกันนะ คุณอยากสัมผัสดูไหม?"
“ไม่” มู่น่อนน่อนรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
เฉินถิงเซียวปิดประตูตู้เย็นและเดินไปหาเธอโดยไม่ยิ้ม
มู่น่อนน่อนก้าวถอยหลังทันที
สีหน้าของเฉินถิงเซียวดูแย่กว่าเดิม และเขาก็คว้ามือของมู่น่อนน่อนไว้ "จะหลบทำไม?"
มู่น่อนน่อนบอกความจริง “ฉันกลัวว่าคุณจะตีฉัน”
“เหอะ” เฉินถิงเซียวเย้ยหยัน “ถ้าทุกครั้งที่คุณทำให้ผมโกรธแล้วผมจะตีคุณ คุณก็คงจะตายไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นครั้งแล้ว”
“ฉันทำให้คุณโมโหบ่อยเหรอ?” มู่น่อนน่อนแปลกใจกับคำว่า “หนึ่งหมื่นครั้ง” ของเขา
น้อยครั้งที่ทั้งสองคนจะต่อปากต่อคำกันแบบนี้ มู่น่อนน่อนชอบความรู้สึกนี้มาก
เฉินถิงเซียวแสร้งทำเป็นดุ “คุณคิดว่ายังไงละ?”
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากก่อนจะหัวเราะออกมา ในขณะที่เธอกำลังจะพูด เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
ทั้งสองมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่าคนที่ไปเอาผลตรวจDNAความเป็นพ่อลูกมาถึงแล้ว
มู่น่อนน่อนตีที่มือเขา “ฉันจะไปเปิดประตู”
เฉินถิงเซียวปล่อยเธอ จากนั้นก็เดินไปที่โซฟาและนั่งลง
มู่น่อนน่อนเปิดประตู และเธอพบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกคือสือเย่
สือเย่ไม่แปลกใจที่เห็นมู่น่อนน่อน แต่เขามักจะเรียกออกมาด้วยความเคยชินว่า "คุณหญิง"
“เข้ามาเร็ว” มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างๆ หลังจากรอให้สือเย่เข้ามา เธอก็ปิดประตู
สือเย่ถือซองกระดาษไว้ เขาเดินไปหาเฉินถิงเซียวอย่างรวดเร็ว "คุณชาย นี่คือผลการตรวจ"
เฉินถิงเซียวเปิดซองกระดาษ และเอารายงานการประเมินข้างในออกมา เขาเปิดดูทีละหน้า และก็หยุดที่คำว่า "มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...