ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 337

เฉินชิงเฟิงกระตุกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มลึกลับจนเกินคาดเดา “ถิงเซียวติดตามเรื่องของแม่เขา เรื่องของคุณปู่กระตุ้นความสงสัยของเขา ไม่ช้าก็เร็วเขาจะรู้เรื่องของเรา แน่นอนว่าผมต้องป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ”

เฉินเหลียนได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ราวกับว่าได้กินผลของความมั่นใจ จึงผ่อนลมหายใจยาวโล่งอก ในใจรู้สึกผ่อนคลายลงมาบ้าง “ฉันกลัวแทบตายจริงๆ นะ”

เฉินชิงเฟิงยื่นมือไปตบๆ ไหล่ของเฉินเหลียน “วางใจ เขาฉลาดแค่ไหน ก็สู้ผมไม่ได้หรอก”

เฉินเหลินขมวดคิ้ว ยังคงมีความกังวลอยู่เล็กน้อย

……

ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ 《เมืองพัง》 ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

ก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนจะอยู่กับทีมงาน สาเหตุหลักเป็นเพราะบทละครของตัวเองถูกสร้างเป็นซีรีส์ครั้งแรก แม้จะเป็นแค่ซีรีส์ออนไลน์ แต่เธอรู้สึกเห่อมาก ทันทีที่ว่างก็จะไปกองถ่าย

ช่วงนี้เธอไม่ได้ไปกองถ่ายมากนัก

《เมืองพัง》ถ่ายทำมาเกือบเดือนแล้ว เนื้อหาครึ่งแรกถ่ายทำเสร็จแล้ว ส่วนครึ่งหลังต้องไปถ่ายทำในสถานที่อื่น

เพราะต้องไปถ่ายทำนอกเมือง ในกองถ่ายมีคนมากมาย ต้องใช้เวลาในการจัดการ ทีมงานจึงหยุดสองวัน

ฉินสุ่ยซานที่พักผ่อน นัดมู่น่อนน่อนมาทานข้าวด้วยกัน

ช่างบังเอิญเมื่อสถานที่ที่เลือกคือโรงแรมจีนติ่ง

มู่น่อนน่อนตอบรับคำชวนของเธอด้วยความยินดี

แม้ว่าฉินสุ่ยซานจะเป็นฝ่ายนัดเธอ แต่ฉินสุ่ยซานกลับไปถึงช้ากว่าเธอ

มู่น่อนน่อนรอไปสิบนาที ฉินสุ่ยซานถึงเพิ่งมา

“ขอโทษนะ รถติดนิดหน่อย” ฉินสุ่ยซานพูดอย่างค่อนข้างเสียใจ

มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ฉันก็เพิ่งถึง”

ทั้งสองคนสั่งอาหารเรียบร้อย และพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับกองถ่าย

ทันใดนั้น ฉินสุ่ยซานเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ถามเธอว่า “ช่วงนี้มีข่าวลือหนึ่งคุณเคยได้ยินบ้างไหม”

“ข่าวลืออะไร” มู่น่อนน่อนไม่ได้ใส่ใจ ฉินสุ่ยซานนั้นพื้นฐานครอบครัวไม่เลว ทั้งยังคร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิง มีหลายช่องทางที่จะได้ยินข่าวของพวกบรรดาไฮโซหรือคนดัง เธอจึงไม่ได้แปลกใจแล้ว

ฉินสุ่ยซานพูดอย่างมีลับลมคมในว่า “เกี่ยวกับตระกูลเฉิน”

มู่น่อนน่อนสีหน้านิ่งไปทันที ส่งเสียงถามว่า “ข่าวลืออะไร”

เธอไม่ได้เจอเฉินถิงเซียวมาหลายวันแล้ว เธอโทรหาเฉินถิงเซียว เขาก็มักจะยุ่ง

เวลาที่เฉินถิงเซียวโทรมาหาเธอ ทุกครั้งคุยกันไปไม่กี่คำก็บอกว่ามีงานยุ่งอยู่

ดังนั้น ช่วงนี้เธอจึงติดต่อกับเฉินถิงเซียวน้อยมาก และไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกด้วยเช่นกัน จึงไม่ได้ยินข่าวลืออะไรเลย

“มีคนบอกว่า เฉินชิงเฟิงเลี้ยงเมียน้อยอยู่ข้างนอกมาตลอด แถมยังมีลูกด้วย” น้ำเสียงฉินสุ่ยซานกลายเป็นดูหมิ่น “ที่ผ่านมาทุกคนยังคิดว่าเฉินชิงเฟิงเป็นผู้ชายที่รักเดียวใจเดียว หลังจากภรรยาเสียชีวิต หลายปีดีดักก็ไม่แต่งงาน และไม่เคยมีข่าวลือเรื่องอื้อฉาว......”

มู่น่อนน่อนสีหน้านิ่งอึ้ง แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ “มันเป็นแค่ข่าวลือไม่ใช่เหรอ อาจจะเท็จก็ได้”

“ก็จริง เพราะยังไงตอนนี้ทุกคนก็ชอบปั้นน้ำเป็นตัว ศิลปินคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก ครั้งหนึ่งเธอเดินอยู่บนถนนแล้วเกิดปวดท้องจนนั่งยองลงไปกับพื้น เป็นผลให้ปาปารัสซี่ถ่ายรูป แล้วบอกว่าเธอเห็นแฟนเก่ามีแฟนใหม่จึงนั่งยองๆ กับพื้นร้องไห้...…”

มู่น่อนน่อน “……….”

“แต่เรื่องนี้ก็ยังกระทบต่อบริษัทเฉินซื่อค่อนข้างมาก สองวันนี้หุ้นเริ่มตกแล้ว”

ฉินสุ่ยซานสนใจเรื่องลูกนอกสมรสของเฉินชิงเฟิงอย่างเห็นได้ชัด เธอพูดจบก็ถามมู่น่อนน่อนว่า “ฉันไม่ได้เจอเฉินชิงเฟิงหลายครั้งนัก คุณคิดว่าเขาเป็นคนแบบไหน เหมือนว่ามีลูกนอกสมรสอยู่ข้างนอกไหม”

มู่น่อนน่อนส่ายโคลงแก้วเครื่องดื่มโดยไม่รู้ตัว ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “มีปฏิสัมพันธ์ด้วยน้อยมาก ก็เลยไม่ค่อยรู้แน่ชัดนักว่าเขาเป็นคนแบบไหน......”

ดีที่ฉินสุ่ยซานไม่ได้เจาะลึกเรื่องนี้ พูดไปเรื่อยๆ ก็เริ่มพูดคุยกับเธอเรื่องอื้อฉาวและความรักความสัมพันธ์ของคนดังคนอื่นๆ

มู่น่อนน่อนฟังไปอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย

เธอฟังฉินสุ่ยซานพูดไปพลาง ใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเองค้นหาข่าวออนไลน์ของบริษัทเฉินซื่อไปพลาง

อย่างที่คาดไว้เมื่อเจอว่าสื่อรายงานว่าเฉินชิงเฟิงถูกสงสัยว่ามีลูกนอกสมรสอยู่ข้างนอก

สามารถมองออกได้ว่าสื่อเหล่านี้ยังคงมีจิตสำนึกที่คำนึงถึงชีวิตคนอื่นอยู่มาก เพราะเพิ่มคำว่า “สงสัย” เข้าไปด้วย

ถ้าคำพูดของเฉินเหลียนเป็นความจริง ก็แสดงว่าเป็นคนที่เฉินชิงเฟิงรักใคร่ชอบพอมายาวนานจริง

ความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตมีทั้งแง่บวกและแง่ลบ

“ฉันคิดว่าต้องมีคนทำกับบริษัทเฉินซื่อแน่ๆ~”

“คอมเมนท์บนน่ะ คุณรู้ไหมว่าตระกูลเฉินเป็นตระกูลแบบไหน ไหนเลยจะมีใครกล้าทำอะไรบริษัทเฉินซื่อ”

“เฉินถิงเซียว: นี่ผมตายแล้วเหรอ”

“ถ้าเป็นเรื่องจริง ชู้รักของเฉินชิงเฟิงต้องพังแน่”

“ข่าวนี้ออกมาสองวันแล้วนะ ไม่เห็นบริษัทเฉินซื่อจะจัดการเลย หรือว่าเป็นเรื่องจริง......”

ดูมาถึงคอมเมนท์นี้ ในใจมู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัย

หรือว่าเป็น “ข่าวลือ” ที่เฉินถิงเซียวปล่อยออกมา

บอกว่า “ข่าวลือ” อันที่จริงก็ไม่นับว่าเป็น “ข่าวลือ” เพราะท้ายที่สุดแล้วเฉินชิงเฟิงมีลูกนอกสมรสจริงๆ

มู่น่อนน่อนวางโทรศัพท์มือถือลง เงยหน้ามองไปยังฉินสุ่ยซาน “ข่าวลือนี้ออกมานานหรือยัง”

“หลายวันแล้ว” ฉินสุ่ยซานพูดจบ ก็มองมู่น่อนน่อนด้วยรอยยิ้มกริ่ม “คุณยังสนใจเรื่องของตระกูลเฉินอยู่มากเลยนะเนี่ย ตอบมาตามตรง คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับเฉินถิงเซียวแล้วจริงเหรอ”

มู่น่อนน่อนยิ้มอย่างไม่แสดงอาการ “ก็แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”

“คุณไม่ได้ปฏิเสธ” ฉินสุ่ยซานยิ่งยิ้มมากกว่าเดิม

มู่น่อนน่อนเลิกคิ้ว ฉินสุ่ยซานจึงรีบพูดว่า “เอาล่ะๆ พูดเรื่องงานดีกว่า พรุ่งนี้กองถ่ายจะออกเดินทางไปถ่ายทำอีกจังหวัดแล้ว คุณอยากตามไปไหม”

มู่น่อนน่อนส่ายหน้า พูดติดตลกว่า “ฉันไม่ไปดีกว่า ยังไงบทละครก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉันไปก็ต้องใช้ห้องพิเศษเพิ่มหนึ่งห้อง แถมยังทานข้าวกล่องเพิ่มอีก”

ฉินสุ่ยซานกลอกตาอย่างหยาบคาย “ต้องขอบคุณคุณจริงๆ คิดเลยว่าจะประหยัดเพื่อกองถ่ายด้วย”

……

ฉินสุ่ยซานพูดคุยกับมู่น่อนน่อนเรื่อง “ข่าวลือ” ตลอดเวลาใจเธอค่อนข้างไม่สามารถวางเรื่องนี้ลงได้เลย

เมื่อพูดคุยกันมาได้ครึ่งทาง ขณะที่เธอไปเข้าห้องน้ำ ยังอดไม่ได้ที่จะโทรหาเฉินถิงเซียว

สายถูกเชื่อมต่อ มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงอึกทึกดังมาจากฝั่งเฉินถิงเซียว

มู่น่อนน่อนดูเวลาครู่หนึ่ง ตอนนี้หนึ่งทุ่ม เธอส่งเสียงถามออกไปว่า “กำลังงานยุ่งเหรอ”

“เปล่า ทานข้าวอยู่ข้างนอก” เมื่อสิ้นเสียงของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันมั่นคงของเขา “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไร” เฉินถิงเซียวทานข้าวอยู่ข้างนอก มู่น่อนน่อนจึงไม่มีแผนจะถามอะไรมากนัก

มู่น่อนน่อนวางสาย แล้วออกจากห้องน้ำ เดินข้ามผ่านทางเดินไปที่ห้องโถง แล้วก็เห็นเฉินถิงเซียวออกมาจากลิฟต์เพียงลำพัง

สภาพอากาศของต้นเดือนกันยายนยังร้อนอยู่มาก แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่ได้รู้สึกถึงความร้อนเลย บนกายยังคงเป็นชุดสูทเรียบร้อย

เฉินถิงเซียวออกมาจากลิฟต์โดยไม่แสดงสีหน้า ร่างกายแผ่ออร่าเย็นชาที่พาให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ ช่วงขายาวเดินตรงเข้าไปยังห้องอาหารวีไอพีห้องหนึ่ง

เดิมทีมู่น่อนน่อนอยากส่งเสียงเรียกเขา แต่เขาเดินเร็วเกินไปและดูรีบร้อนมาก มู่น่อนน่อนไม่ทันได้เรียกเขา ได้แค่ตามหลังเขาไป

เธอเห็นเฉินถิงเซียวเข้าไปในห้องอาหารวีไอพีแล้ว เมื่อประตูปิด เธอสังเกตเห็นว่าในห้องไม่มีคนอื่น

เฉินถิงเซียวนัดทานข้าวกับใครกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม