มู่น่อนน่อนสงสัยอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกลับไปหาฉินสุ่ยซาน
ขณะนี้กำลังเป็นเวลาอาหารเย็น ห้องอาหารจึงเต็มไปด้วยผู้คน
มู่น่อนน่อนกลับมาถึงโต๊ะแล้วนั่งลง หันหน้ากลับไปมองผ่านฝูงชนยังทิศทางของห้องอาหารวีไอพีที่เฉินถิงเซียวเข้าไป
ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวบอกว่าทานข้าวอยู่ข้างนอก เธอยังคิดว่าเขาอยู่กับกู้จือหยั่น ที่แท้ก็เพิ่งมา
แต่ถ้าเฉินถิงเซียวนัดทานข้าวกับกู้จือหยั่น แน่นอนว่ากู้จือหยั่นจะต้องมาถึงก่อนเวลา
ถ้าอย่างนั้น ที่เฉินถิงเซียวนัดคือใคร
ผ่านไปไม่นานนัก เมื่อคนคุ้นเคยคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องอาหาร สายตามู่น่อนน่อนมองตามเขา เห็นว่าสถานที่ที่เขาไปคือทิศทางของห้องอาหารวีไอพีที่เฉินถิงเซียวเพิ่งเข้าไป จึงอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าประหลาดใจ
พื้นที่ห้องโถงกับห้องอาหารนั้นแยกออกจากกัน บริเวณห้องอาหารวีไอพีจะเงียบกว่า
“เหมือนคุณจะค่อนข้างเหม่อตลอดเลยนะ คุณกำลังมองอะไรอยู่” ฉินสุ่ยซานที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอหันหน้ามองตามสายตาของเธอไป และได้เห็นว่าเฉินชิงเฟิงเข้าไปในห้องอาหารวีไอพีห้องหนึ่งพอดี
ฉินสุ่ยซานสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาฉับพลัน แต่ก็ยังกระซิบอย่างระมัดระวังมากว่า “นั่นมันเฉินชิงเฟิงไม่ใช่เหรอ พ่อสามีเก่าของคุณน่ะ!”
“ใช่ค่ะ” มู่น่อนน่อนส่งเสียงตอบ ความคิดล่องลอยไปไกลแล้ว
เฉินถิงเซียวนัดทานข้าวกับเฉินชิงเฟิงงั้นเหรอ
ทั้งสองคนในตอนนี้ความสัมพันธ์ไม่ลงรอยกันเหมือนน้ำกับไฟ ทำไมเวลานี้ถึงนัดออกมาทานข้าวกันตามลำพังได้
หรือว่า “ข่าวลือ” นั่นเฉินถิงเซียวให้คนปล่อยออกมาจริง ฉะนั้นเฉินชิงเฟิงจึงต้องมาเจรจากับเฉินถิงเซียว?
“คุณรู้ไหม ตอนนี้ฉันอยากแจ้งกับนักข่าวเป็นพิเศษเลย” ฉินสุ่ยซานพูดจบแล้วส่ายหน้า “ต่อให้ฉันแจ้งนักข่าวไป เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มีนักข่าวกล้ามาสัมภาษณ์พ่อสามีเก่าคุณหรอก”
“พ่อของสามีเก่าอะไร คุณอย่าพูดเหลวไหล” สาเหตุหลักเลยคือฟังแล้วค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ
ฉินสุ่ยซานเงียบ มองไปยังมู่น่อนน่อนด้วยตาไม่กะพริบ
“อะไรล่ะ” มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง “ถ้าคุณชอบเรียกแบบนี้จริงๆ ก็ไม่มีปัญหา......”
ทันใดนั้นฉินสุ่ยซานก็พูดเนือยๆ ออกมาหนึ่งประโยค “บอกตามตรงนะ ที่จริงฉันไม่เชื่อว่าคุณกับเฉินถิงเซียวจะหย่ากันจริงๆ”
“ฮะ?” มู่น่อนน่อนกะพริบตาปริบๆ “จริงเหรอ ท่าทางคุณเหมือนรู้จักเฉินถิงเซียวดีเลยนะ.......”
“ความรู้สึก! ความรู้สึกน่ะเข้าใจไหม คนบางคนมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่เหมือนคนประเภทที่เป็นคนเลวมีเมียน้อย และเฉินถิงเซียวก็ดูจะเป็นคนประเภทที่ใจมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ฉันจึงสงสัยว่าพวกคุณไม่ได้หย่ากัน แต่เป็น......”
ฉินสุ่ยซานพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็นิ่งไป
มู่น่อนน่อนถูกฉินสุ่ยซานทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เลิกคิ้วถามว่า “แต่เป็นอะไร”
ฉินสุ่ยซานเพิ่มคำต่อไปนี้ทีละคำ “คุณทิ้งเขา!”
“แค่ก......” มู่น่อนน่อนสำลักน้ำที่ตัวเองเพิ่งดื่มเข้าปาก “คุณอย่าพูดครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ได้ไหม”
ฉินสุ่ยซานเบิกตากว้าง “คุณทิ้งเขาจริงเหรอ”
เธอแค่พูดเล่นเฉยๆ หรือว่าเธอเดาได้
“พรุ่งนี้คุณต้องขึ้นเครื่องบิน ทานเสร็จแล้วกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อย ถ้าจะนินทาอีกแบบนี้ ทำไมคุณไม่ไปเป็นปาปารัสซี่ซะเลยล่ะ......”
“ถ้าฉันเป็นปาปารัสซี่ จะจับตาดูคุณขุดคุ้ยข่าวคุณทุกวันเลย!”
“………”
ทั้งคู่เพิ่งทานข้าวเสร็จ ฉินสุ่ยซานก็ถูกผู้ช่วยของเธอโทรมาเรียกให้ไป
มู่น่อนน่อนสังเกตไปยังทิศทางของห้องอาหารวีไอพีที่เฉินถิงเซียวอยู่ตลอดเวลา และไม่เห็นเขาออกมาเลย
มู่น่อนน่อนลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะตัดสินใจเดินไปดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...