“ซูชิงหนิง?”
มู่น่อนน่อนชะงักไปหลายวินาที ก็นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
เธอเป็นเพื่อนบ้านของซือเฉิงหยู้ในวัยเด็ก และเป็นคู่หมั้นของซือเฉิงหยู้เช่นกัน
แต่ว่าเฉินเจียฉินเคยบอกกับเธอว่า ตอนที่ซูชิงหนิงออกไปถ่ายภาพยนตร์ในฉากหิมะ และพบกับหิมะถล่ม มีชีวิตอยู่ไม่พบคน ตายก็ไม่พบศพ
เฉินถิงเซียวหาเธอพบได้อย่างไร
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร จูงเธอเดินไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะอาหาร
“ซู...” มู่น่อนน่อนยังไม่เข้าใจความหมายของเฉินถิงเซียว
ตามสิ่งที่เฉินเจียฉินเคยพูด ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินถิงเซียวกับซูชิงหนิงนั้นไม่เลว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่ควรจะทักทายซูชิงหนิงหรอกหรือ
ซูชิงหนิงนั่งลงตาม “คุณเฉิน”
เฉินถิงเซียวถามเธอ “ข้อมูลที่ผมให้คุณล้วนอ่านหมดแล้ว?”
“อ่านหมดแล้วค่ะ” ซูชิงหนิงพยักหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงนุ่มนวลราวกับขนนก
มู่น่อนน่อนนั่งมองอยู่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “คุณคือซูชิงหนิงจริงๆหรือคะ”
ซูชิงหนิงลูบใบหน้าตัวเอง “คุณหญิงน้อยคิดว่าฉันเหมือนไหมคะ”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ฉันไม่เคยเจอซูชิงหนิงค่ะ”
ซูชิงหนิงยิ้มบางๆ มองดูแล้วสง่างามและอ่อนโยน “ทั่วทั้งร่างฉันผ่านการศัลยกรรมมา”
มู่น่อนน่อนตะลึงมองซูชิงหนิงอ้าปากค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก จากนั้นก็หันขวับไปมองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวยกมือ เอ่ยกับซูชิงหนิงว่า “คุณสามารถออกไปได้แล้ว”
“ค่ะ คุณชาย” ซูชิงหนิงลุกขึ้นยืน และค่อยๆเดินออกไป
เมื่อเธอออกไป มู่น่อนน่อนก็ถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ คนคนนี้ไม่ใช่ซูชิงหนิงตัวจริง แต่เป็นตัวปลอม?”
เฉินถิงเซียวคีบอาหารแทนเธอ อธิบายอย่างไม่ใส่ใจว่า “อืม ผมหาคนที่รูปร่างพอๆกับชิงหนิงมาคนหนึ่ง และหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งมาเปลี่ยนเธอให้เป็นชิงหนิง”
มู่น่อนน่อนนึกถึงท่าทางของ “ซูชิงหนิง” คนนั้น มองดูแล้วเป็นธรรมชาติมาก ทั้งยังมีบุคลิกที่ดีมาก ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ทำศัลยกรรมมา
เธอไม่เคยพบกับซูชิงหนิงตัวจริง ดังนั้นจึงอาศัยการประเมินของเธอว่าเหมือนกับซูชิงหนิงคนเดิมคนนั้นหรือไม่
ยังมี การศัลยกรรมจำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายยาวนาน แต่บนใบหน้าซูชิงหนิงคนนี้ไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าในอดีตเคยผ่าตัดศัลยกรรมมาก่อน ทั้งยังฟื้นฟูร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย
นั่นก็หมายความว่า ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วเฉินถิงเซียวก็เริ่มป้องกันซือเฉิงหยู้แล้ว
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณจะใช้เธอมารับมือกับซือเฉิงหยู้หรือคะ”
“เพียงแค่เป็นปุถุชนคนธรรมดา ทุกคนล้วนมีจุดอ่อน” เฉินถิงเซียวยัดตะเกียบใส่มือเธอ “กินข้าว”
มู่น่อนน่อนจับตะเกียบเอาไว้ ก้มหน้าเริ่มกินข้าว
เธอกินได้น้อยและช้ามาก เฉินถิงเซียวกระตุ้นเธออยู่ข้างๆ
มู่น่อนน่อนไม่มีความอยากอาหารจริงๆ เธอเม้มริมฝีปาก มองไปทางเฉินถิงเซียวด้วยสีหน้าลำบากใจ “คุณมีธุระก็ไปทำเถอะค่ะ ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันไม่ได้กินข้าวไม่เป็น ฉัน...”
เธอยังเอ่ยไม่ทันจบ เฉินถิงเซียวก็รับเอาตะเกียบของเธอไป “ผมจะป้อนคุณ”
สุดท้ายมู่น่อนน่อนก็ถูกเขาบีบบังคับให้กินลงไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเธอกินไม่ลงแล้วจริงๆ เฉินถิงเซียวถึงได้ปล่อยเธอไป
เมื่อกลับไปที่ห้อง เขาก็ช่วยอาบน้ำให้มู่น่อนน่อน จากนั้นก็ไปยังห้องใต้ดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...