เสิ่นเหลียงมองไปทางห้องครัว “ฉันไปช่วยเป็นลูกมือให้น่อนน่อน นายก็อยู่ให้สงบเสงี่ยมสักหน่อย”
กู้จือหยั่นถูกเสิ่นเหลียงเตือนมาจนหัวเราะไม่ออกร้องไห้ออกมาไม่ได้ แล้วก็ทิ้งเขาให้รออยู่ในห้องโถงไปอย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง
ภายในห้องครัว มู่น่อนน่อนกำลังล้างผักอยู่
ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากทางข้างหลัง หันหน้าไปก็เห็นเสิ่นเหลียง “คุณเสิ่น คุณเข้ามาได้ยังไงกันคะ?”
เสิ่นเหลียงยู่ปากอออกมา “เมื่อก่อนเธอเรียกฉันว่าเสี่ยวเหลียงนะ...”
มู่น่อนน่อนมองเธอ บนใบหน้าเผยสีหน้าแสดงความเสียใจออกไป
เสิ่นเหลียงเห็นเธอเป็นอย่างนี้แล้ว จึงได้เอ่ยออกไปทันที “ไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว ฉันช่วยเธอล้างผักเอง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจัดการเองก็พอแล้ว...”
“ฉันช่วยเธอจะได้เร็วสักหน่อย ฉันหิวมากแล้ว”
……
มู่น่อนน่อนทำอาหารเสร็จแล้วก็ได้ยกขึ้นมาที่โต๊ะ ในตอนที่กำลังจะกินกับพวกเขาอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู
เธอเบือนหน้าไปมองทางประตู ก็เห็นลี่จิ่วเชียนได้เปลี่ยนรองเท้าเดินเข้ามาทางห้องรับประทานอาหาร
ในมือของเขายังถือกุญแจรถอยู่ ตอนที่เลิกตาขึ้นมองเห็นทั้งสามคนที่อยู่ในห้องรับประทานอาหาร ก็ได้ตะลึงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่เพียงไม่นานก็กลับมาเป็นตามธรรมชาติ
สายตาของเขามองผ่านจากบนหน้าของเสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นไป สุดท้ายก็ได้จรดอยู่ที่บนใบหน้าของมู่น่อนน่อน และก็ได้ประดับรอยยิ้มออกมาจางๆ พลางเอ่ยออกไปอย่างอ่อนโยน “ที่บ้านมีแขก?”
คำพูดนี้ฟังดูแล้วสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
“อืม” มู่น่อนน่อนลุกยืนขึ้นมา “นายกลับมาได้ยังไงกัน?”
ลี่จิ่วเชียนเพียงแค่ยิ้มไปให้เธอเล็กน้อย ไม่ได้อธิบายอะไรออกไป
เขาเดินไปอยู่ที่ข้างๆของมู่น่อนน่อน “ไม่แนะนำเพื่อนสักหน่อยเลยเหรอ?”
มู่น่อนน่อนมองเขาไปแวบนึง แล้วก็ได้หันหน้ามองไปทางเสิ่นเหลียงอีกที “นี่คือเสิ่นเหลียง”
“สวัสดีคุณเสิ่น ผมคือลี่จิ่วเชียน” ลี่จิ่วเชียนยื่นมือไปทางเสิ่นเหลียง บนใบหน้าได้เผยรอยยิ้มไปอย่างพอเหมาะพอดี
เสิ่นเหลียงยื่นมือออกไป “สวัสดี คุณลี่”
เธอพูดไปพลาง มองสำรวจลี่จิ่วเชียนไปเงียบๆไปพลาง
หน้าตานั้นถือว่าด้อยกว่าเฉินถิงเซียวไปนิดนึง แต่มองดูแล้วหน้าตาดูใจดีมากเลย ก็คงจะเป็นคนที่มีนิสัยใจคอไม่เลวเลยคนหนึ่ง
จะต้องโดดเด่นเหนือใครอย่างเฉินถิงเซียวแน่นอน มันจะยากเกินไปแล้ว
แค่ลี่จิ่วเชียนดูแลมู่น่อนน่อนมาสามปี มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายทั่วๆไปสามารถทำได้อยู่แล้ว
ลี่จิ่วเชียนพยักหน้าออกมาเล็กน้อย แล้วเอาสายตาจรดไปที่ร่างของกู้จือหยั่น “คุณกู้ก็มาด้วย”
กู้จือหยั่นชำเลืองมองมือที่ลี่จิ่วเชียนเพิ่งจับเสิ่นเหลียงไปเมื่อกี้นี้ คิ้วเลิกขึ้น น้ำเสียงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก “ใช่แล้ว คุณลี่ไม่ต้อนรับ?”
“คุณเป็นเพื่อนของน่อนน่อน ผมจะต้องยินดีต้อนรับคุณอยู่แล้ว” ลี่จิ่วเชียนหลุบตาลงไปมองมู่น่อนน่อน สายตาดูสุขุมเยือกเย็น
มู่น่อนน่อนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก ถึงได้ถามลี่จิ่วเชียนออกไป “ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ย ฉันจะไปตักข้าวให้นาย”
“ฉันไปเอง” ลี่จิ่วเชียนยื่นมือไปวางลงบนบ่าของมู่น่อนน่อนไปเบาๆ พูดจบก็ได้ผันร่างเดินไปยังห้องครัว
พอลี่จิ่วเชียนเดินออกไป เสิ่นเหลียงก็ได้แอบกระทืบเท้ากู้จือหยั่นอยู่ใต้โต๊ะไปทีนึง
กู้จือหยั่นเจ็บจนช็อกขึ้นมา
ตอนที่เขาหันหน้ากลับไปมองเสิ่นเหลียง เสิ่นเหลียงก็กำลังจ้องเขาอยู่
กู้จือหยั่นจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปโดยทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...