เสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นได้ยินคำพูดของลี่จิ่วเชียน ต่างก็ตะลึงงันกันไปหมด
ทั้งสองคนหันมองหน้ากัน มองเห็นความตื่นตะลึงจากในดวงตาของกันและกัน
เสิ่นเหลียงรู้จักมู่น่อนน่อนตอนที่อยู่ม.ปลาย ก่อนหน้านั้น มู่น่อนน่อนไปไหนมาไหนตามลำพังอยู่ตลอด เหมือนกับไม่มีเพื่อนอะไรเลยด้วย
แต่น้ำเสียงของลี่จิ่วเชียนฟังไปแล้วก็ไม่เหมือนกับพูดโกหกเลยสักนิดเดียว
ลี่จิ่วเชียนพูดออกมาต่อ “ส่วนผมกับเธอรู้จักกันได้ยังไง ผมคิดว่า นี่มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกคุณเสิ่นเลย”
ตอนที่เขาพูดนั้น สายตาก็ยังคงมองจ้องอยู่ที่ประตูลิฟต์ สงบนิ่งไม่แยแสเสียไม่เข้าท่าเลย แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับประดับไปด้วยพละกำลังที่หนักแน่น”
“คุณลี่ คุณ...”
เสิ่นเหลียงกำลังอยากจะพูดอะไรออกไป ก็ได้ถูกเสียงการมาถึงจุดหมายของลิฟต์ได้ขัดขึ้นมาเสียก่อน
ลี่จิ่วเชียนหันหน้ามองไปทางเสิ่นเหลียง เอ่ยพูดออกไปนิ่งๆ “ถึงแล้ว”
ทั้งสามคนออกไปจากลิฟต์
เสิ่นเหลียงเดินเข้ามาที่ตรงหน้าลี่จิ่วเชียน ขวางทางเขาเอาไว้ “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณกำลังโกหกอยู่หรือเปล่า”
“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณเป็นเพื่อนของเธอ ผมก็คงไม่มีทางให้โอกาสให้คุณได้มาตั้งคำถามกับผมได้หรอก” บนใบหน้าของลี่จิ่วเชียนแสดงความไม่แยแสอะไรอีก ภายในดวงตาได้ปกคลุมไปด้วยความมืดครึ้ม มองไปแล้วเหมือนกับโกรธอยู่
สีหน้าของเสิ่นเหลียงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าเธอมีเพื่อน ทำไมตอนที่เจอเธอ ไม่ติดต่อพวกเรา?”
“ทำไมต้องติดต่อพวกคุณ? ผมมีความรับผิดชอบหรือหน้าที่อะไร?” ลี่จิ่วเชียนแสยะริมฝีปากออกมา เผยรอยยิ้มเยาะหยันออกมา
“คุณ...”
ไม่รอให้คำพูดตรงท่อนหลังของเสิ่นเหลียงได้พูดออกมา ก็ได้ถูกกู้จือหยั่นดึงเข้าไปข้างหลังเสียก่อน
สีหน้าของกู้จือหยั่นเองก็ไม่ได้ดีนัก “อย่างน้อย พวกเรากับน่อนน่อนก็เป็นเพื่อนที่จริงใจต่อกัน แล้วคุณล่ะ?”
ลี่จิ่วเชียนมองข้ามคำถามของกู้จือหยั่นไปทันที ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา “ตอนบ่ายผมยังมีนัดกับผู้ป่วยอีกหลายราย ขอไม่ส่งนะครับ”
เขาพูดจบ ก็ได้สาวก้าวใหญ่ๆเดินไปยังลานจอดรถ
กู้จือหยั่นหันหน้ามองไปทางเสิ่นเหลียง เห็นเธอแสดงความกังวลออกมาเต็มใบหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงพูดออกไป “ไม่อย่างนั้นพวกเราไปรับน่อนน่อนกลับมากันไม่ดีกว่าเหรอ?”
“น่อนน่อนไม่มีทางจะไปกับพวกเราหรอก ไม่ว่าลี่จิ่วเชียนกับน่อนน่อนจะรู้จักกันได้ยังไง แต่ฉันก็มองออกว่าเขาดีกับน่อนน่อนมากจริงๆ ไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่เป็นอันตรายกับน่อนน่อนหรอก”
เสิ่นเหลียงหยุดชะงักไปเล็กน้อย แล้วก็ได้เอ่ยพูดออกไป “ยิ่งไปกว่านั้น ลี่จิ่วเชียนได้ดูแลน่อนน่อนมาสามปี พวกเรามารับน่อนน่อนไปอย่างนี้ มันจะโหดร้ายไปมั้ย”
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของกู้จือหยั่นก็ได้ดังขึ้นมา
เขากดรับสายขึ้นมา และก็ไม่รู้ว่าทางปลายสายพูดอะไรมา เขาได้เอ่ยตอบไปว่า “อืม ก็ส่งมาให้ฉันตอนนี้เลยเถอะ”
“มีอะไรกัน?” เสิ่นเหลียงถามเขาออกไปด้วยความอยากรู้
กู้จือหยั่นตอบกลับไปว่า “ฉันให้คนไปสืบข้อมูลของลี่จิ่วเชียน”
ตอนที่ทั้งสองคนกลับมาที่รถแล้ว กู้จือหยั่นก็ได้รับจดหมายจากลูกน้องที่ส่งมาให้
เขาดูไปพลาง อ่านออกเสียงออกมาพลาง “ลี่จิ่วเชียน จบปริญญาเอกด้านจิตวิทยาอาชญาวิทยา เคยได้รับการว่าจ้างจากทีมสืบสวนคดีอาชญากรรมแห่งหนึ่งเพื่อทำการให้คำปรึกษาลักษณะทางจิตวิทยาของอาชญากร...”
อ่านจนถึงช่วงสุดท้ายแล้ว กู้จือหยั่นก็อดไม่ได้ที่จะพิจารณา ลี่จิ่วเชียนในมุมมองที่แตกต่างออกไป “ประวัติใสสะอาด เป็นคนมีพรสวรรค์คนหนึ่งเลยทีเดียว”
“อืม” เสิ่นเหลียงเองก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าตามออกมา
แต่ความสงสัยภายในใจเองก็ได้มีมากขึ้นเรื่อยๆ
……
วันเวลาของมู่น่อนน่อนผ่านไปอย่างเรียบๆดั่งน้ำ
ตอนกลางวันลี่จิ่วเชียนไปทำงานที่ห้องตรวจ มู่น่อนน่อนก็อยู่ที่บ้านคนเดียว ขอบเขตของกิจกรรมก็น้อยมาก
ก็คงจะเป็นเพราะว่าชีวิตได้ผ่านไปค่อนข้างที่จะสะดวกสบายเลยทีเดียว ร่างกายของเธอก็ดีขึ้นเรื่อยๆ มองดูแล้วถึงแม้ว่าจะยังผอมอยู่ แต่ก็ดีกว่าตอนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อก่อนหน้านี้เยอะเลย
หลังจากที่เสิ่นเหลียงได้ขอเบอร์โทรของเธอไปแล้ว ก็มักจะโทรมาหาเธออยู่เป็นประจำ
วันนี้ ลี่จิ่วเชียนก้าวออกจากบ้านไป ตอนหลังเธอก็ได้รับสายของเสิ่นเหลียงมา
“น่อนน่อน ออกมาช็อปกันมั้ย ฉันจะไปรับเธอเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...