ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 376

เฉินจิ่งหยุ้นกับซูเหมียนรู้จักกันตอนที่เรียนอยู่ที่เมืองนอก ผ่านมาหลายปีแล้วไม่เคยทะเลาะกันเลยและถือว่าเป็นความรู้สึกจากใจจริง

ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในเขตแดนระเบิดอารมณ์ใส่กัน ดังนั้นเวลาพูดจาออกมาเลยดูไม่น่าฟังเลย

เฉินจิ่งหยุ้นโมโหจนถึงขีดสุดจนหัวเราะเยาะกลับ “ตอนนี้แกกำลังโทษฉันอยู่ใช่ไหม?”

ซูเหมียนเม้มริมฝีปากเอาไว้ น้ำเสียงเริ่มเย็นชาบ้าง “ฉันเปล่า”

บรรยากาศอึมครึมไปถึงขั้นสูงสุด สถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว บรรดาบ่าวไพร่พวกนั้นก็ไม่กล้าเข้าใกล้

เฉินจิ่งหยุ้นถูกเฉินถิงเซียวใส่อารมณ์มา ก็เลยรู้สึกว่าซูเหมียนชักสีหน้าใส่เธอ

เธอทำหน้าตาเศร้าสร้อยตอนที่มองมาทางซูเหมียน “ซูเหมียน สามปีนี้ฉันได้สร้างโอกาสให้แกมาไม่น้อย รวมทั้งการโกหกหลอกลวงเฉินถิงเซียว แต่ตัวแกเองกลับไร้ประโยชน์! มู่น่อนน่อนที่เพิ่งแต่งเข้าบ้านมาอยู่กับเขาได้ไม่นาน จนทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำ แต่แกใช้เวลามาสามปี เขากลับไม่มีความรู้กับแกสักนิด ฉันแนะนำให้แกปล่อยวางไปเถอะ!”

ซูเหมียนเป็นคนที่เก่งแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่มาพลาดท่าให้เฉินถิงเซียวถึงที่ ตอนนี้ยังโดนเฉินจิ่งหยุ้น เอามาเปรียบเทียบกับคนที่แม้แต่เศษซากกระดูกถูกฝังอยู่ในทะเลยังไม่มีด้วยซ้ำ เธอจะอดกลั้นกับความโกรธนี้ได้อย่างไรกัน

“เฉินจิ่งหยุ้นคำพูดนี้แกอัดอั้นอยู่ในใจมานานมากแล้วใช่ไหม?” ซูเหมียนหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา “แกไม่ต้องเป็นห่วงไป ฉันจะบอกเรื่องราวในอดีตของเฉินถิงเซียวให้เขารู้ดีหรือเปล่านะ?”

เฉินจิ่งหยุ้นได้ยินแล้ว รูม่านตาหดตัวลงทันที จากนั้นสีหน้าก็ปรากฏอาการถากถางกลับ “แกไม่ทำหรอก แกอย่าลืมนะ แกก็กำลังโกหกเขาอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะพูดยังไงฉันก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเขา แม้ว่าเขาจะจำเรื่องราวในอดีตได้ แกว่าเขาจะมาหาเรื่องฉันก่อน หรือว่าจะไปหาแกก่อนดีนะ?”

“แก...”

“หนักแน่นหน่อย อย่าเพิ่งระเบิดอารมณ์เกินเหตุ พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี ต่างรู้ใจซึ่งกันและกัน ตอนนี้ก็เหมือนยืนอยู่ปากเหวด้วยกัน เราไม่สามารถเกิดข้อขัดแย้งภายในได้ แกพูดว่าใช่ไหม?”

สักพัก ซูเหมียนก็ตอบรับกลับมา “ใช่”

……

เฉินถิงเซียวพาเฉินมู่มาที่โรงแรมจีนติ่ง

สามปีนี้เฉินจิ่งหยุ้นไม่อนุญาตให้เขาไปมาหาสู่กับกู้จือหยั่น และไม่อนุญาตให้เขามาใช้จ่ายเงินที่โรงแรมจีนติ่งของกู้จือหยั่น

ไม่ใช่เพราะว่าเขาเชื่อฟังคำพูดของเฉินจิ่งหยุ้นมาก แต่เขาขี้เกียจหาเรื่องรำคาญใส่หัว

ตอนนี้เขารู้สึกว่าเฉินจิ่งหยุ้นนับวันยิ่งน่าเบื่อขึ้นเรื่อย ๆ เลยไม่อยากไปพักที่บ้านตระกูลเฉินอีกแล้ว

คืนนี้ต้องหาที่พักค้างคืนก่อนสักคืน

เมื่อเดินเข้าโรงแรมจีนติ่ง เขาก็ค้นพบว่าสไตล์การตกแต่งของโรงแรมจีนติ่งไม่เลวเลย ถือว่ามีรสนิยมพอตัว

เฉินถิงเซียวเปิดห้องชุดหนึ่งห้อง หลังจากจัดการวางสิ่งของเรียบร้อยแล้ว ก็พาเฉินมู่ไปกินข้าวในร้านอาหาร

มัวแต่วุ่นวายมาทั้งคืนแล้ว เวลากินข้าวก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่า

อย่าพูดเลยว่าเฉินมู่เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ขนาดเขาเองก็ยังหิวเลย

เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เฉินมู่ก็ลุกยืนบนเก้าอี้เด็กอย่างทนไม่ไหว และเริ่มคว้าตะเกียบเพื่อเตรียมลงมือคีบอาหาร

เฉินถิงเซียวเริ่มพูดเสียงแข็ง “นั่งลง”

เฉินมู่ได้แต่คว่ำปากยิ้มกลับและนั่งลงทันที และพูดอย่างน้อยใจ “หนูหิวมากเลยค่ะ...”

เฉินถิงเซียวตักข้าวแต่ไม่ยอมพูดจาอะไร หลังจากที่คีบอาหารใส่ชามของเธอและคลุกให้เธอแล้ว ก็หยิบเอาผ้าเช็ดปากมาสอดลงใต้ลำคอของเธอ จากนั้นถึงได้ยื่นชามข้าวมายังด้านหน้าของเธอ

การกระทำทุกอย่างช่างดูคล่องแคล่องและคุ้นเคยมาก

ผู้หญิงหลายๆ คนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ถึงกับกระซิบพูดถึงเฉินถิงเซียวขึ้นมาทันที

หลายปีที่ผ่านมานี้เฉินถิงเซียวเห็นหน้าค่าตาอยู่ในข่าวมาหลายครั้ง จนมีคนจำเขาได้แล้ว แต่ไม่มีคนกล้าตีสนิทไปคุยด้วย

เมื่อเฉินมู่ยังมีอายุได้ไม่กี่เดือนตอนยังดื่มนมอยู่นั้น ก็แสดงความชอบที่ไม่ค่อยปกติออกมา ซึ่งคว้าอะไรได้ก็ตามก็จับยัดใส่ปากทันที

ส่วนเรื่องกินข้าวนั้น เธอจึงคนวางใจได้เลย

เฉินถิงเซียวมองท่าทางการกิน “ตะกละตะกลาม” ของเฉินมู่ จนหัวคิ้วผูกเป็นโบเล็กน้อย “ค่อยๆ กิน”

เฉินมู่สนใจคำพูดของเขาที่ไหนกัน เมื่อหยิบตะเกียบได้ก็จัดการคุ้ยข้าวเอาปากอย่างเต็มที่ทันที

เวลานั้นน้ำซุปยังไม่ได้เสิร์ฟ เฉินถิงเซียวได้แต่ยื่นแก้วน้ำมาให้ตรงหน้าเธอ เพื่อป้อนน้ำให้เธอดื่ม

ตอนที่เสิ่นเหลียงตามคนในกองถ่ายเข้ามานั้น ก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี

ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะอาหาร มือหนึ่งก็ถือแก้วน้ำ อีกมือก็เอาทิชชูเอาไว้ แม้ว่าภาพนั้นจะไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา ทว่าดวงตาดำขลับกลับจับสังเกตเด็กสาวตัวน้อยที่กำลังกินข้าวอยู่

คนรอบข้างเสิ่นเหลียงเองก็สังเกตเห็นเฉินถิงเซียวด้วย

“นั่นไม่ใช่ท่านประธานของบริษัทเฉินซื่อเหรอ?”

“เขาก็มากินข้าวที่นี่เหรอ เด็กสาวคนนี้เป็นใครกัน? ลูกสาวนอกสมรสของเขาเหรอ?”

“น่าจะใช่แหละ ดูแล้วก็หน้าตาคล้ายกันอยู่นะ...”

“ตระกูลเฉินยีนดีจริงๆ เลย เฉินถิงเซียวหน้าตาหล่อขนาดนั้น ลูกสาวของเขาก็น่ารักมากด้วย...”

การถกเถียงของพวกเขาเริ่มเบี่ยงหัวข้อไปจากประเด็นหลัก เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าเสิ่นเหลียงไม่ยอมเดิน พลันเลยส่งเสียงเตือนเธอ “เสิ่นเหลียง ดูอะไรอยู่เหรอเนี่ย? ไปกันเถอะ”

เสิ่นเหลียงตั้งสติกลับมาได้ จากนั้นก็พูดอย่างรีบร้อนออกมาหนึ่งประโยค “พวกคุณเดินไปกันก่อน ฉันมีธุระนิดหน่อย”

“งั้นได้ พวกเราเดินไปก่อนแล้วกันนะ คุณก็เร็วๆ หน่อยแล้วกัน”

รอให้พวกเขาเดินไปกันแล้ว เสิ่นเหลียงก็มองสำรวจโดยรอบ และมุ่งหน้าเดินมาทางเฉินถิงเซียว

หลายปีก่อน โรงแรมจีนติ่งกับบริษัทเสิ้งติ่งกู้จือหยั่นเป็นคนเข้ามาบริหารงาน แต่เพราะว่าเหตุผลนี้เอง เสิ่นเหลียงเลยไม่ต้องกังวลกับการถูกปาปารัสซีแอบถ่ายอยู่ที่นี่

ในทางกลับกันกู้จือหยั่นก็จะช่วยเธอจัดการปัญหาอยู่แล้ว

เสิ่นเหลียงเดินมุ่งหน้าไปยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะอาหารของเฉินถิงเซียวทันที

“กินช้าๆ หน่อย ไม่มีคนมาแย่งลูกหรอกน่า” เฉินถิงเซียวกำลังใช้เสียงสุขุมพูดกับเฉินมู่

เสิ่นเหลียงกระแอมเสียง เพื่อให้โล่งคอ จากนั้นก็เรียก “ท่านประธานใหญ่”

เธอพูดจบ สายตาของอดใจเหล่มองเฉินมู่ไม่ไหว

นั่นเป็นลูกสาวของมู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียว เฉินมู่เหรอ?

น่า...น่ารักมาก!

จมูกน่ารัก ดวงตาก็ช่างน่ารัก ท่าทางกินก็ยังน่ารักที่สุดเลย!

เฉินถิงเซียวได้ยินเสียงเลยหันขวับไปทางเสิ่นเหลียง

ดูคลับคล้ายคลับคลาอยู่ แต่เรียกชื่อไม่ออก ถึงอย่างไรผู้ชายที่ต้องการจะตีสนิทกับเขาช่างมากมายเหลือเกิน

แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้เหมือนว่าจะไม่เหมือนผู้หญิงที่เข้าหาเขาคนก่อนๆ เลย เพราะว่าดวงตาของเธอเอาแต่จับจ้องมาที่ตัวของเฉินมู่อยู่ตลอดเวลา

เฉินถิงเซียววางแก้วน้ำในมือลง น้ำเสียงเอ่ยปากถามกลับอย่างเย็นชาใส่ “คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?”

แสนยากเย็นเหลือเกินที่เสิ่นเหลียงจะเบนสายตาออกมาจากตัวของเฉินมู่ได้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสามปีที่ไม่ได้พูดคุยกับเฉินถิงเซียวเลย แต่ว่าอาการที่มีศักดิ์ศรีค้ำคออยู่ จนทำให้สัญชาตญาณของเธอถึงกับหลังตรงทันที และทำท่าทางยืนตรงเหมือนตรงตามมาตรฐานของเด็กนักเรียนเป๊ะ

เสิ่นเหลียงเอ่ยคำเรียกอย่างซื่อตรงออกมาอีกครั้ง “ท่านประธานใหญ่!”

นัยน์ตาของเฉินถิงเซียวทอประกายความรู้สึกครุ่นคิดออกมา จากนั้นก็ถามกลับทันที “คุณคือนักแสดงที่อยู่ใต้สังกัดของบริษัทเสิ้งติ่งใช่ไหม?”

“ค่ะ” เสิ่นเหลียงส่งเสียงตอบรับ พลันอดใจไม่ไหวที่จะเบนสายตากลับมาตัวของเฉินมู่อีกครั้ง “ลูกสาวของคุณน่ารักจริงๆ ค่ะ”

“ผมไม่ได้ประกาศมาก่อนเลยว่าตัวผมเองมีลูกสาว ดูเหมือนว่าคุณเองก็ไม่ได้มีอาการตกใจอะไร” อาจจะเพราะว่าเสิ่นเหลียงไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นพวกนั้นที่แสดงสีหน้าคิดทุเรศกับเขาและแสดงทางสีหน้าออกมา เขาจึงยินยอมที่จะพูดกับเธอมากขึ้น

สีหน้าของเสิ่นเหลียงแข็งทื่อ เมื่อคิดถึงมู่น่อนน่อน เธอถอนหายใจเล็กน้อย “เพราะว่าพวกเรารู้จักกันมาก่อนค่ะ”

แววตาของเฉินถิงเซียวพลันเปลี่ยนเป็นคมกริบเต็มเปี่ยมขึ้นมาทันที

เสิ่นเหลียงกลืนน้ำลายลงคอ “ที่ฉันพูดออกมามันคือความจริง”

แม้ว่าจะผ่านมาแล้วสามปี นัยน์ตาของท่านประธานใหญ่ยังคงน่าหวาดกลัวอยู่เช่นเดิม!

“คุณพ่อ เอาอีกค่ะ!”

น้ำเสียงของเฉินมู่ทำลายบรรยากาศทันที

เฉินถิงเซียวหันศีรษะกลับไป และจัดการคลุกข้าวให้เฉินมู่ต่ออย่างไม่พูดไม่จา

เฉินมู่หันข้างมามองเสิ่นเหลียง เสิ่นเหลียงเองก็มองเธอเช่นเดียวกัน

จากนั้น เฉินมู่ก็หันมายิ้มตาหยีให้และเรียกกลับทันที “พี่สาวคนสวย”

เสิ่นเหลียงรู้สึก​ว่าตัวเองตกหลุมรัก​กับความน่ารัก​น่าชังจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม